สวัสดีค่ะ ยาวหน่อยนะคะ
เข้าเรื่องเลยเนอะ คือสามีค่ะ เป็นพนักงานประจำธรรมดา เมื่อต้นเดือนมีนา พอได้ใบทวิ 50 จากบริษัท ก็กรอกยื่นภาษีตามปกติ ใส่ลดหย่อนอะไรไปตามที่มีหมดละ ระบบก็แจ้งว่ามีเงินคืนนะ สมมุติว่าได้คืน 50,000 ละกัน
ทีนี้ ผ่านมาอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ได้ ก็มีจดหมายจากสรรพากรมาแจ้งว่า ให้หาหลักฐานเป็น ภงด.3 ยอดเงิน 25,000 บาทด้วย จะอัพขึ้นในระบบ หรือจะไปยื่นด้วยตัวเองก็ได้ เพื่อนำไปคำนวณเงินคืนใหม่ =
จะได้เงินคืนน้อยกว่าเดิม เพราะรายรับเพิ่มขึ้น สมมุติจาก 50,000 จะเหลือ 45,000 ละกัน
นับแต่ได้จดหมายสรรพากร เรา2คนก็พยายามคิดว่ายอดนี้คือยอดอะไร โหลด statement ธนาคารมาดู ไล่ดูsmsเงินเข้า ก็ไม่เจอยอดนี้ เครียดก็เครียดเพราะไม่ได้เงินภาษีคืนซักทีไง 555 สุดท้าย เลยจัดสินใจกันว่า ไปถามสรรพากรเถอะ ว่ามันคือยอดอะไรยังไง จะได้จบๆเรื่อง
พอไปถึงสรรพากร ก็บอกเค้าตรงๆ สรรพากรเค้าก็เช็คให้ค่ะ แต่กลายเป็นว่า ยอดในจดหมายนั้น (25,000) ไม่ใช่ยอดเดียวนะ แต่มันมีถึง 3 ยอดแตกออกมา แต่รวมแล้วเป็น 25,000
พร้อมแจงให้เราเสร็จสรรพ ว่ามียอดอะไรบ้าง วันที่เท่าไหร่ ลงรายการว่าอะไร
ซึ่งพอเห็นชื่อรายการ งงเข้าไปอีก เพราะไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับชื่อรายการนี้เลย แต่สามีก็ลองเอายอดแต่ละยอดนี้ไปค้นหาใน sms เงินเข้าดู แต่ก็ไม่เจอ และเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มียอดเหล่านี้แน่นอน เพราะนิสัยสามีเราคือจะเล่าอะไรทุกอย่างในชีวิตเค้า เงินอะไรเข้าหลักสิบหลักร้อยก็บอกเรา แต่ยอดที่สรรพากรแจ้งมา เราไม่เคยได้ยินสามีเล่าด้วยไง
เราเลยลองถามสรรพากรไปว่า พอทราบมั้ยคะ ว่ายอดพวกนี้มาจากไหน สรรพากรก็บอกค่ะ ว่ามาจากบริษัท A
เอ๊า! ทีนี้งงไปอี๊กกกกก บริษัท A คือใคร?? ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จักมักจี่ ทางสามีก็ยืนยันไปว่า ไม่รู้จักจริงๆ และเท่าที่ไล่ดู ก็
ไม่เคยได้รับเงินทั้ง 3 ยอดนี้เลย
สรรพากรเลยให้เขียนยืนยันตน ว่าผม นาย....(ชื่อสามี) ขอยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่เคยข้องเกี่ยวกับบริษัท A มาก่อน ขอให้ตรวจสอบด้วย (จำเนื้อความไม่ค่อยได้ แต่เขียนประมาณยืนยันตน ด้วยลายมือเท่านั้น)
ระหว่างที่สามีเขียน เราก็ขอที่อยู่บริษัท A จากสรรพากร ปรากฎว่าก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ เลยชวนสามีว่า ไปบุกดีมั้ย ไหนๆวันนี้ก็ลางานละ อยากรู้ดำรู้แดงเลย 5555 ก็สวัสดีสรรพากร แล้วก็ไปบริษัท A เลย
พอไปถึงบริษัท A ก็นึกว่าเป็นบริษัทจริงๆ แต่เป็นแค่ Home Office ซึ่งขนาดเล็กกว่าห้องครัวบ้านเราอีก แถมตอนไปถึง ก็มัแต่ป้าแก่ๆคนนึง ไม่แน่ใจว่าเป็นแม่หรือเป็นแม่บ้านของบริษัทนี้ เราก็ขอพบเจ้าของบริษัท หรือฝ่ายบัญชีก็ได้ เค้าก็บอกไม่อยู่ เราตื้อหลายทีจนเค้ายอมต่อสายให้ เลยได้คุย
ตอนคุยเราก็เล่าเหตุการณ์ไปอีกที ตั้งแต่จดหมายเชิญจากสรรพากร ยอดที่ได้มา และแหล่งที่มาของยอดนี้ เค้าก็ครับๆๆๆ จากนั้นซักพักโทรกลับมาใหม่ และเค้าให้ข้อตกลงแบบนี้ค่ะ
บริษัท A จะออกใบ ภงด.3 ให้ ตามยอดและวันที่สรรพากรแจ้งมา แล้วให้เราไปยื่นสรรพากร เพื่อให้สรรพากรคำนวณภาษีคืนใหม่ (จาก 50,000 เหลือ 45,000) จากนั้น ให้ไลน์บอก A แล้ว A จะโอนเงินสดส่วนต่างให้อีก 5,000 ก็จะเท่ากับว่า สามีเราได้เงินคืนภาษี 50,000 ตามเดิม
**เราลองถาม A แล้ว ว่าแล้วที่จริงใครได้เงิน 3 ก้อนนี้ไปกันแน่ รอบแรก A บอกว่าบริษัท B (คือบอกว่า B ให้เลขที่บัตรประชาชนสามีเราไปเพื่อให้ออกใบ ภงด.ในนามสามี) แต่พอเราถามย้ำว่า แล้วตอนจะชำระเงินจริง ไม่ตรวจดูเหรอ ว่าเป็นนามบุคคลหรือนิติบุคคล A ก็ไม่ยอมตอบอะไรอีก**
คำถาม
ควรยอมรับใบ ภงด.3 ที่ A ออกให้มั้ยคะ? คือตอนนี้เราได้ใบมาแล้วแหล่ะ แต่ยังไม่เอาไปให้สรรพากร เพราะลึกๆรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เหมือนเรายอมรับว่าเราได้เงินจาก A จริง แต่ความจริงคือไม่ได้ซักสลึงเลย
ปล. ตอนนี้ว่าจะไปแจ้งความกันไว้ก่อนค่ะ แล้วจะนำใบแจ้งความนี้ ไปยืนยันกับสรรพากรอีก
ปรึกษาเรื่องภาษี (โดนแอบอ้างรับเงิน)
เข้าเรื่องเลยเนอะ คือสามีค่ะ เป็นพนักงานประจำธรรมดา เมื่อต้นเดือนมีนา พอได้ใบทวิ 50 จากบริษัท ก็กรอกยื่นภาษีตามปกติ ใส่ลดหย่อนอะไรไปตามที่มีหมดละ ระบบก็แจ้งว่ามีเงินคืนนะ สมมุติว่าได้คืน 50,000 ละกัน
ทีนี้ ผ่านมาอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ได้ ก็มีจดหมายจากสรรพากรมาแจ้งว่า ให้หาหลักฐานเป็น ภงด.3 ยอดเงิน 25,000 บาทด้วย จะอัพขึ้นในระบบ หรือจะไปยื่นด้วยตัวเองก็ได้ เพื่อนำไปคำนวณเงินคืนใหม่ = จะได้เงินคืนน้อยกว่าเดิม เพราะรายรับเพิ่มขึ้น สมมุติจาก 50,000 จะเหลือ 45,000 ละกัน
นับแต่ได้จดหมายสรรพากร เรา2คนก็พยายามคิดว่ายอดนี้คือยอดอะไร โหลด statement ธนาคารมาดู ไล่ดูsmsเงินเข้า ก็ไม่เจอยอดนี้ เครียดก็เครียดเพราะไม่ได้เงินภาษีคืนซักทีไง 555 สุดท้าย เลยจัดสินใจกันว่า ไปถามสรรพากรเถอะ ว่ามันคือยอดอะไรยังไง จะได้จบๆเรื่อง
พอไปถึงสรรพากร ก็บอกเค้าตรงๆ สรรพากรเค้าก็เช็คให้ค่ะ แต่กลายเป็นว่า ยอดในจดหมายนั้น (25,000) ไม่ใช่ยอดเดียวนะ แต่มันมีถึง 3 ยอดแตกออกมา แต่รวมแล้วเป็น 25,000
พร้อมแจงให้เราเสร็จสรรพ ว่ามียอดอะไรบ้าง วันที่เท่าไหร่ ลงรายการว่าอะไร
ซึ่งพอเห็นชื่อรายการ งงเข้าไปอีก เพราะไม่ข้องเกี่ยวอะไรกับชื่อรายการนี้เลย แต่สามีก็ลองเอายอดแต่ละยอดนี้ไปค้นหาใน sms เงินเข้าดู แต่ก็ไม่เจอ และเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มียอดเหล่านี้แน่นอน เพราะนิสัยสามีเราคือจะเล่าอะไรทุกอย่างในชีวิตเค้า เงินอะไรเข้าหลักสิบหลักร้อยก็บอกเรา แต่ยอดที่สรรพากรแจ้งมา เราไม่เคยได้ยินสามีเล่าด้วยไง
เราเลยลองถามสรรพากรไปว่า พอทราบมั้ยคะ ว่ายอดพวกนี้มาจากไหน สรรพากรก็บอกค่ะ ว่ามาจากบริษัท A
เอ๊า! ทีนี้งงไปอี๊กกกกก บริษัท A คือใคร?? ไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จักมักจี่ ทางสามีก็ยืนยันไปว่า ไม่รู้จักจริงๆ และเท่าที่ไล่ดู ก็ไม่เคยได้รับเงินทั้ง 3 ยอดนี้เลย
สรรพากรเลยให้เขียนยืนยันตน ว่าผม นาย....(ชื่อสามี) ขอยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่เคยข้องเกี่ยวกับบริษัท A มาก่อน ขอให้ตรวจสอบด้วย (จำเนื้อความไม่ค่อยได้ แต่เขียนประมาณยืนยันตน ด้วยลายมือเท่านั้น)
ระหว่างที่สามีเขียน เราก็ขอที่อยู่บริษัท A จากสรรพากร ปรากฎว่าก็ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ เลยชวนสามีว่า ไปบุกดีมั้ย ไหนๆวันนี้ก็ลางานละ อยากรู้ดำรู้แดงเลย 5555 ก็สวัสดีสรรพากร แล้วก็ไปบริษัท A เลย
พอไปถึงบริษัท A ก็นึกว่าเป็นบริษัทจริงๆ แต่เป็นแค่ Home Office ซึ่งขนาดเล็กกว่าห้องครัวบ้านเราอีก แถมตอนไปถึง ก็มัแต่ป้าแก่ๆคนนึง ไม่แน่ใจว่าเป็นแม่หรือเป็นแม่บ้านของบริษัทนี้ เราก็ขอพบเจ้าของบริษัท หรือฝ่ายบัญชีก็ได้ เค้าก็บอกไม่อยู่ เราตื้อหลายทีจนเค้ายอมต่อสายให้ เลยได้คุย
ตอนคุยเราก็เล่าเหตุการณ์ไปอีกที ตั้งแต่จดหมายเชิญจากสรรพากร ยอดที่ได้มา และแหล่งที่มาของยอดนี้ เค้าก็ครับๆๆๆ จากนั้นซักพักโทรกลับมาใหม่ และเค้าให้ข้อตกลงแบบนี้ค่ะ
บริษัท A จะออกใบ ภงด.3 ให้ ตามยอดและวันที่สรรพากรแจ้งมา แล้วให้เราไปยื่นสรรพากร เพื่อให้สรรพากรคำนวณภาษีคืนใหม่ (จาก 50,000 เหลือ 45,000) จากนั้น ให้ไลน์บอก A แล้ว A จะโอนเงินสดส่วนต่างให้อีก 5,000 ก็จะเท่ากับว่า สามีเราได้เงินคืนภาษี 50,000 ตามเดิม
**เราลองถาม A แล้ว ว่าแล้วที่จริงใครได้เงิน 3 ก้อนนี้ไปกันแน่ รอบแรก A บอกว่าบริษัท B (คือบอกว่า B ให้เลขที่บัตรประชาชนสามีเราไปเพื่อให้ออกใบ ภงด.ในนามสามี) แต่พอเราถามย้ำว่า แล้วตอนจะชำระเงินจริง ไม่ตรวจดูเหรอ ว่าเป็นนามบุคคลหรือนิติบุคคล A ก็ไม่ยอมตอบอะไรอีก**
คำถาม
ควรยอมรับใบ ภงด.3 ที่ A ออกให้มั้ยคะ? คือตอนนี้เราได้ใบมาแล้วแหล่ะ แต่ยังไม่เอาไปให้สรรพากร เพราะลึกๆรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เหมือนเรายอมรับว่าเราได้เงินจาก A จริง แต่ความจริงคือไม่ได้ซักสลึงเลย
ปล. ตอนนี้ว่าจะไปแจ้งความกันไว้ก่อนค่ะ แล้วจะนำใบแจ้งความนี้ ไปยืนยันกับสรรพากรอีก