เรื่องเล่าจากปัญหาที่ต้องพบเจอมาตลอดจนกลายเป็นคนที่มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง (เราควรทำยังไงดี?)​

เรื่องนี้อยู่ว่าหลังสงกรานต์นี้แม่แฟน แฟน และญาติพี่น้องแฟนตกลงกันไว้ว่าจะส่งลูกเลี้ยงแฟนกลับไปอยู่กับพ่อเขา แต่... มีพี่สาวแฟนคนหนึ่งดึงดันและไม่ยอมให้ลูกเลี้ยงแฟนกลับไปอยู่กับพ่อ โดยอ้างเหตุผลว่าแม่แฟนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก และเขากลัวว่าพ่อเด็กจะข่มขืนเด็ก กลัวเด็กจะไม่คุ้นเคย กลัวไปซะหมด แต่อยู่ที่นี่เด็กก็คงไม่มีอนาคตอะไร เพราะแฟนเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเด็กในทางกฎหมาย และที่สำคัญสภาพแวดล้อม ณ ที่นี่ก็แย่มาก ตื่นเช้ามาก็ได้ยินแต่เสียงก่นด่าลูกหลานด้วยคำหยาบ เด็กที่เป็นเพื่อนกับลูกเลี้ยงแฟน นิสัยแต่ละคนนี่แบบเกินคำบรรยาย ทุกคนก็ลงมติแล้วว่าจะส่งเด็กกลับไปอยู่กับพ่อ แต่ก็มีพี่สาวแฟนคนเดียวที่ค่อยขัดตลอด มาหาว่าเราเป็นคนยุให้ทุกคนส่งเด็กไปอยู่ที่อื่น (จริงๆเราก็แค่พูดนะว่าถ้าไม่มีปัญญาทำอะไรให้เด็กได้ ก็ควรส่งกลับไปให้พ่อเขา ไม่ใช่มาอ้างว่าสงสารแล้วดึงให้ชีวิตเด็กตกต่ำลง)​ แม่ก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที แต่ถ้าแม่เอาไว้ แฟนเราก็บอกแม่นะว่าเขาจะไม่เลี้ยงแล้ว ถ้าจะเลี้ยงให้แม่หาเงินเลี้ยงเอง แฟนจะไม่ให้เงินในการเลี้ยงดูอีกแล้ว จะให้แค่ส่วนที่จะต้องให้แม่เท่านั้น เราก็ยังคิดนะว่าถ้าแม่แฟนเอาเด็กไว้ก็มีแต่ผลเสียทั้งต่อตัวแม่และตัวแฟน เพราะแฟนต้องมาหาเงินเลี้ยงเด็กที่รู้ว่าไม่ใช่ลูกของตัวเอง และแม่แฟนก็ต้องมาต้องมาคอยทำงานรับใช้เด็กคนนี้ไปตลอดชีวิตของแม่แน่นอน เพราะแม้แต่กางเกงในตัวเองเด็กก็ไม่เคยซักเองด้วยซ้ำ ตอนนี้เราเองก็สงสารทั้งแม่และแฟน โดยส่วนตัวระหว่างเรากับลูกเลี้ยงก็ไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่ เพราะลูกเลี้ยงแฟนเคยด่าว่าเราเป็นผู้หญิงร่านวิ่งเข้าหาผู้ชาย ทั้งๆทืความจริงแฟนเป็นคนมาจีบเราเอง ด่าว่าเรากับแฟนว่าเป็นหมาทั้งคู่ แต่ถ้าถามว่ายังพูดคุยกันไหม ก็พูดคุยกันตามปกติ (แฟนเราไม่พูดกับลูกเลี้ยงด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ถามคำตอบคำ)​ เราเองก็ไม่สามารถมีลูกกับแฟนได้เพราะลูกเลี้ยงแฟนขู่ไว้ว่าถ้าเรามีลูกเขาจะฆ่าตัวตาย เราไม่รู้ว่าเขาจะทำจริงๆรึเปล่า ถ้าเขาทำจริงก็กลายเป็นตราบาปติดตัวเรากับแฟนไปอีก เราก็บอกกับแฟนนะว่าถ้าเราเผลอท้อง เราจะทำแท้งทันทีถึงแม้ว่าแฟนจะไม่ยอมก็ตาม ยอมรับว่าตัวเราเองโคตรอึดอัดที่ต้องอยู่ที่นี่ ต้องมาคอยระแวงว่าคนอื่นเขาจะคิดยังไง เราจะทำอะไรขัดใจรึเปล่า จนบางครั้งเราถึงกับร้องไห้แล้วขอให้แฟนปล่อยเราไป แต่แฟนก็ไม่ยอมปลอยเรา บอกแต่ว่าให้เราอดทน เราเครียดจนเผลอทำร้ายตัวเอง แฟนรู้ก็เลยให้เราขายของเล็กๆน้อยๆหน้าบ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงให้เราทำร้ายตัวเอง แต่ก็เหมือนไม่ค่อยช่วยอะไรเลย ตอนค้าขายเรามีความสุข สนุกที่ได้ทำ แต่หลังจากเลิกขาย ความรู้สึกก็กลับมาหดหู่เหมือนเดิม เราเองก็เบื่อตัวเองที่เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้หลุดพ้นจากความรู้สึกแบบนี้จริงๆ ปรึกษาจิตแพทย์ก็มีแนวโน้มว่าเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง และต้องไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาลให้แน่ชัดอีกทีเพื่อหาแนวทางการรักษา แนวโน้มของโรคนี้เราเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ก็ไม่เคยเข้ารับการรักษาอย่างจริงๆจังๆ 

ปล.1 ที่แม่แฟนเอาลูกเลี้ยงแฟนมาเลี้ยง เพราะแม่คิดว่าเป็นลูกของแฟน สาเหตุคือแม่ของลูกเลี้ยงแฟนคบผู้ชายสองคนพร้อมกันในคราวเดียวกัน ประมาณว่าทะเลาะกับแฟนเก่าเพราะแฟนเก่าไปมีเมียน้อย ตัวเองก็เลยมาหาแฟนใหม่บ้าง พอดีกันก็กลับไปคบกัน แต่ก็ยังคบกับแฟนเรา และผู้ชายทั้งสองไม่มีใครรู้ แม้แต่กระทั่งลูกเลี้ยงแฟนเกิดมา ผู้ชายอีกคนยังคิดว่าเป็นลูกของเขาและเซ็นรับเป็นพ่อ แต่ผู้หญิงเอามาแอบอ้างว่าเป็นลูกของแฟน แม่ก็เข้าใจผิดเอามาเลี้ยงไว้จนถึงทุกวันนี้

ปล.2 แฟนสงสัยมาตลอดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกแฟน จนมารู้ความจริงว่าไม่ใช่ลูก แต่แม่จริงๆกับญาติฝั่งแม่เด็กไม่มีใครอยากรับเด็กกลับไปเลี้ยงสักคน ภาระก็เลยต้องต้องเป็นแม่แฟนที่ต้องเลี้ยงดู และแฟนที่ต้องหาเงินให้ใช้

ปล.3 แม้ว่าลูกเลี้ยงแฟนจะเรียกแฟนว่าพ่อ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเด็กมักด่าว่าและนินทาคนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อแบบเสียๆหายๆกับเพื่อนอยู่บ่อยครั้ง แม้แต่ต่อหน้าก็เคยทำ บางครั้งก็ด่าลามมาถึงเรา

ปล4.ลูกเลี้ยงแฟนเป็นผู้หญิง อยู่ในช่วงวัยรุ่นกำลังแตกเนื้อสาว แต่โดนแม่แฟนด่าว่าประจำว่าถ้าไม่ใช้ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ต้องให้ใช้ก่อนถึงจะทำ ทำอะไรก็ต้องให้คนอื่นเก็บตามหลังตลอด ก็ไม่มีวันไหนที่แม่ไม่ด่าว่าลูกเลี้ยงแฟน ด่าทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่