~ ทุกการเดินทางมีเรื่องราว ~
เวลาที่เราคิดจะทำอะไรสักอย่าง ใครหลายๆ คนมักค้นหาคำว่าจุดหมาย ความสำเร็จ ฯลฯ แต่สิ่งที่ได้มาระหว่างทางก่อนจะถึงจุดหมาย มันมีทั้งความทรงจำ ความสุข หรือความทุกข์ปนกันเป็นเรื่องราวดีๆ ให้น่าจดจำได้เสมอ การเดินทางก็เช่นกัน ทริปนี้ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวกับพี่ที่รู้จักคนนึงที่เขาทำงานจัดทริปทัวร์ ปลายทางของเราคือสถานที่ๆ เรียกว่า "มุลาอิ" และแน่นอน การเดินทางครั้งนี้ไม่ธรรมดา และมีอะไรให้น่าจดจำระหว่างทางมากมาย ส่วนผมไปเจออะไรมาบ้างนั้นเดี๋ยวจะพาไปดูพร้อมกัน พร้อมยัง !!??
~ มุลาอิคือที่ไหน ~
หลายท่านสงสัยว่ามุลาอิคือที่ไหน ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แล้วทำไมมันสวยจัง แล้วทำไมมีเจดีย์อยู่บนเขา ?? เขาเพิ่งไปสร้างหรอ เจดีย์มันดูใหม่ๆ เคยไปเจอในเพจจัดทริปเที่ยวแล้วทำไมข้อห้ามมันเยอะจัง ?? จากที่ได้กล่าวมา ผมก็สงสัยเหมือนกันครับเลยไปหาข้อมูลจากชาวบ้านแถวนั้นมาเล่าให้เราฟัง ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าข้อมูลอาจไม่ตรงกับท่านอื่นๆ ได้เขียนเอาไว้ เพราะไม่มีบันทึกเรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้หาข้อมูลอ้างอิงยากมาก
มุลาอิ(MULAYIT) หรือบางท่านออกเสียงว่า มอลาอิ มุเลอิ ฯลฯ ซึ่งออกเสียงเพี้ยนกันไปตามท้องถิ่นและกาลเวลา ชาวบ้านที่ขับรถพาไปยืนยันว่า เรียกแบบไหนก็ได้
มุลาอิ ตั้งอยู่บริเวณรัฐกระเหรี่ยง อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 2,005 เมตร (ออกซิเจนเบาบาง เหนื่อยง่ายมากครับ) ใช้เวลาเดินทางจากบ้านหมื่นฤาชัย อ. พบพระ จ. ตาก ประมาณ 3-5 ชั่วโมง โดยรถกระบะ เป็นหนึ่งในสามยอดเขาศักดิ์ของชาวกระเหรี่ยง (ดอยพะวี มุลาอะ และมุลาอิ) บางตำราบันทึกไว้ว่าเจดีย์บนยอดเขามุลาอิบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้ อายุของเจดีย์ราวๆ พันปี (จากภาพจะดูเหมือนสร้างใหม่เพราะมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่บ่อยๆ)
~ ข้อห้ามตั่งต่าง ~
จริงๆ แล้วข้อห้ามบนมุลาอิมีค่อนข้างเยอะ แต่จากคนจัดทริปได้สรุปไว้คร่าวๆ ดังนี้ๆ
- บนมุลาอิ ต้องกินเจเท่านั้น ไม่นำเนื้อสัตว์ขึ้นไปข้างบน
- ผู้ชายและผู้หญิงห้ามถ่ายรูปคู่กัน
- ผู้หญิงที่จะไปต้องไม่เป็นประจำเดือน
- ผู้หญิงและผู้ชายห้ามนอนเต๊นท์เดียวกัน
- ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามพูดคำหยาบ ปฏิบัติตนอยู่ในความสำรวม
หลายท่านอ่านแล้วใครๆ ก็สงสัยเหมือนผมแหล่ะเน๊าะ เพราะบางข้อดูแปลกๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนมีข้อห้ามขนาดนี้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวการเดินทางครั้งนี้จะบอกเราเอง เราจะเจออะไรกันบ้าง เดี๋ยวรู้ !!!
ก่อนจะเข้ากระทู้หากใครขี้เกียจดูรูป อยากนั่งดูเป็นวีดีโอ สามารถดูแบบความคมชัดระดับ 4K ได้จากลิงค์ด้านล่างนี้เลยครับ
~ เริ่มเดินทางกัน ~
การเดินทางเริ่มจากบ้านหมื่นฤาชัย อ.พบพระ จ.ตาก กับบรรยากาศเงียบสงัดงามเช้า เราเดินทางมาถึงตั้งแต่เช้ามืด พร้อมสายหมอกปกคลุมทั่วหมู่บ้าน หาข้าวเหนียวหมูปิ้ง ปลาดุกย่างตุนไว้เผื่อมื้อเที่ยงไว้ด้วย ทางเข้าหมู่บ้านจะมีเซเว่นอยู่เป็นที่สุดท้ายหากจะซื้อขนมที่ไม่ปนเปื้อเนื้อสัตว์ไปเคี้ยวเล่นตอนนั่งเม้าท์มอยบนเขา ที่เริ่มสังเกตคือคนที่อยู่ในเซเว่นไม่ได้พูดภาษาไทยกัน เขาใช้ภาษากระเหรี่ยงคุยกัน ซึ่งไม่ใช่ภาษาพม่านะครับ
ที่สังเกตุเห็นอย่างหนึ่งคือหมู่บ้านกำลังช่วยกันสร้างบ้าน เห็นเป็นเสาขึ้นหลายหลังเลย
อาบน้ำอาบท่าเสร็จ เวลาสัก 8.30 ก็ถึงเวลาออกเดินทาง
เส้นทางที่เราไปต้องข้าม แม่น้ำเมย ซึ่งไม่ลึกมาก รถผ่านได้ แต่ที่สำคัญ ในน้ำมีปลาตัวเท่าขา เวียนว่ายอยู่ต็มไปหมดเลยครับ น่าเสียดายที่ผมพกอุปกรณ์ถ่ายรูปไปไม่ครบ ไม่มี CPL ไว้ตัดแสงสะท้อน ถ่ายไม่ค่อยเห็นตัวปลาเท่าไหร่ แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าจริงๆ ชัดเจนมากครับ ส่วนปลาชนิดไหนนั้น.., ผมลืมครับ ฮ่าๆๆ จำได้ว่ามีป้ายเขียนไว้สักที่แต่ด้วยความเหนื่อยล้าเลยไม่ได้จำเอาไว้
น้ำแค่เขาเอง ลุยๆๆๆๆ
เห็นเงาดำๆ ในน้ำมั้ยครับ นั่นหล่ะ ปลา ว่ายเต็มไปหมด
เขาไปได้ เราก็ต้องไปได้ !!
บรรยากาศระหว่างเดินทางเต็มไปด้วยควันที่เกิดจากการเผาป่า เป็นภาพที่น่าเศร้ายิ่งนัก แต่ทำได้แค่นั่งดูค่าฝุ่นพุ่งทะลุมาตรฐาน ฉะนั้นหากใครอยากไปแนะนำว่าควรไปช่วง ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ก่อนที่จะเข้าฤดูทำไร่ของชาวบ้านแถวนั้น
ทัศนวิศัยน้อยมาก มองแทบไม่เห็นอะไรเลย พี่สาระบอกว่าถ้าปกติเราจะเห็นภูเขาซ้อนๆ กันหลายลูก (พี่สาระคือชาวบ้านที่ขับรถพาไปส่ง)
ในวันที่พวกผมเดินทางคือวันเลือกตั้ง พี่สาระบอกว่า "พี่โทรเช็คเจ้าอื่นแล้ว วันนี้มีแค่พวกเรา 7 คนนะ ที่ไปกางเต๊นท์บนมุลาอิ" เดี๋ยวๆๆๆๆ ปกติมีเป็นร้อย วันนี้มี 7 สบายยยละ น่าจะเหงา ฮ่าๆ พี่สาระเสนอมาเพิ่มว่า ไปมุลาอะมั้ย ? แต่ก่อนต้องเดินเท้าไป ตอนนี้รถเข้าถึงแล้ว แถมไม่มีใครแย่งที่กางเต๊นท์ด้วย (โดยปกติ ประมาณ 15.00 น. ต้องถึงลานกางเต๊นท์เพื่อจับจอง เพราะช่วงหลังๆ มุลาอิเริ่มดัง คนเริ่มไปเยอะ) จริงๆ พวกผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ไว้ไปไกลๆ ค่อยว่ากัน
ความง่วงไม่ปราณีใครจริงๆ
น้องแพะระหว่างทางน่ารักมากกกกก นั่งให้ถ่ายรูปชิวๆ ไม่หนีไปไหนเลย จับได้ ลูบหัวได้ แต่มันจะนิ่งๆ มาก เหมือนเราไม่มีตัวตน
มันคงไม่เล่นกับคนเหมือนหมาเหมือนแมวแหล่ะเน๊าะ ฮ่าๆ
ระหว่างทางเห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันทำถนน
คือระหว่างทาง เป็นทางที่ลำบาก เข้าขั้นใช้คำว่า "โครตลำบาก” เป็นหินและทราย และฝุ่น ต้นไม้ไม่ใช่สีเขียวนะครับ สีน้ำตาลครับ !!! สีเดียวกับฝุ่นเลย ฮ่าๆ
ลำบากขั้นที่ว่า ยกกล้องมาถ่ายไม่ได้เลยครับ กล้องผมค่อนข้างเก่า ยืมเพื่อนมาอีกทีนึง โฟกัสไม่ได้เลย หลุม หิน โค้ง ขึ้นเขา เอาให้ครบ !! อารมณ์แบบ ไม่ไหวละ เก็บกล้อง !! ขอนั่งให้ได้ก่อน ผมหันไปถามพี่เดช (คนจัดทริป) ว่าอีกไกลมั้ยจะถึง พี่เดชบอกว่า เพิ่งเริ่มเอง โอยยยยยยย (ผมอุทานอย่างดัง !!) ปวดก้นหนักมาก แต่ก็ต้องทน T^T พอถึงแยกๆ หนึ่งพี่สาระลงจอดรถมาถามว่าจะไป มุลาอะ มั้ย ? พี่เดชตอบสั้นๆ ว่า "ไม่ครับ มุลาอิเลย" พร้อมสีหน้าที่ตะโดนมาจากเบื้อลงลึกว่า "เจ็บก้นแล้ว อยากถึงไวๆ"
ระหว่างทางก็จะผ่านหมู่บ้านชาวกระเหรี่ยงหลายหมู่บ้าน ตามแพลนของเราจะต้องหยุดทานข้าวที่หมู่บ้านสุดท้ายก่อนจะเดินทางยาวๆ เพื่อรับประทานอาหารเที่ยง และเคลียร์อาหารที่ปนเปื้อเนื้อสัตว์ทั้งหมด เพราะข้างบนต้องรับประทานอาหารเจเท่านั้น ก่อนรับประทานอาหารเที่ยง เรามีโอกาสได้พบปะ พูดคุยกับคนผู้นำของหมู่บ้านนั้น ซึ่งคนที่นั้นใช้สรรพนามเรียกว่า "หัวหน้า" ใช้แบบนี้จริงๆ ครับ เหมือนคำว่าหัวหน้าของภาษาไทยเลย ประมาณว่าผู้ใหญ่บ้านแหล่ะครับ พี่สาระหันมาบอกพวกเราว่าตอนนี้หัวหน้ากำลังทำถนนไปถึงน้ำตกแห่งหนึ่งกลางป่าลึกที่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน แล้วก็ถามพวกผมว่าอยากไปกันมั้ย ผมหันไปคุยกับพี่เดชก็ยังลังเลกันอยู่ เพราะมันไม่อยู่ในแพลนของเรา อาจส่งผลเรื่องเวลา เรากลัวว่าจะไปถึงมุลาอิช้าเกินไป ผมหันไปถามพี่สาระว่า ไกลมั้ย พี่สาระตอบว่า "พี่ก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน” หัวหน้าบอกว่าน้ำตกสวยและสูงมาก แป๊บเดียวถึ๊งงงงงง"
หมูป่าก็มา !!! จริงไม่ใช่นะครับ หมูบ้านสีดำ ฮ่าๆ
มื้อเที่ยงเรียบร้อย อิ่มหนำสำราญกับข้าวเหียวปลาย่างที่ซื้อจากตอนเช้า ตบทับด้วยมาม่า ถ้วยละ 20 บาท จ่ายด้วยเงินไทย แต่เขาฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องนะครับเราก็เดินหาน้ำร้อนตามร้านค้าด้วยภาษามือ ฮ่าๆๆ เขาก็ไปยกมาให้จากในบ้าน น่ารักมากกกก
เอาหล่ะ พร้อมลุยต่อ !! พี่สาระหันมาถามว่า สรุปไปมั้ยน้ำตก ? ผมบอกพี่เขาว่า ไว้ใกล้ถึงเดี๋ยวจอดแล้วถามความเห็นคนอื่นก่อนว่าไหวมั้ย เพราะทางจะลำบากขึ้นเรื่อยๆ พอขับรถไปได้สักชั่วโมงนึง ผ่านทางขรุขระราวกับเราขับรถลุยบนพื้นผิวดวงจันทร์ ประมาณว่ารถคันนี้ขับเสร็จต้องเอาไปขายทิ้งเป็นเศษเหล็กเพราะช่วงล่างคงพังหมด ไม่ใช่แค่ของรถนะครับของคนด้วย
พอถึงสามแยกๆ นึง (อันนี้ค่อยๆ นึกภาพฉากนี้นะครับ) มีสามแยกเล็กๆ ข้างหน้า รถเลี้ยวไปทางขวา ระหว่างที่รถขับไป พี่สาระก็ชี้บอกว่า ทางซ้ายบอกว่า “นี่แหล่ะทางไปมุลาอิ อีกแป๊บเดียวก็ถึง อันนี้เดี๋ยวเราจะไปน้ำตกกัน” เอ่อออออ !!! ยังไม่ได้ถามคนอื่นเลยยย(คิดในใจ) แต่ก็คิดว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ก็ลองดูหน่อยละกัน
ระหว่างทาง ทางไม่ค่อยมีหิน คราวนี้เป็นทรายและค่อนข้างชันลงเขา รถผ่านได้ทีละคัน มองออกเลยว่าทางไปน้ำตกเพิ่งทำจริงๆ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็จอดรถ พี่สาระออกไปคุยกับรถคันที่จอดอยู่ข้างหน้าสักพักก็เดินมาบอกพวกเราว่า ทางทำไกลได้แค่นี้ เดินต่ออีกแป๊บเดียว ไหวมั้ย ? ผมบอก "โห้ยย สบ๊ายยย" ก็ดูสิครับ ดูจากรูปแล้วเดินๆ ตามทางไปก็คงถึง
แต่หารู้ไม่ !! ไม่ใช่ว่าจะเดินลงไปแล้วถึงเลย ต้องลงเขาด้วย ลงเขาแบบไม่มีทางเดินหน่ะครับ !! เดินลุยลงไปเลย เกาะต้นไม้ไปด้วย ล้มกลิ้งกันคนละหลายๆ รอบ ได้ฮากันไป ฮ่าๆ (ชมบรรยากาศทางลงเขาได้จากวีดีโอข้างต้นกระทู้ได้นะครับ ถ้าขี้เกียจเกาะว่าจะกลิ้งลงแทนละ !! )
[CR] แบกกล้องไปท่องโลก [EP.04] มุลาอิ (MULAYIT) เดินทางหลักพัน ได้วิวหลักล้าน !! (March'19)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น