สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชม "Shazam!"
ขอฝากเพจรีวิวหนังไว้ด้วยนะครับ ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies
ซักจะเริ่มสนุกแล้วสิครับ เมื่อฮีโร่ฝั่ง DC เริ่มทยอยมีหนังเดี่ยวออกมาให้คนทั้วโลกได้ชมกันบ้างแล้ว หลังผูกติดกับฮีโร่หลักๆอย่าง แบทแมน และซูเปอร์แมน มานาน ที่สำคัญพักหลังมานี้ก็ทำงานได้เข้าตากรรมการซะด้วย นับจาก Wonder Women จนมาถึง Aquarman และวันนี้ที่มีอีกหนึ่งฮีโร่มาให้เราได้ทำความรู้จักกับเจ้าของฉายา “Shazam!” เพราะหากจะพูดชื่อฮีโร่จริงๆตามคันฉบับในคอมมิคของเขาแล้ว อาจทำให้ผู้อ่านมึนงงกันได้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ จริงๆแล้วชื่อของเขาคือ “กัปตันมาร์เวล” ซึ่งดันไปเหมือนกับฮีโร่สาวของฝั่งมาร์เวลเฉยเลย งานนี้ดันเป็นฝั่งของ DC ที่เป็นคนเปลี่ยนชื่อซะเองทั้งๆที่เป็นคนใช้ชื่อนี้มาก่อนตัวละครของอีกฝั่ง ส่วนตัวผมก็มองว่า DC คงคิดแล้วแหละ ว่าควรเปลี่ยนกันคนสับสนดีกว่า เพราะชื่อตัวละครดันไปพ้องกับชื่อของค่ายคู่แข่งอีกต่างหาก น่าจะไม่เกิดประโยชน์ซักเท่าไหร่

กลับมาที่ตัวหนังกันดีกว่า หลายคนคงสงสัยว่าแล้วคำว่า “Shazam” มาจากไหน ต้องเล่าแบบนี้ครับ ตัวละครในเรื่องเป็นเด็กหนุ่มชื่อ “บิลลี่ แบทสัน” ที่กำพร้าพ่อแม่และพยายามออกตามหาครอบครัวอยู่ตลอด แต่สุดท้ายเขาก็ถูกครอบครัวหนึ่งไปรับเลี้ยงร่วมกับเด็กกรำพร้าคนอื่นๆ อยู่มาวันนึงเขาก็ตกเป็นผู้ถูกเลือกให้ไปรับไม้ต่อจากเทพเจ้าโบราณที่ชื่อ “ชาแซม” ให้เป็นผู้ปกป้องสิ่งชั่วร้ายจากทูตกิเกสทั้ง 7 โดยที่การแปลงกายเป็นฮีโร่ของบิลลี่นั้น เขาต้องตะโกนคำว่า “ซาแซม” ออกไป นี่จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ที่ใช้เรียกเขา อีกทั้ง ตัวอักษรของคำว่า SHAZAM ยังเป็นการรวมกันของตัวย่อทั้งหกของเหล่าเทพเจ้าโบราณ ได้แก่ ปัญญาแห่งโซโลมอน (Solomon), กำลังแห่งเฮฮร์คิวลิส (Hercules), ความอดทนแห่งแอตลาส (Atlas), อำนาจแห่งซุส (Zeus), ความกล้าหาญแห่งอะคิลิส (Achiles) และความเร็วแห่งเมอร์คิวรี (Mercury) ซึ่งบิลลี แบตสัน จะได้รับพลังของเทพทั้งหกมาไว้กับตัว เมื่อเขาแปลงกาย

หนังเปิดเรื่องมาด้วยความเป็นทริลเลอร์ที่ดูฉุดอารมณ์ผู้ชมอยู่พอควร (น่าจะเป็นทางถนัดของผู้กำกับ “เดวิด แซนเบิร์ก” เพราะเคยกำกับหนังสยองขวัญอย่าง Lights Out และ Anabelle: Creation มาก่อน) ฉากบนรถตอนต้นเรื่องนี้ทำเอาผมสะดุ้งและวังเวงขึ้นมาทันที แน่นอนว่าฉากนี้เองมันช่วยเป็นเหตุเป็นผลอย่างดีที่ทำให้เราได้รับรู้และเข้าใจถึงที่มาของความรู้สึกอันคับแค้นและโหดร้ายของ “ดร.ซิวานา” ตัวร้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ อีกทั้งส่วนตัวยังชื่นชอบที่มาที่ไปของพลังอำนาจของเขาด้วย เพราะนอกจากจะพูดถึงที่มาของพลังอำนาจในด้านมืดแล้ว มันยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ความไม่สงบในเมืองฟิลาเดลเฟียด้วย ซึ่งหากจะพูดถึงผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้แล้ว คงต้องมองไปที่ความผิดพลาดของตัวเทพเจ้าโบราณ “ชาแซม” เองนั่นแหละ มันแสดงให้เห็นถึงความสมเหตุสมผลหนึ่งอย่างของผู้ที่จะมาเป็นและได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ ว่าแท้จริงแล้ว เขาอาจได้รับพลังวิเศษมาจากความเหมาะสมแต่อาจใช้มันผิดจุดประสงค์ก็ได้ (หนังฮีโร่หลายเรื่องมักอุปมาไปว่าผู้ได้รับพลังวิเศษจะเป็นผู้มีจิตใจดีอยากช่วยโลกเกือบทุกเรื่อง)

อีกความน่าสนใจหนึ่งของหนัง คือ ความไม่พยายามเป็นฮีโร่ของตัวละคร เราจะเห็นได้จากความบ้าเห่อพลังวิเศษแบบผิดๆของตัวบิลลี่ในช่วงแรก จนค่อยๆกลายเป็นฮีโร่ที่สมบูรณ์แบบในช่วงท้าย ซึ่งความรับผิดชอบของเขาก็ยังค่อยเป็นค่อยไปแบบไม่ต้องเล่นใหญ่ถึงขั้นรักษาบ้านเมือง แต่มีแค่แรงจูงใจที่จะต้องปกป้องครอบครัว ซึ่งถือเป็นการเล่าเรื่องที่ดูไม่เอิกเกริกนักกับฮีโร่หน้าใหม่คนนี้ จนหลายคนอาจจะมองว่าพล๊อตของ “Shazam” ดูง่ายและเด็กไปหน่อย แต่ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่านี่แหละครับ คือการเล่าเรื่องฮีโร่ที่สมเหตุสมผลและดูเข้าถึงง่ายที่สุด เราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่ไม่ได้เก่งและสมบูรณ์แบบแบบก้าวกระโดด แต่ยังแฝงไว้ด้วยจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทั่วไปที่ไม่ว่าใครก็ตามยังคงต้องมีพื้นฐานของการใช้ชีวิตในลักษณะแบบนี้ครับ และต้องไม่ลืมครับว่า บิลลี่ หรือ ชาแซม ของเรานั้น อายุแค่ 14 ขวบเอง

ในภาพรวมแล้ว “Shazam!” นับว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความเป็นหนังครอบครัวสูง อาจดูไม่มันสะใจและมีฉากแอคชั่นแบบทันสมัย แต่ส่วนตัวมั่นใจครับว่าหนังมีสีสันที่ดูได้เพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่อง End Credit 2 ตัวที่มีมาก็ส่งสัญญาณว่าหนังพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่จักรวาล Justice League

Score: 9/10