รีวิว HELLBOY เฮลล์บอย เด็กโข่งจากนรก ภาคนี้เป็นการรีบู๊ตใหม่ แต่โครงเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนัก นอกจากเพิ่มที่มาที่ไปของพระเอกให้มีปมมากขึ้น จากแค่ลูกปีศาจจากนรก ที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาโดยนาซี กลายมาเป็นสืบสาวชาติกำเนิดไปไกลจนถึงยุคสมัยกษัตริย์อาเธอร์ ซึ่งภาคนี้พยายามผูกเรื่องไว้เป็นเมนธีมของเรื่อง โดยเน้นหนักไปที่ความสัมพันธ์พ่อบุญธรรมของ Hellboy ที่เป็นหัวหน้าหน่วยหน่วยบีพีอาร์ดี (B.P.R.D) หน่วยลับที่ต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่อดีต ซึ่งการที่เก็บ Hellboy มาชุบเลี้ยงเหมือนลูกจริงๆ ไม่ได้ฆ่าทิ้งแบบที่เจอกับปีศาจตัวอื่นๆ นั่นทำให้ Hellboy รู้สึกว่างานที่เขาทำมาตลอดไม่จบสิ้นมันผิด ควรมีทางออกอื่นมากกว่าฆ่า ควรจะเป็นการอยู่ร่วมกัน หรือเป็นสันติวิธีแบบอื่นที่เขาต้องทำให้ได้
ธีมหลักของเรื่องแม้จะวางมาดูดี มีปม มีซีนดราม่าพ่อลูกบิ้วมาเรื่อยๆ แต่หนังก็ทำออกมาขาดๆ เกินๆ เป็นช่วงๆ กลายเป็นว่ายิ่งเล่นยิ่งเลอะเทอะไปเรื่อยๆ Hellboy เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ไม่มีความคงที่ของอารมณ์ตามเรื่องราว ว่าจะเอาไงกันแน่กับปมนี้ของตัวเอง สุดท้ายแม้หนังจะพยายามบิ้วปมพ่อลูกคู่นี้ในไคลแม็กซ์ตอนหลัง มันก็ไม่อินไม่ซึ้งอะไรเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กลายเป็นแค่เป็นสูตรพ่อกล่อมลูกให้กลับใจ ตามพล็อตสำเร็จรูปเท่านั้น
ตัว Hellboy เองก็แทบไม่ได้โชว์กึ๋น โชว์แอ็กชั่นเท่ๆ แบบเวอร์ชั่นก่อนเลย ดูจบยังไม่รู้เลยว่ามีความเก่งโดดเด่นยังไง พลังของอาวุธศักสิทธิ์ที่ตัวเอกมีก็แค่ไว้โชว์ แต่ไม่ได้ใช้งานจริงให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตตามที่หนังวางไว้ ตัวหนังมีฉากแอ็กชั่นประปราย
สเกลตอนท้ายดูใหญ่โต แต่อย่าหวังอะไรมากครับ มีแค่ตามเทรลเลอร์ที่ปล่อยออกมา ไม่ได้มีมากกว่านั้น ดูแล้วเหมือนตั้งใจเอามาหลอกขายในเทรลเลอร์ด้วยซ้ำ
แถมหนังภาคนี้พยายามใช้ฉากแหวะๆ มาขายมากกว่าฉากแอ็กชั่น จนกลายเป็นดูยัดเยียดไปมากๆ (ทั้งซูม ทั้งเน้นสมองไส้แตกกระจายเละเทะ) แล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวหนังดูดีมีคลาสขึ้นเลย ดูตกต่ำลงด้วยซ้ำที่มาใช้แนวทางนี้เป็นจุดขายจนเกินพอดี
หนังได้ “มิลลา โจโววิช” มาเล่นเป็นบอสหลัก “นีเมีย” ราชินีเลือด จอมเวทย์แห่งยุคมืดจากอดีตกาล ที่ถูกปลุกฟื้นกลับมาในโลกปัจจุบันอีกครั้ง ซึ่งเปิดตัวมาดูดี อย่างน้อยๆ ก็หวังว่าคงมีฉากทำลายล้างโลกเว่อร์ๆ ให้เห็น แต่ป่าวเลยครับ หนังใส่มามีแค่ตามที่เห็นในเทรลเลอร์เท่านั้น แถมยังเน้นเอามิลลามาโชว์ร่องนม กับพร่ำพูดเรื่องเป้าหมายเอา Hellboy มาเป็นราชา คู่กับราชินีอย่างเธอแทบทั้งเรื่อง แล้วก็จบแบบง่อยๆ ไม่สมกับที่เอาดาราระดับนี้มาเป็นบอสเลย เสียของมากๆ (ให้ดูนมยังไม่คุ้มเลยครับ อันนี้แซวพวกที่บอกตีตั๋วแค่ไปดูนมนะ ไม่มีหรอกอย่าหวัง…,มีแค่ในภาพนี่แหละ)
ภาคนี้ดูมีความพยายามสร้างให้ Hellboy เป็นเหมือนภาคจุดเริ่มต้นใหม่ สร้างเรื่องราวใหม่ มีตัวละครร่วมทีมใหม่ๆ ตั้งแต่ต้นไปจนถึงเอนด์เครดิตสุดท้าย (มี 2 เครดิต) แบบกะว่าจะต้องไว้ทำต่อแน่ๆ แต่ดูแล้วเวอร์ชั่นเก่าที่ผู้กำกับ Guillermo del Toro (กิเย์โม เดลโตโร ผลงาน
Pacific Rim, The Shape of Water) ทำไว้ดีกว่ามากๆ
รายละเอียดเมคอัพตัว Hellboy 2004 ก็ดูเป็นธรรมชาติกว่าภาคนี้ ที่แขนกับเขาปีศาจเหมือนแค่เอาปูนปลาสเตอร์มาแปะไว้ ตัวเพื่อนร่วมทีมของภาค 2004 ก็มีรายละเอียดเมคอัพที่ดูลงทุนกว่าภาคนี้ที่ใช้ CG ซะอีก ความน่าสนใจของตัวเพื่อนร่วมทีมพระเอก ก็สู้ภาคเก่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ดูแล้วความหวังที่จะได้เห็น Hellboy โลดแล่นในยุค Super Hero บูมๆ แบบตอนนี้คงยากครับ หนังทำได้ไม่ถึง สู้เวอร์ชั่นก่อนไม่ได้เลย ซึ่งขนาดเวอร์ชั่นก่อนที่ว่าเก็บรายละเอียดดีมากๆ แต่รายได้ก็ไม่ได้ดีตาม และนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้เห็น Hellboy ในโลกภาพยนตร์ครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยดู Hellboy มาก่อน แนะนำว่าให้ไปขุด 2 ภาคเก่ามาดู น่าจะได้ความสนุกและประทับใจในตัวละครนี้มากกว่าภาคใหม่ที่ฉายโรงตอนนี้ซะอีกครับ
คะแนน 5/10
https://www.playinone.com/folkplay/hellboy-รีวิว-2019/
[CR] รีวิว HELLBOY รีบู๊ตใหม่จนดิ่งลงนรกไปเลย!
รีวิว HELLBOY เฮลล์บอย เด็กโข่งจากนรก ภาคนี้เป็นการรีบู๊ตใหม่ แต่โครงเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนัก นอกจากเพิ่มที่มาที่ไปของพระเอกให้มีปมมากขึ้น จากแค่ลูกปีศาจจากนรก ที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาโดยนาซี กลายมาเป็นสืบสาวชาติกำเนิดไปไกลจนถึงยุคสมัยกษัตริย์อาเธอร์ ซึ่งภาคนี้พยายามผูกเรื่องไว้เป็นเมนธีมของเรื่อง โดยเน้นหนักไปที่ความสัมพันธ์พ่อบุญธรรมของ Hellboy ที่เป็นหัวหน้าหน่วยหน่วยบีพีอาร์ดี (B.P.R.D) หน่วยลับที่ต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่อดีต ซึ่งการที่เก็บ Hellboy มาชุบเลี้ยงเหมือนลูกจริงๆ ไม่ได้ฆ่าทิ้งแบบที่เจอกับปีศาจตัวอื่นๆ นั่นทำให้ Hellboy รู้สึกว่างานที่เขาทำมาตลอดไม่จบสิ้นมันผิด ควรมีทางออกอื่นมากกว่าฆ่า ควรจะเป็นการอยู่ร่วมกัน หรือเป็นสันติวิธีแบบอื่นที่เขาต้องทำให้ได้
ธีมหลักของเรื่องแม้จะวางมาดูดี มีปม มีซีนดราม่าพ่อลูกบิ้วมาเรื่อยๆ แต่หนังก็ทำออกมาขาดๆ เกินๆ เป็นช่วงๆ กลายเป็นว่ายิ่งเล่นยิ่งเลอะเทอะไปเรื่อยๆ Hellboy เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย ไม่มีความคงที่ของอารมณ์ตามเรื่องราว ว่าจะเอาไงกันแน่กับปมนี้ของตัวเอง สุดท้ายแม้หนังจะพยายามบิ้วปมพ่อลูกคู่นี้ในไคลแม็กซ์ตอนหลัง มันก็ไม่อินไม่ซึ้งอะไรเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัว Hellboy เองก็แทบไม่ได้โชว์กึ๋น โชว์แอ็กชั่นเท่ๆ แบบเวอร์ชั่นก่อนเลย ดูจบยังไม่รู้เลยว่ามีความเก่งโดดเด่นยังไง พลังของอาวุธศักสิทธิ์ที่ตัวเอกมีก็แค่ไว้โชว์ แต่ไม่ได้ใช้งานจริงให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตตามที่หนังวางไว้ ตัวหนังมีฉากแอ็กชั่นประปราย สเกลตอนท้ายดูใหญ่โต แต่อย่าหวังอะไรมากครับ มีแค่ตามเทรลเลอร์ที่ปล่อยออกมา ไม่ได้มีมากกว่านั้น ดูแล้วเหมือนตั้งใจเอามาหลอกขายในเทรลเลอร์ด้วยซ้ำ
แถมหนังภาคนี้พยายามใช้ฉากแหวะๆ มาขายมากกว่าฉากแอ็กชั่น จนกลายเป็นดูยัดเยียดไปมากๆ (ทั้งซูม ทั้งเน้นสมองไส้แตกกระจายเละเทะ) แล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ตัวหนังดูดีมีคลาสขึ้นเลย ดูตกต่ำลงด้วยซ้ำที่มาใช้แนวทางนี้เป็นจุดขายจนเกินพอดี
หนังได้ “มิลลา โจโววิช” มาเล่นเป็นบอสหลัก “นีเมีย” ราชินีเลือด จอมเวทย์แห่งยุคมืดจากอดีตกาล ที่ถูกปลุกฟื้นกลับมาในโลกปัจจุบันอีกครั้ง ซึ่งเปิดตัวมาดูดี อย่างน้อยๆ ก็หวังว่าคงมีฉากทำลายล้างโลกเว่อร์ๆ ให้เห็น แต่ป่าวเลยครับ หนังใส่มามีแค่ตามที่เห็นในเทรลเลอร์เท่านั้น แถมยังเน้นเอามิลลามาโชว์ร่องนม กับพร่ำพูดเรื่องเป้าหมายเอา Hellboy มาเป็นราชา คู่กับราชินีอย่างเธอแทบทั้งเรื่อง แล้วก็จบแบบง่อยๆ ไม่สมกับที่เอาดาราระดับนี้มาเป็นบอสเลย เสียของมากๆ (ให้ดูนมยังไม่คุ้มเลยครับ อันนี้แซวพวกที่บอกตีตั๋วแค่ไปดูนมนะ ไม่มีหรอกอย่าหวัง…,มีแค่ในภาพนี่แหละ)
ภาคนี้ดูมีความพยายามสร้างให้ Hellboy เป็นเหมือนภาคจุดเริ่มต้นใหม่ สร้างเรื่องราวใหม่ มีตัวละครร่วมทีมใหม่ๆ ตั้งแต่ต้นไปจนถึงเอนด์เครดิตสุดท้าย (มี 2 เครดิต) แบบกะว่าจะต้องไว้ทำต่อแน่ๆ แต่ดูแล้วเวอร์ชั่นเก่าที่ผู้กำกับ Guillermo del Toro (กิเย์โม เดลโตโร ผลงาน Pacific Rim, The Shape of Water) ทำไว้ดีกว่ามากๆ รายละเอียดเมคอัพตัว Hellboy 2004 ก็ดูเป็นธรรมชาติกว่าภาคนี้ ที่แขนกับเขาปีศาจเหมือนแค่เอาปูนปลาสเตอร์มาแปะไว้ ตัวเพื่อนร่วมทีมของภาค 2004 ก็มีรายละเอียดเมคอัพที่ดูลงทุนกว่าภาคนี้ที่ใช้ CG ซะอีก ความน่าสนใจของตัวเพื่อนร่วมทีมพระเอก ก็สู้ภาคเก่าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ดูแล้วความหวังที่จะได้เห็น Hellboy โลดแล่นในยุค Super Hero บูมๆ แบบตอนนี้คงยากครับ หนังทำได้ไม่ถึง สู้เวอร์ชั่นก่อนไม่ได้เลย ซึ่งขนาดเวอร์ชั่นก่อนที่ว่าเก็บรายละเอียดดีมากๆ แต่รายได้ก็ไม่ได้ดีตาม และนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้เห็น Hellboy ในโลกภาพยนตร์ครับ
สำหรับคนที่ไม่เคยดู Hellboy มาก่อน แนะนำว่าให้ไปขุด 2 ภาคเก่ามาดู น่าจะได้ความสนุกและประทับใจในตัวละครนี้มากกว่าภาคใหม่ที่ฉายโรงตอนนี้ซะอีกครับ
คะแนน 5/10
https://www.playinone.com/folkplay/hellboy-รีวิว-2019/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้