[CR] ชุดเจ้าสาว...ที่เกือบจะไม่ได้เป็นเจ้าสาว

     หลังจากที่ได้รีวิวชุดทำบุญตักบาตรช่วงเช้าแล้วในกระทู้ที่ผ่านมา สำหรับกระทู้นี้เราจะมารีวิวชุดพิธีบายศรีสู่ขวัญอีกชุด ตามที่ทิ้งท้ายไว้จากกระทู้ที่แล้วนะคะ

     หากพูดถึงชุดที่จะใส่ ในพิธีงานแต่งงาน (ชุดเจ้าสาว) หลังจากที่เราได้ข้อสรุปชุดแต่งงานของเราแล้ว คงหนีไม่พ้นกับคำถาม จากคนรอบข้าง คนสนิท หรือครอบครัว ที่จะขอดูชุดและเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ตามมา เจ้าของกระทู้ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ประสบปัญหานี้

     ชุดแต่งงานในพิธีหลัก ที่เราแพลนกันไว้ก็ยังคงเป็นความพื้นบ้านเหมือนเดิมตามรูปแบบงานของคุณแม่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วค่ะ  อย่างที่บอกไว้ในกระทู้ที่ผ่านมา เราได้เห็นพิธีต่างๆผ่านรูปภาพของคุณแม่ ซึ่งมันคือความรักและความสุขแบบเรียบง่าย เราจึงอยากจะให้บรรยากาศเหล่านั้นมันเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกันนั้นก็ยังมีคุณแม่และคุณพ่ออยู่ร่วมพิธีกับเราด้วยค่ะ ส่วนตัวแล้วคงไม่มีอะไรจะสมบูรณ์ไปกว่านี้อีกแล้วค่ะ

     รูปแบบของชุดที่เราจะสวมใส่ในพิธีบายศรีสู่ขวัญนั้นยังคงเน้นเป็นพื้นบ้านอีสานเช่นเดิมค่ะ เรื่องคอนเซปอยากได้ชุดออกมาแบบคลาสสิกในแบบอีสานโดยเราคุยกับแฟนว่าจะเอาแบบไหนดี แฟนแนะนำให้ปรับจากชุดที่ใส่ทำบุญในตอนเช้า ให้ใส่เป็นแบบผ้าคลุมไหล่สไบเฉียง โดยไม่สวมเสื้อแขนกระบอกด้านในซึ่งก็จะมีความคล้ายคลึงกับการแต่งกายของหญิงผู้ดีในมลฑลอุดรสมัยก่อนค่ะ  ส่วนชุดของแฟนนั้นนางขอเป็นสูทสมัยนิยมแนวแคชชวลที่มาพร้อมกับหมวกทรงปานามาให้อารมณ์วินเทจ ก่อนจะมาจบที่ชุดสูทนี้ นางก็มีการทำการบ้านให้เราด้วยค่ะ มีการตัดโฟโต้ช้อปเทียบเป็นเซทๆ เกือบจะ 20 เซทเลยค่ะ เพื่อเทียบชุดเจ้าบ่าวและชุดเจ้าสาวให้ตรงใจเรามากที่สุดค่ะ
     ในส่วนของการจัดสี การเลือกสีชุด และการวางลวดลายของผ้า เราให้สิทธิ์นางเป็นคนเลือกค่ะ (ต้องขอเกริ่นก่อนนะคะ เจ้าบ่าวมีอาชีพ Interior Designer ค่ะ)  เพราะฉะนั้นเราคิดว่าเราไม่ควรเถียงนางค่ะ เราให้นางหาข้อมูลแล้วรอให้นางสรุปให้เราฟังค่ะ เราก็นั่งหารูปแต่งหน้าทำผมที่เราชอบส่งให้นางไปแล้วจิบชาเขียวปั่นรอสวยๆค่ะ 555+
เพี้ยนชนแก้วเพี้ยนขำหนักมาก
     หมดชาเขียวไป 10 กว่าแก้วแล้วค่ะจุ๊บๆ อย่าถามเรื่องน้ำหนักนะคะ คาดว่าจะได้ซื่อผ้ามาขยายชุด555 ในที่สุดก็ได้เลือกแบบชุดของแฟนเป็นสีเทา ส่วนชุดของเรานั้นนางอยากได้เป็นผ้าอีสานเหมือนเดิมค่ะเพื่อให้คอนเชปที่เราวางมีความต่อเนื่องกัน ให้ความเรียบง่ายสีสุภาพและโดดเด่นในตอนถ่ายรูป (อันนี้สำคัญนะคะเราต้องยืนหนึ่งเท่านั้นค่ะ ดีค่ะเราไม่เถียง)  สรุปรูปแบบผ้าที่เข้าวินมานางเลือกสีน้ำเงินค่ะ ทราบว่าเป็นผ้าย้อมคราม ลักษณะมีสีน้ำเงินเข้มตัดกับลายมัดหมี่สีขาว นางบอกว่าเราเป็นคนผิวขาวถ้าเลือกสีน้ำเงินน่าจะขึ้นกล้องแล้วก็โดดเด่นจากคนรอบข้างเวลาถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนๆค่ะ

     หลังจากที่เราได้ข้อสรุปแล้วว่าจะใช้ผ้าย้อมครามในการตัดชุดเจ้าสาว จึงหาข้อมูลแหล่งผ้าย้อมคราม และได้แหล่งผ้าย้อมครามที่มีชื่อเสียงและขึ้นชื่อที่สุดในภาคอีสานค่ะ คือจังหวัดสกลนคร ใช่ค่ะตอนนี้เราทำงานอยู่ภาคตะวันออกของประเทศไทยค่ะ...ระยะทาง 800 กิโล+ นางแนะนำให้เราหาในเพทต่างๆ แล้วสั่งซื้อค่ะ..แต่..เสียใจนะคะเป็นชะนีจะซื้ออะไรต้องได้สัมผัสนะคะ ความเยอะต้องมาค่ะ555+
     ในที่สุดนางก็พาเราเดินทางไปจังหวัดสกลนครเพื่อไปเลือกผ้าย้อมคราม แหล่งผ้าที่เราจะเดินทางไปนั้น คือถนนผ้าคราม ตลาดนัดผ้าครามจะมีทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นถนนคนเดิน จะเปิดช่วงเย็นๆ ตั้งอยู่บริเวณพระธาตุเชิงชุม เดินทางสะดวกค่ะ ระหว่างที่เดินทางจะเข้าเขตจังหวัดสกลนครนั้น อากาศดีค่ะ...ฟ้าฝนที่นี่เป็นมิตรค่ะ...ตกหนักเหมือนพายุมังคุดลงที่สกลเลยค่ะ...ตอนนั้นเกจิอาจารย์องค์ไหนดีเราก็ขอพรให้ท่านปัดฝนหนีค่ะเพราะกลัวตลาดจะไม่มีแม่ค้ามาขายผ้า แต่ก็นั้นแหละค่ะตามคาดเลยค่ะพอถึงตลาดไม่ค่อยมีร้านไหนเปิดเนื่องจากพากันหนีฝนเก็บร้านไปหมดเหลือเพียงไม่กี่ร้านกว่าจะได้ผ้าที่ถูกใจเป็นเรื่องที่ยากลำบากคูณสิบค่ะ
    และแล้วเราก็ได้ผ้าที่ถูกใจสักทีหลังจากที่เดินวนไปมาอยู่หลายรอบ ทั้งแฉะทั้งเปียกฝน แต่ผ้าที่ได้นั้นก็ยังไม่ครบกับสิ่งที่เราตามหา เราได้ผ้ามาแค่1 ผืน เป็นเรื่องยากอีกเหมือนเดิมค่ะ เพราะต้องการผ้าสองผืนลวดลายเหมือนกัน ซึ่งผ้าทอมือที่วางขายส่วนมากลายจะไม่เหมือนกันเพราะเราไม่ได้สั่งทอพิเศษค่ะ ตอนนี้เราได้ผ้าแค่ 1 ผืนซึ่งก็เหนื่อยและอ่อนล้ามากๆ อยากเดินเข้าร้านเวดดิ้งให้เสร็จๆไปค่ะ เราจึงพากันกลับบ้านที่อุดรธานีเพื่อพักที่บ้านค่ะ เรากะว่าจะไปเดินหาผ้าที่หมู่บ้านนาข่า จังหวัดุอดรธานี อีกครั้ง เพื่อหาผ้าที่ใกล้เคียงกับผืนที่เราได้มามากที่สุด สรุปเราก็เลยได้ผ้าทอมือลายมัดหมี่บ้านนาข่าผสมกับผ้าย้อมครามสกลนครค่ะ ต้องมาลุ้นกันอีกค่ะว่าจะออกมาเป็นยังไง

    ต่อไปเข้าสู่การตัดเย็บชุดค่ะ เรายังใช้ช่างคนเดิมนั้นก็คือ คุณป้าปองค่ะ คราวนี้เราจะเน้นให้คุณป้าปองตัดชุดที่เข้าสัดส่วนให้มากที่สุดเพื่อการถ่ายรูปจะได้ออกมาสวยและชัดเจนขึ้นส่วนการวางลายผ้านั้นเราก็ให้แฟนช่วยพูดคุยกับคุณป้าเพื่อให้ได้แบบออกมาตามที่เราต้องการและสามารถตัดได้จริงค่ะ เนื่องจากผ้าที่ได้มาเป็นผ้าหน้าสั้นช่างต้องตัดเย็บต่อหลายส่วนเพื่อที่จะให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
    ในที่สุดก็ได้ชุดออกมาเรียบร้อยแล้วค่ะ และได้ฟิตติ้งชุดแล้วทุกอย่างโอเคค่ะ เราก็ถ่ายรูปให้ครอบครัวเราดูค่ะ แต่คนรอบข้างหลายๆคนไม่เห็นด้วยกับการที่เราจะใสชุดนี้โดยเฉพาะน้องสาวของเราบอกว่าเราจะไปงานโอท้อปค่ะขี้แง น้องเลววววหยอกเย้า บ้างก็บอกชุดเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่เข้ากันเพราะเป็นชุดสูท น้องสาวและคุณแม่เราก็ค่อยไม่เห็นด้วยเลย ตอนนั้นเราไม่มีความมั่นใจไม่อยากใส่เพราะคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย ขี้แง แต่แฟนของเรานางยังคงยืนยันจะให้เราใส่ชุดนี้เหมือนเดิม นางบอกว่าเราก็แพลนมาแล้ว เซทโฟโต้ช้อปให้ดูแล้ว มันก็โอเคในความรู้สึกของเราที่อยากได้อะไรที่เป็นตัวเรา มันผ่านมาหลายขั้นตอนแล้วกว่าจะสรุปได้แบบนี้ (นางกล่าว) เราคิดอะไรไม่ออกเนื่องจากฟังคำคนอื่นมากเกินไปไม่มีความมั่นใจอะไรเลยค่ะ อยากหาชุดใหม่ใว้เลยในตอนนั้นไม่อยากคิดอะไรอีกเลยค่ะขี้แง
ชุดที่ได้ครั้งแรกก่อนการปรับแก้ต่างๆค่ะ
     แฟนเรายังคงยึดตามแพลนเดิมค่ะ ตอนนั้นเราไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลยค่ะ งานก็ใกล้เข้ามาทุกที นางก็เลยแพลนและวางแผนกับน้องๆทีมช่างแต่งหน้า ทำผม (น้องโด่งและน้องนัทที) ให้น้อง เข้ามาเป็นสไตล์ลิสให้กับเราในครั้งนี้ด้วยค่ะ แล้วนางก็เอาข้อสรุปมาเล่าให้เราฟังค่ะ ได้ข้อสรุปคือ โทนการแต่งหน้าสะอาดตา ทรงผมรวบเรียบร้อย เครื่องประดับเป็นแบบเรียบง่ายน้อยชิ้นพอสวยงาม แล้วก็รอน้องเขาส่งคอนเซ็ป หน้า ผม เครื่องประดับ มาเสนอเราอีกครั้ง แก้กันหลายรอบค่ะกว่าจะมาถึงลุควันจริง

เพี้ยนเบลอเพี้ยนรู้สึกเงียบเพี้ยนเซ็งเป็ด
     พอมาถึงวันจริงทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากค่ะ ชุดที่เข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญเป็นชุดที่จะสวมใส่ถัดจากชุดสีชมพูที่ใส่เพื่อทำบุญตักบาตรในตอนเช้าค่ะ
การเปลี่ยนเป็นชุดนี้หลังจากที่แต่งหน้าทำผมสวมเครื่องประดับครบ ในตอนนั้นเรายังไม่ส่องกระจกค่ะ (ดูแค่หน้ากับผมเวลาช่างให้เราดูค่ะ) เราอยากให้ตัวเองแต่งครบแล้วค่อยส่องทีเดียว อยากให้ตัวเองรู้สึกว๊าวหรือไม่ก็อาจจะเฟลไปเลยค่ะ555+ แต่ก็นั้นแหละค่ะในใจอยากให้ตัวเองส่องกระจกแล้วความรู้สึกแรกที่เห็นตัวเองรู้สึกว่าว๊าววววชุดเริ่ด ชุดส่งสีผิวทำให้เราผ่องมีออร่า โมเม้นนั้นแสงจับระยิบระยับที่หน้า เหมือนจะเดินผ่านกระจกในทิวิภพค่ะ555+ นั้นคือความรู้สึกแรกทั้งหมดที่เห็นตัวเองค่ะ...ในตอนนั้นเราพร้อมจะเดินเข้างาน ไม่ใช่เพราะคิดว่าตัวเองสวยหรืออย่างไร แต่ทุกอย่างมันออกมาตามความคิดของเรากับแฟนที่เราแพลนกันไว้ค่ะ...เหตุผลเพียงเท่านี้และความรู้สึกต่อสายตาของเราแค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ...ไปนั่งสวยๆในงานกันค่ะ
อย่างที่บอกค่ะ...นั่งสวยๆจิกกล้องไปค่ะ 555+


เผลอเก่งค่ะ

ลุครันเวย์ของสาค่ะ...


ลุควินเทจแบดๆ...ค่ะกรี๊ดดดด555+


     เมื่อเราเชื่อ ความมั่นใจมันหลั่งล้นมาจากตรงไหนก็ไม่รู้ได้เลยค่ะ รู้แต่ว่าขอบคุณแฟนของเราที่ไม่ขวัญเสียไปกับเรา จากการฟังคำคอมเม้นของคนรอบข้าง...ไปค่ะเดินเข้างานสวยๆจริตแม่เกดเดินเข้าห้องดำแบบผู้ชนะค่ะ...น้องสาว คุณแม่ และเพื่อนๆหลายๆ คน กรูเข้ามาเซลฟี่รัวๆค่ะพร้อมกระชิบบอกว่าเราออร่าขาวมากๆ ฉ่ำ สง่ามากชุดสวยขับสีผิว ไม่เหมือนชุดแต่งงานทั่วๆไป เราก็ได้แต่อมยิ้มและในใจรู้สึกดีใจมากเพราะชุดนี้กว่าจะได้ใส่ก็ผ่านการดร่าม่า มาเยอะพอสมควร ต้องขอบคุณแฟนที่เลือกสรรสิ่งดีๆให้เรา ขอบคุณ คุณป้าที่ตัดชุดให้เรา ขอบคุณโหน่งที่ช่วยขับรถ ขอบคุณบอลเล่ย์ ที่ช่วยจัดการธุระส่วนตัวต่างๆและขอบคุณน้องๆทีมแต่งหน้าทำผมที่ช่วยเหลือจัดแจงเรื่องต่างๆให้ จนชุดเจ้าสาวของเราออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ

ว๊าย...ผู้ชายขอไมล์เรียกเราแล้วค่ะ


รอแป๊ป เจิมหน้าแป๊ปนะคะสา


อย่าเรียกนานค่ะ มาแล้วคร้าาาาได้แหวนแล้วเราต้องไหว้ค่ะ


ไหน...ใครเรียกค่ะ?



ปล.ยังไม่จบนะค่ะ เสร็จงานพิธีบายศรีสู่ขวัญเราต้องวิ่ง 4x100 ไปเปลี่ยนชุดเปลี่ยนหน้าผม สำหรับงานเย็นอีกค่ะ เอาให้ร่างพังไปเลยค่ะ เดี่ยวจะหาเวลามารีวิวงานเย็นอีกนะคะ โปรดติดตามในกระทู้ต่อไปนะคะ
ชื่อสินค้า:   ชุดเจ้าสาวอีสาน ชุดผ้าย้อมคราม ชุดแต่งงาน
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่