ขอมาต่อที่ ep.2 นะคะ ep.1 เราได้ไปแถบคิวชูกันแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราก็ไปต่อที่คันไซ สำหรับใครอยากอ่านกระทู้เที่ยวคิวชูติดตามลิงค์นี้ได้เลยคะ
https://ppantip.com/topic/38758225
จากที่เราได้ไปคิวชู เราเดินทางไปโอซาก้าโดยนั่งเครื่องบินของ jetstar เวลา 14:05 ไปถึงที่โอซาก้าก็ประมาณ 15:00
เมื่อถึง รับกระเป๋าแล้ว ก็นั่งรถไฟ Nankai เพื่อไปลง Numba เราจองตั๋วไว้ล่วงหน้าเป็นตั๋ว Namba access rapit:T ซึ่งจะได้ตั๋วแบบนี้มา
ให้เอาไปแลกตั๋วที่ Nankai ticket office ได้เลย
เราซื้อ Icoca เพราะทริปนี้เราใช้บัตรนี้เป็นส่วนใหญ่ หรือใครนั่งทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส ก็ซื้อแบบ Osaka one day pass ราคา 800 เยน ก็ได้ แต่เราไม่ค่อยได้ไปไหน เลยไม่ซื้อ
ถึง Numba เราจะเข้าที่พักก่อน โดยนั่งรถไฟใต้ดินจาก Numba ไปที่พักเราอยู่ Shinsaibashi ชื่อโรงแรม Hotel Uniza osaka shinsaibashi จะอยู่ใกล้ประตูทางออก Exit 8
นี่คือที่พัก 4 คืน
สำหรับทริปโอซาก้าเราขอไม่รีวิวอะไรมาก แต่จะรีวิวที่ๆคนไทยยังไปไม่ค่อยเยอะละกันคะ เพราะจริงๆรีวิวโอซาก้าก็มีเยอะอยู่แล้ว
รีวิวที่เราจะพาไป ขอเป็นแค่สถานที่เที่ยวนะคะ เรื่องอาหาร เราตามรีวิวคนอื่นหมดคะ
พร้อมแล้วมาดูกันเลยคะ
Expo’70 Commemorative Park
เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าก็ว่าได้ ที่นี่ขอบอกว่าสวยมากคะ สวนสาธารณะที่นี่จัดตั้งเพื่อเป็นการรำลึกความสำเร็จของ "Japan World Fair" ในปี 1970 บริเวณดังกล่าวจึงได้ถูกสร้างเป็น "สวนวัฒนธรรมที่รายล้อมด้วยสีเขียว" ประกอบด้วย "สวนญี่ปุ่น", "สวนธรรมชาติและวัฒนธรรม"
วิธีไป ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่ Senri-chuo ของสาย Midosuji line เมื่อถึง เราต้องไปนั่งรถไฟ Monorail เพื่อไปลงที่สถานี Banpaku-kinen-koen ซึ่งต้องซื้อตั๋วเพิ่ม หรือใช้ Icoca เสีย 250 เยน จากรถไฟใต้ดินไป monorail ขึ้นชั้น 1 แล้วเลี้ยวขวา ข้ามทางลอด จะมีป้ายบอกตลอดทาง
ใครที่อยากรู้ว่าจะไปหาอะไรทาน ที่ไหน ที่นี่มีห้าง Expocity จะมีอาหารให้ทานและร้านที่จะช้อปปิ้งเยอะแยะเลยคะ
เมื่อถึงสถานี ออกมาก็รู้แล้วว่ามันอยู่ไหน ใกล้ๆนี่เอง
รอดใต้ถนนไปอีก
สำหรับค่าเข้า 250 เยน ซื้อที่ตู้อัตโนมัติ เปิด 9:30-17:00 น.
แนะนำให้มาเช้าๆ อากาศดีเลยคะ และอยากให้มาช่วงซากุระด้วย แล้วคุณจะไม่อยากไปไหนแล้ว
ได้ตั๋วแบบนี้มาคะ
จุดที่น่าสนใจของที่นี่ คือ “หอคอยพระอาทิตย์” ที่พอมาถึงที่สถานีก็เห็นแล้วว่ามันอยู่ตรงไหน ซึ่ง"หอคอยพระอาทิตย์" เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดง ที่ออกแบบโดย Okamoto Taro สื่อถึงธรรมชาติ และวัฒนธรรม ในหอคอยมีงานศิลปะมากมาย แต่เราเข้าไปไม่ได้ มันปิด
ข้างหอคอยเลี้ยวขวา จะเจอต้นซากุระเรียงรายเต็มไปหมด แต่น่าเสียดายที่เราไปช่วงซากุระร่วงแล้ว แต่ก็ยังเห็นความสวยงามของซากุระอยู่
มีผู้คนมาปิดนิคใต้ต้นซากุระ
เมื่อเดินผ่านจุดซากุระ จะมีแคมป์ปิ้ง เป็นจุดที่ใช้สำหรับสังสรรค์
มีเตาเพื่อย่างบาร์บิคิวให้ ซึ่งข้างๆจะมี Shop ที่จำหน่ายอุปกรณ์ และวัตถุดิบในการย่างบาร์บิคิวด้วย
เนื่องจากสวนที่นี่ใหญ่มาก เราเลยไปแค่สถานที่ที่น่าสนใจ เราจะไปสวนทิวลิปต่อ
โดยจากที่เดิมเดินตามแม่น้ำ เจอเรือปั่นรถเป็ด เลยไปอีก
เดินไปหลังหอคอยพระอาทิตย์ก็จะเจอสวนทิวลิป ขนาดใหญ่ ที่นี่มีทุกสี เกือบทุกพันธุ์ สวยงามมาก
นอกจากชมธรรมชาติ ที่นี่มีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สวนเด็กเล่น ที่แช่เท้า และนั่งรถไฟชมรอบสวนสาธรณะนี้
ธรรมชาติโดยรอบ
Ep2. เที่ยวญี่ปุ่นหนีร้อน คิวชู คันไซ (ฟุกุโอกะ,ยูฟุอิน,เบ็ปปุ,คุมาโมโตะ x โอซาก้า,โกเบ และเกาะกระต่าย
ขอมาต่อที่ ep.2 นะคะ ep.1 เราได้ไปแถบคิวชูกันแล้ว ซึ่งหลังจากนี้เราก็ไปต่อที่คันไซ สำหรับใครอยากอ่านกระทู้เที่ยวคิวชูติดตามลิงค์นี้ได้เลยคะ
https://ppantip.com/topic/38758225
จากที่เราได้ไปคิวชู เราเดินทางไปโอซาก้าโดยนั่งเครื่องบินของ jetstar เวลา 14:05 ไปถึงที่โอซาก้าก็ประมาณ 15:00
เมื่อถึง รับกระเป๋าแล้ว ก็นั่งรถไฟ Nankai เพื่อไปลง Numba เราจองตั๋วไว้ล่วงหน้าเป็นตั๋ว Namba access rapit:T ซึ่งจะได้ตั๋วแบบนี้มา
ให้เอาไปแลกตั๋วที่ Nankai ticket office ได้เลย
เราซื้อ Icoca เพราะทริปนี้เราใช้บัตรนี้เป็นส่วนใหญ่ หรือใครนั่งทั้งรถไฟใต้ดิน รถบัส ก็ซื้อแบบ Osaka one day pass ราคา 800 เยน ก็ได้ แต่เราไม่ค่อยได้ไปไหน เลยไม่ซื้อ
ถึง Numba เราจะเข้าที่พักก่อน โดยนั่งรถไฟใต้ดินจาก Numba ไปที่พักเราอยู่ Shinsaibashi ชื่อโรงแรม Hotel Uniza osaka shinsaibashi จะอยู่ใกล้ประตูทางออก Exit 8
นี่คือที่พัก 4 คืน
สำหรับทริปโอซาก้าเราขอไม่รีวิวอะไรมาก แต่จะรีวิวที่ๆคนไทยยังไปไม่ค่อยเยอะละกันคะ เพราะจริงๆรีวิวโอซาก้าก็มีเยอะอยู่แล้ว
รีวิวที่เราจะพาไป ขอเป็นแค่สถานที่เที่ยวนะคะ เรื่องอาหาร เราตามรีวิวคนอื่นหมดคะ
พร้อมแล้วมาดูกันเลยคะ
Expo’70 Commemorative Park
เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้าก็ว่าได้ ที่นี่ขอบอกว่าสวยมากคะ สวนสาธารณะที่นี่จัดตั้งเพื่อเป็นการรำลึกความสำเร็จของ "Japan World Fair" ในปี 1970 บริเวณดังกล่าวจึงได้ถูกสร้างเป็น "สวนวัฒนธรรมที่รายล้อมด้วยสีเขียว" ประกอบด้วย "สวนญี่ปุ่น", "สวนธรรมชาติและวัฒนธรรม"
วิธีไป ให้นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่ Senri-chuo ของสาย Midosuji line เมื่อถึง เราต้องไปนั่งรถไฟ Monorail เพื่อไปลงที่สถานี Banpaku-kinen-koen ซึ่งต้องซื้อตั๋วเพิ่ม หรือใช้ Icoca เสีย 250 เยน จากรถไฟใต้ดินไป monorail ขึ้นชั้น 1 แล้วเลี้ยวขวา ข้ามทางลอด จะมีป้ายบอกตลอดทาง
ใครที่อยากรู้ว่าจะไปหาอะไรทาน ที่ไหน ที่นี่มีห้าง Expocity จะมีอาหารให้ทานและร้านที่จะช้อปปิ้งเยอะแยะเลยคะ
เมื่อถึงสถานี ออกมาก็รู้แล้วว่ามันอยู่ไหน ใกล้ๆนี่เอง
รอดใต้ถนนไปอีก
สำหรับค่าเข้า 250 เยน ซื้อที่ตู้อัตโนมัติ เปิด 9:30-17:00 น.
แนะนำให้มาเช้าๆ อากาศดีเลยคะ และอยากให้มาช่วงซากุระด้วย แล้วคุณจะไม่อยากไปไหนแล้ว
ได้ตั๋วแบบนี้มาคะ
จุดที่น่าสนใจของที่นี่ คือ “หอคอยพระอาทิตย์” ที่พอมาถึงที่สถานีก็เห็นแล้วว่ามันอยู่ตรงไหน ซึ่ง"หอคอยพระอาทิตย์" เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดง ที่ออกแบบโดย Okamoto Taro สื่อถึงธรรมชาติ และวัฒนธรรม ในหอคอยมีงานศิลปะมากมาย แต่เราเข้าไปไม่ได้ มันปิด
ข้างหอคอยเลี้ยวขวา จะเจอต้นซากุระเรียงรายเต็มไปหมด แต่น่าเสียดายที่เราไปช่วงซากุระร่วงแล้ว แต่ก็ยังเห็นความสวยงามของซากุระอยู่
มีผู้คนมาปิดนิคใต้ต้นซากุระ
เมื่อเดินผ่านจุดซากุระ จะมีแคมป์ปิ้ง เป็นจุดที่ใช้สำหรับสังสรรค์
มีเตาเพื่อย่างบาร์บิคิวให้ ซึ่งข้างๆจะมี Shop ที่จำหน่ายอุปกรณ์ และวัตถุดิบในการย่างบาร์บิคิวด้วย
เนื่องจากสวนที่นี่ใหญ่มาก เราเลยไปแค่สถานที่ที่น่าสนใจ เราจะไปสวนทิวลิปต่อ
โดยจากที่เดิมเดินตามแม่น้ำ เจอเรือปั่นรถเป็ด เลยไปอีก
เดินไปหลังหอคอยพระอาทิตย์ก็จะเจอสวนทิวลิป ขนาดใหญ่ ที่นี่มีทุกสี เกือบทุกพันธุ์ สวยงามมาก
นอกจากชมธรรมชาติ ที่นี่มีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สวนเด็กเล่น ที่แช่เท้า และนั่งรถไฟชมรอบสวนสาธรณะนี้
ธรรมชาติโดยรอบ