สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เริ่มด้วยจากความรู้สึกอยากเห็นภูเขาหิมะที่มีกลิ่นอายของความหิมาลัย จึงเริ่มวางแผนการเดินทางโดยลังเลอยู่ระหว่าง 2 ที่ คือ เนปาล และจีน เราจึงไปปรึกษารุ่นพี่ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น เมื่อตัดสินใจได้จึงคุยกับสามีและวางแผนว่ารอบนี้จะบุกตะลุยทางฝั่งจีน โดยเดินทางในช่วง 7-14 เมษายน ที่ผ่านมา
สำหรับการท่องเที่ยวในจีนนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องมี คือ แอปพลิเคชันแปลภาษา เราเลือกใช้ Google translate สำคัญมากเพราะคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้มีน้อย หากเรามีแอปพลิเคชันที่แปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนได้จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น , Wechat อันนี้ขาดไม่ได้เช่นกัน และ Sim โทรศัพท์ ซึ่งเราเลือกใช้ Sim2Fly ของ AIS และ ของ TRUE ค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมล่วงหน้า คือ 1. การจองโรงแรม เราจองผ่าน Booking.com แล้วไปจ่ายเงินสดที่โรงแรม 2.การจองตั๋วรถไฟ ผ่าน
http://travelchinaguide.com 3. ตั๋วเครื่องบินในประเทศเราจองผ่าน Trip.com 4. ประกันการเดินทาง สำหรับตั๋วรถบัสเราไม่ได้จองล่วงหน้า ไปซื้อที่ขนส่งจ้า 5.ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวเป็นภาษาจีน + ภาษาจีนพื้นฐาน เช่น สีโสเจียน ไจ๋หนาหลี่ (ห้องน้ำไปทางไหน) , ใหม่ทัน (คิดเงิน) , ตั๊วส่าวเฉียน (ราคาเท่าไหร่) 6.เราบิ้วตัวเองโดยดูซีรีย์จีนเรื่อง สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ (Eternal love) ก่อนมา ก็ได้ผลอยู่ รู้สึกอินกับความจีนพอสมควร
ในจีนหาแผนที่โหลดยากมาก และไม่ค่อยมีแผนที่แจก เดี๋ยวเราจะแปะแผนที่และบัตรต่างๆไว้ให้ดูนะคะ
สำหรับทริปนี้เราเริ่มจากการพักที่คุนหมิง 2 คืนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศ ผู้คน อาหาร และห้องน้ำของประเทศจีน จากนั้นวันที่ 3 เราขึ้นรถไฟความเร็วสูงจากคุนหมิงไปลี่เจียง และพักที่ลี่เจียง 2 คืน เพื่อปรับตัวให้ชินกับพื้นที่สูง จากนั้นนั่งรถบัสจากลี่เจียงไปที่แชงกรีล่า (จงเตี๊ยน) และพักที่นั่นอีก 3 คืน รุ่งเข้าขึ้นเครื่องบินไฟล์ทแรกมาลงที่คุนหมิง และต่อเครื่องบินจากคุนหมิงกลับไทย
วันที่ 1
เดินทางสู่คุนหมิง เมื่อถึงสนามบิน เรานั่งรถไฟใต้ดิน Line6 สีฟ้า มาลง east coast station มาต่อ Line3 สีชมพู ลง Dongfeng Square มาต่อ Line2 น้ำเงิน ลงTanzixiang แล้วเดินย้อนมาโรงแรม เราเลือกพักที่ ibis Kunming Beijing Rd เนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่ และอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟคุนหมิง ซึ่งวันแรกนี้กว่าจะถึงโรงแรมก็ประมาณบ่าย 2 เราจึงเดินเที่ยวในย่าน Wuhua , Zhengyifang Shopping Center ในโซนนี้จะมีห้างใหญ่ๆ มีตรอกซอกซอยอยู่ต่อๆกัน มีร้านค้าในชั้นใต้ดินให้เดินเลือกซื้อมากมาย อารมณ์จะคล้ายๆสยามสแควร์บ้านเราแต่จะกว้างใหญ่มากกว่า และมีโซนที่เขาตกแต่งเป็นคาเฟ่สวยๆ น่ารัก น่าถ่ายรูปเต็มไปหมด
ชาบูหมาล่าร้านนี้คนจีนเข้าเยอะมาก ราคาไม่แรงตก 100 หยวนโดยประมาณ แต่รสชาตเผ็ดมากกก บอกเลยว่าไม่รอดดดดดด
วันที่ 2
เราออกจากโรงแรมแต่เช้า นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานี Tanzixiang มาลงที่สถานี Kunming Railway Station เพื่อมารับตั๋วรถไฟ แม้ว่าเราจะจองตั๋วรถไฟมาก็ตาม แต่เราก็ต้องมารับตั๋วรถไฟฉบับจริงที่สถานีรถไฟก่อนวันเดินทางนะคะ เมื่อถึง สถานี Kunming Railway Station เราออกทางประตู A และเดินไปตามป้าย ซึ่งเดินค่อนข้างไกล ต้องมีขึ้น-ลงบันได ซึ่งถ้าขนกระเป๋ามาด้วยคงวิบัติแน่ๆ จึงตั้งใจว่าวันที่เดินทางจริงขอนั่งแท็กซี่มาจะสะดวกต่อการขนกระเป๋ามากกว่า
(แผนที่ไปด้านหน้าค่ะ)
ด้านหน้าสถานีรถไฟจะมีพี่กระทิงแดงตัวใหญ่เป็นสัญลักษณ์ มาที่นี่ควรเผื่อเวลาสำหรับการสแกนกระเป๋าตรงทางเข้าด้วยนะคะ ที่นี่ใหญ่กว่าหัวลำโพงบ้านเราพอสมควร และคนก็มีความหลากหลายมากกกกกก อันนี้เป็นหน้าตาและวิธีอ่านตั๋วรถไฟค่ะ
ได้ตั๋วรถไฟแล้วก็ไปต่อที่ Xishan Forest Park (西山森林公园) โดยโบกแท็กซี่จากหน้าสถานีรถไฟ ก็สื่อสารกันอยู่พักใหญ่ เข้า Google หารูปให้เขาดูเขาถึงเข้าใจว่าเราจะไปตรงไหน แท็กซี่ที่นี่มิเตอร์จะเริ่มที่ 8 หยวน ก็นั่งรถมาพักใหญ่ก็ถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว เสียค่าแท็กซี่ประมาณ 43-45 หยวน จากนั้นก็ลงไปซื้อตั๋วและนั่งรถบัสของเขาเพื่อขึ้นไปยังเขาซีซาน ที่นี่จะมีกระเช้าแบบห้อยขาพาเราขึ้นไปยังด้านบน ก็ให้บรรยากาศหวิวๆเบาๆดี ด้านบนเที่ยวไม่ยาก อาศัยเดินไปตามทางเรื่อยๆ และก็ลงลงกระเช้าข้ามทะเล มาลงยังฝั่งซึ่งจะมีแท็กซี่มากกว่าจุดที่ลงในตอนแรก
ต่อแท็กซี่มาเที่ยววัดหยวนทง YuanTong Temple (昆明圆通寺) แล้วเดินย้อนมาเที่ยวสวนสาธารณะชุยหู Green Lake ( 翠湖公园) แล้วเดินย้อนมาทางอนุสาวรีย์ Yunnan Monument to the people heroes แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน มาโผล่ที่ย่านชอปปิ้งเมื่อวาน และเดินต่อไปยังประตูม้าประตูไก่ และเดินต่อมายังโรงแรม (ทางเข้าวัดหยวนทงมีซากุระหรือดอกท้อเราไม่แน่ใจว่าคือดอกชนิดไหน แต่ที่แน่ๆไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นก็ได้ชมดอกไม้สวยๆจ้า)
วันที่ 3
ออกจากโรงแรมประมาณ 6.00 น. ออกมาเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรมมาลงที่สถานีรถไฟคุนหมิง (เลยได้รู้ว่านั่งแท็กซี่มาใกล้มากกกกกก) รายละเอียดรอบรถไฟที่ขึ้นคือ Train & Time D8782 (08:15/11:13) ก็แวะทำธุระส่วนตัว กินข้าวเช้า ในนั้นมีร้าน KFC กับ Dicos ให้เลือกทาน วิธีการสั่งให้ง่ายคือ ถ่ายรูปสิ่งที่จะกินแล้วไปยื่นให้พนักงานดูค่ะ KFC ที่นี่จะมีพริกหมาล่าให้ด้วย ล้ำไปอีก พอกินเสร็จก็ขึ้นมาที่ชั้น 2 มานั่งรอ.ประมาณ 07.50 น. เขาก็จะมาต่อแถวยืนรอเข้าด้านในกัน ประมาณ 8.00 ประตูเปิดก็เข้ามาด้านในสู่รถไฟของเรากันค่ะ ในรถไฟนี้ตอนแรกเราจองแบบ 1st class แต่โดนเปลี่ยนเป็น 2nd Class ซึ่งตั๋วชั้น 2 นี้จะมีทั้งแบบยืนและแบบนั่งค่ะ พอขึ้นไปถึงก็มีลุงป้าจีนคู่นึงมาเนียนนั่งที่เรา เราเลยเอาตั๋วไปยืนยันนางเลยลุกจากที่เรามายืนในละแวกนั้นแทนค่ะ (ต้องระวังและอย่าไปยอมค่ะ) ส่วนที่วางกระเป่าค่อนข้างมีจำกัด ก็ต้องช่วงชิงทำจังหวะกันเล็กน้อยค่ะ รถไฟจะวิ่งที่ความเร็วประมาณ 130 km/hr บนรถไฟจะมีห้องน้ำ 2 แบบ เป็นห้องน้ำรวมชายหญิงทั้งคู่ คือ แบบนั่งยอง (อันนี้คนจะนิยมมาก) และแบบชักโครก (โดยประตูจะเป็นกดปุ่มเปิดแบบห้องน้ำที่ญี่ปุ่น) เราเลือกเข้าแบบชักโครก สะอาด สะดวก กว่าเยอะ.........รถไฟใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างทางจุดที่ว้าวคือช่วงที่รถไฟผ่านต้าหลี่ (Dali) รถไฟจะวิ่งเลียบทะเลสาบ Erhai lake สวยงามและอลังการมากกก (ช่วงเวลาหลังออกจากคุนหมิงประมาณชั่วโมงกว่าๆ) ขอให้ตื่นมาลองดูค่ะ
จนประมาณ 11.15 น. รถไฟก็มาถึงลี่เจียง เราก็โบกแท็กซี่จากสถานีรถไฟมาลงกู่เฉิง Old Town (Gucheng District : 丽江古城) เพื่อเข้าที่พัก ที่นี่ข้อเสียคือ รถยนต์เข้าไม่ได้ และพื้นไม่เรียบและ เป็นอุปสรรคต่อการลากกระเป๋าพอสมควร รวมทั้งตรอกซอกซอยเยอะจนไม่ปรากฏใน Google map ซึ่งเราก็ประสบปัญหาคือ หาโรงแรมไม่เจอ เนื่องจาก Location ที่อยู่ในเว็บไซต์ไม่ตรงกับสถานที่จริง ซวยสิ ! ทำให้เราเสียเวลาเกือบชั่วโมงในการเดินทางโรงแรม ก็ใช้วิธีการถามจนจำกัดบริเวณได้ เราจึงใช้การเดินสุ่มถามทีละโรงแรม จนมาเจอโรงแรมนี้ เขาเป็นโรงแรมในเครือเดียวกัน เขาจึงติดต่อคนที่โรงแรมของเราให้เดินมารับ เกือบแย่ (ที่นี่ป้ายชื่อหน้าโรงแรมไม่ตรงกับในเว็บไซต์ด้วยนะ ล้ำเริศไปอีก) เราพักที่โรงแรมชื่อว่า Lijiang sunshine nali inn
พอมาถึงโรงแรม เจอห้องพักหายเหนื่อยเลยจ้า จากนั้นหนุ่มน้อยของโรงแรมก็มาเสนอขายโปรแกรมทัวร์กับเรามากมาย จนมาจบที่ทัวร์ไปภูเขาหิมะมังกรหยก (玉龙雪山 :Yùlóngxuě Shān) + Blue moon valley + โชว์ Impression Lijing + อาหารกลางวัน รวมคนละ 500 หยวน ด้วยความเป็นคนรักสบาย ขี้เกียจเดินหาแล้ว ก็เลยตกลงไปทัวร์ที่นางเสนอขาย โดยนัดเจอกันที่ล็อบบี้ 6.20 น. พอทุกอย่างเรียบร้อยเราก็เดินจากโรงแรมมาทางทิศใต้ของ Old town เพื่อไปยัง Lijiang Passenger Transport Terminal Ticket Office (ท่ารถบัสนั่นแหล่ะ) เพื่อซื้อตั๋วรถบัสไปแชงกรีล่าล่วงหน้า เราจะเดินทางไปวันมะรืน เราเลยซื้อตั๋วรถบัสเที่ยว 9.30 น.จากลี่เจียง ค่าตั๋วประมาณคนละ 76-78 หยวน (ถูกมากกกกกก)
ซื้อตั๋วรถบัสเรียบร้อยเราก็กลับมาเที่ยวใน Old Town ที่ลี่เจียงมีด้วยกัน 3 Old Town แต่เราขี้เกียจเลยเลือกเดินแค่ที่เดียว ซึ่งพบว่ายิ่งดึก คนยิ่งแน่นจร้า เดินตลาดสด Local ข้อสังเกตคือ สังคมจีนเป็นสังคมไร้เงินสดกันถ้วนหน้า ร้านขายผัก ร้านขายปลาใช้ Alipay กันนะจ้ะ ล้ำหน้ามากๆ
วันที่ 4 เวลา 6.20 มาเจอหนุ่มน้อยตรงล็อบบี้ เขาก็พาเราเดินมาทางฝั่งใต้มาขึ้นรถแวน ข้าวเช้ากินไม่ทันนะจ้ะ นางให้ซื้อซาลาเปาข้างทางเอา เราก็เลยตุนๆไว้ระดับนึง ก็แอด Wechat คนขับรถไว้ด้วยเผื่อเราหลงทาง เนื่องจากเป็นการทัวร์แบบกลุ่มเล็กๆ จึงมีการจอดแวะรับสมาชิกคนอื่นๆอีกรวมเราแล้วมีคนมาร่วมทัวร์นี้ทั้งสิ้น 6 คน ไทย 2 จีน 4 ด้วยความที่มาอยู่ในถิ่นเขา และเห็นจากหลายวันที่ผ่านมาว่าภาษาเป็นอุปสรรค ก็เลยเริ่มเมคเฟรนด์กับคนจีนเลยจ้า ซึ่งโ
[SR] หนีร้อนไปอ้อนหนาว 8 วัน 7 คืน จากคุนหมิง สู่ลี่เจียง ปิดที่แชงกรีลา (จงเตี๊ยน) สไตล์คนรักสบาย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม