ต้องขอเกริ่นก่อนว่า..
คือเราอยู่กับแฟนค่ะ เป็นบ้านพักของที่ทำงาน(ฟรี) ตอนแรกก็ไม่ได้รวมกระเป๋าเงินกันใช้หรอก แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เงินเดือนเราไม่ออก 2 เดือนติดเกิดจากปัญหาระบบบัญชีของที่ทำงาน แฟนก็เลยแบ่งเงินมาให้ใช้ไปก่อน จากนั้นมาไงไปไงไม่รู้กลายเป็นรวมเงินกันใช้ไปซะเฉยๆ เพราะแฟนดันชินกับให้เงินเราแล้ว 5555
เงินเดือนเรา 15,000
มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่แน่นอนคือ
ประกันสังคม 750
ให้ค่าใช้จ่ายที่บ้านแม่ 3,000
ค่าโทรศัพท์ 1,000
ค่าอาหารและต่างๆนานาของแมว 500
ค่าน้ำไฟ และน้ำลัง(น้ำดื่ม)ของที่บ้านพัก 500
แล้วก็จะเหลือ ( 9,250 )
แฟนเงินเดือน 9,000+ot
มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่แน่นอนคือ
ผ่อนเงินธนาคารที่กู้มาซ่อมบ้านแม่ 3,000
ค่าน้ำค่าไฟค่าเนตบ้านแม่ 1,000
ค่าโทรศัพท์ 500
ค่าบุหรี่ไฟฟ้า 500
แล้วจะเหลือ ( 4,000 ) ก็คือให้เก็บไว้ที่เราหมดเลย
แล้วเวลาไปกินข้าว เที่ยว ดูหนัง มีเทศกาลอะไรพิเศษที่ต้องซื้อของให้ญาติผู้ใหญ่ มีเรื่องจำเป็นฉุกเฉินของที่บ้าน ทุกอย่างเลยดีกว่าที่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำเดือน คือให้เราเป็นคนจ่ายอ่ะเพราะถือว่าเอาเงินมารวมไว้กระเป๋าเดียวกันแล้วก็คือเงินกองกลาง
ลองแจงค่าใช้จ่ายส่วนเกินก็ประมาณว่า....
-ดูหนังครั้งนึง ค่าตั๋ว2คน+ป๊อปคอร์น+น่ำโค้ก =ประมาณ 500
-แฟนซื้อกับข้าวมาให้แม่ที่บ้านมีแม่ ตา หลาน =200/ครั้ง ซึ่งก็บ่อยๆเพราะบ้านแฟนใกล้ที่ทำงาน แต่ข้อนี้เราก็ไม่กล้าขัด ถือเป็นญาติผู้ใหญ่แฟนเราก็เกรงใจและยินดี
-ค่าหลอดไฟ เตาแก๊ส สัพเพเหระ ที่เอามาซ่อมเปลี่ยน บ้านแม่แฟน
ซึ่งพอลองมานั่งเขียนดูแล้ว ทำไมมีแต่ค่าใช้จ่ายของครอบครัวแฟนทั้งนั้นเลย ก็เลยแอบมีแว้บนึงที่คิดขึ้นมาว่า ก็เท่ากับเงินที่แฟนให้เราก็เอามาจ่ายเรื่องที่บ้านแฟนเองหมด แล้วค่ากินค่าอยู่กับเรา คือเงินเราที่จ่ายไป อ้าวว.. นี่เราเลี้ยงผู้ชายหรอ? แล้วก็สะอึกตัวเองที่คิดอะไรแบบนี้ ดูเป็นคนไม่ดีเลย นี่ก็แฟนเรานะ ก็แค่แฟนมั้ยล่ะ ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย (คู่แต่งบางคู่ยังแยกกระเป๋าเงินกันเลยด้วยซ้ำ)
แรกๆก็ไม่เท่าไหร่หรอก ทำใจได้ กระเบียดกระเสียนกันไปเดือนชนเดือน พอมาช่วงหลังๆมานี้ เรารู้สึกไม่กล้าจะซื้ออะไรที่เราอยากได้เลยอ่ะ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ก็ผู้หญิงอ่ะเนาะก็ต้องมีบ้าง แล้วก็หนังสือ(เป็นคนชอบอ่านและสะสม) พอมานึกๆดูแล้ว มันก็เงินเรานะ แต่ก็คิดตลอดเลยกลัวจะไม่พอใช้จ่ายกันสองคน
*คิดค่ากินแต่ละวันสามมื้อ ซื้อกับข้าวมาทำเองบ้าง ออกไปกินนอกบ้านบ้าง ก็คิดรวมๆเป็น 50/มื้อ/คน = 150/วัน/คน = วันละ 300/2คน = 9,000 บาท/เดือน นั่นคือทั้งหมดของเงินที่เหลือของเราเลยนะ T^T
ปล. ตอนเป็นโสด อยู่คนเดียว ค่าใช้จ่ายเราก็เหลือเฟือ แต่พอมีแฟนรวมกระเป๋ามันก็กลายเป็นไม่พอใช้แล้วซะงั้น
ปล.2 แม่ก็ถามตลอดว่าเงินพอใช้มั้ย เราก็บอกสบายอยู่แม่ไม่ต้องห่วง คือแม่ไม่รู้ว่ารวมกระเป๋ากับแฟน ไม่กล้าบอกกลัวแม่จะว่าว่าเราไปเลี้ยงผู้ชายทำไม เพราะแม่พูดหลายรอบมากว่าทำไมไม่หาแฟนที่เลี้ยงดูเราได้(ดูจากเงินเดือน) มาตลอด
กลับมาที่คำถามค่ะ
เราจะทำหรือพูดกับแฟนยังไงดี? ว่าอยากแยกกระเป๋าเงินใช้จ่าย
แล้วเวลากินหรือไปไหนด้วยกันก็ช่วยกันหารก็ได้
ถ้ามีเรื่องจำเป็นก็ยืมเงินกันได้ไม่คิดมาก
แค่แบ่งชัดเจนว่าเงินใคร เงินใคร แบบนี้
ถ้าพูดตรงๆ แฟนจะคิดว่าเราคิดถอยตัวออกห่างไปมั้ย? แบบค่อยๆแยกละเลิกอะไรแบบนี้ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นน้า
(ปรึกษา) อยากแยกกระเป๋าเงินกับแฟนค่ะ
คือเราอยู่กับแฟนค่ะ เป็นบ้านพักของที่ทำงาน(ฟรี) ตอนแรกก็ไม่ได้รวมกระเป๋าเงินกันใช้หรอก แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เงินเดือนเราไม่ออก 2 เดือนติดเกิดจากปัญหาระบบบัญชีของที่ทำงาน แฟนก็เลยแบ่งเงินมาให้ใช้ไปก่อน จากนั้นมาไงไปไงไม่รู้กลายเป็นรวมเงินกันใช้ไปซะเฉยๆ เพราะแฟนดันชินกับให้เงินเราแล้ว 5555
เงินเดือนเรา 15,000
มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่แน่นอนคือ
ประกันสังคม 750
ให้ค่าใช้จ่ายที่บ้านแม่ 3,000
ค่าโทรศัพท์ 1,000
ค่าอาหารและต่างๆนานาของแมว 500
ค่าน้ำไฟ และน้ำลัง(น้ำดื่ม)ของที่บ้านพัก 500
แล้วก็จะเหลือ ( 9,250 )
แฟนเงินเดือน 9,000+ot
มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่แน่นอนคือ
ผ่อนเงินธนาคารที่กู้มาซ่อมบ้านแม่ 3,000
ค่าน้ำค่าไฟค่าเนตบ้านแม่ 1,000
ค่าโทรศัพท์ 500
ค่าบุหรี่ไฟฟ้า 500
แล้วจะเหลือ ( 4,000 ) ก็คือให้เก็บไว้ที่เราหมดเลย
แล้วเวลาไปกินข้าว เที่ยว ดูหนัง มีเทศกาลอะไรพิเศษที่ต้องซื้อของให้ญาติผู้ใหญ่ มีเรื่องจำเป็นฉุกเฉินของที่บ้าน ทุกอย่างเลยดีกว่าที่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำเดือน คือให้เราเป็นคนจ่ายอ่ะเพราะถือว่าเอาเงินมารวมไว้กระเป๋าเดียวกันแล้วก็คือเงินกองกลาง
ลองแจงค่าใช้จ่ายส่วนเกินก็ประมาณว่า....
-ดูหนังครั้งนึง ค่าตั๋ว2คน+ป๊อปคอร์น+น่ำโค้ก =ประมาณ 500
-แฟนซื้อกับข้าวมาให้แม่ที่บ้านมีแม่ ตา หลาน =200/ครั้ง ซึ่งก็บ่อยๆเพราะบ้านแฟนใกล้ที่ทำงาน แต่ข้อนี้เราก็ไม่กล้าขัด ถือเป็นญาติผู้ใหญ่แฟนเราก็เกรงใจและยินดี
-ค่าหลอดไฟ เตาแก๊ส สัพเพเหระ ที่เอามาซ่อมเปลี่ยน บ้านแม่แฟน
ซึ่งพอลองมานั่งเขียนดูแล้ว ทำไมมีแต่ค่าใช้จ่ายของครอบครัวแฟนทั้งนั้นเลย ก็เลยแอบมีแว้บนึงที่คิดขึ้นมาว่า ก็เท่ากับเงินที่แฟนให้เราก็เอามาจ่ายเรื่องที่บ้านแฟนเองหมด แล้วค่ากินค่าอยู่กับเรา คือเงินเราที่จ่ายไป อ้าวว.. นี่เราเลี้ยงผู้ชายหรอ? แล้วก็สะอึกตัวเองที่คิดอะไรแบบนี้ ดูเป็นคนไม่ดีเลย นี่ก็แฟนเรานะ ก็แค่แฟนมั้ยล่ะ ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย (คู่แต่งบางคู่ยังแยกกระเป๋าเงินกันเลยด้วยซ้ำ)
แรกๆก็ไม่เท่าไหร่หรอก ทำใจได้ กระเบียดกระเสียนกันไปเดือนชนเดือน พอมาช่วงหลังๆมานี้ เรารู้สึกไม่กล้าจะซื้ออะไรที่เราอยากได้เลยอ่ะ เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ก็ผู้หญิงอ่ะเนาะก็ต้องมีบ้าง แล้วก็หนังสือ(เป็นคนชอบอ่านและสะสม) พอมานึกๆดูแล้ว มันก็เงินเรานะ แต่ก็คิดตลอดเลยกลัวจะไม่พอใช้จ่ายกันสองคน
*คิดค่ากินแต่ละวันสามมื้อ ซื้อกับข้าวมาทำเองบ้าง ออกไปกินนอกบ้านบ้าง ก็คิดรวมๆเป็น 50/มื้อ/คน = 150/วัน/คน = วันละ 300/2คน = 9,000 บาท/เดือน นั่นคือทั้งหมดของเงินที่เหลือของเราเลยนะ T^T
ปล. ตอนเป็นโสด อยู่คนเดียว ค่าใช้จ่ายเราก็เหลือเฟือ แต่พอมีแฟนรวมกระเป๋ามันก็กลายเป็นไม่พอใช้แล้วซะงั้น
ปล.2 แม่ก็ถามตลอดว่าเงินพอใช้มั้ย เราก็บอกสบายอยู่แม่ไม่ต้องห่วง คือแม่ไม่รู้ว่ารวมกระเป๋ากับแฟน ไม่กล้าบอกกลัวแม่จะว่าว่าเราไปเลี้ยงผู้ชายทำไม เพราะแม่พูดหลายรอบมากว่าทำไมไม่หาแฟนที่เลี้ยงดูเราได้(ดูจากเงินเดือน) มาตลอด
กลับมาที่คำถามค่ะ
เราจะทำหรือพูดกับแฟนยังไงดี? ว่าอยากแยกกระเป๋าเงินใช้จ่าย
แล้วเวลากินหรือไปไหนด้วยกันก็ช่วยกันหารก็ได้
ถ้ามีเรื่องจำเป็นก็ยืมเงินกันได้ไม่คิดมาก
แค่แบ่งชัดเจนว่าเงินใคร เงินใคร แบบนี้
ถ้าพูดตรงๆ แฟนจะคิดว่าเราคิดถอยตัวออกห่างไปมั้ย? แบบค่อยๆแยกละเลิกอะไรแบบนี้ แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นน้า