สวัสดีค่ะทุกคนเราตั้งกระทู้เป็นครั้งแรก
สืบเนื่องมาจากช่วงนี้มีข่าวป่าไฟไหม้ที่ดอยหลวงเชียงดาว ทำให้เราคิดถึงสถานที่อันสวยงามแห่งนี้ และอดเสียดายไม่ได้ที่ต้นไม้ พืชพันธ์ สัตว์ต่างๆที่เราเคยไปสัมผัสมา ตอนนี้อาจจะโดนไฟไหม้ไปหมดแล้ว แต่เราอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความสวยงาม และทุกๆความทรงจำที่เราได้ไปสัมผัสมาเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ และหวังว่าทุกๆอย่างจะกลับมาสวยงามดังเดิมเหมือนที่เราเคยได้ไปเจอ
บอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปเดินป่าครั้งแรกของเรา ปกติจะไปเที่ยวก็จะไปแบบสายสบายๆชิวๆ แต่เราก็โดนล่อลวงด้วยภาพความสวยงามของยอดดอย ทำให้อยากไปและคิดว่า เอาว่ะ ไม่เท่าไรหรอก เดินช้อบปิ้งทั้งวันยังทำได้ นี่เดินแค่ 4-5 ชม. เอง ไม่เป็นไรหรอก!
แนบรูปยอดดอย เพื่อทำให้ใครอยากไปแบบเรา 5555
นั่นละค่ะ... หายนะเลยเริ่มต้นขึ้น
สำหรับเรานี่มันทริป once in a lifetime ของแท้!!!!
คือควรไป...แต่ไปแค่ครั้งเดียวพอ พอให้รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า ความเมื่อย แผล เท้าบวม ความชันของยอดดอยหลวงเชียงดาว ความหนึบหนับของพื้นดิน ความหนาวเหน็บของอากาศบนภูเขาตอนกลางคืน ความไม่สะดวกสบายเหมือนนอนอยู่บ้านหรือไปเที่ยวที่อื่นๆ ความหิว
แต่นอกเหนือจากความทรมานต่างๆที่บอกไป ยังทำให้เราได้สัมผัสถึงความฟินของบรรยากาศ ภาพความสวยงามของธรรมชาติ ทะเลหมอกที่เพื่อนบอก ที่นี่มันวิวที่สวิสเซอร์แลนด์เลย! แต่กุแค่ไม่ต้องเดินเท้า 8.5 กิโลแบบพวก! เอ้า! แล้วเรามาทำอะไรที่นี่!!
ก็นอกเหนือจากวิวอันสวยงามบนยอดดอยแล้วเรายังได้สัมผัสถึงความสวยงามระหว่างทางอีกด้วย ความใจดีของพี่ๆทีมนำทาง พี่ๆเจ้าหน้าที่ ความอึดทึกทนของพี่ๆลูกหาบ การช่วยเหลือกัน ความน่ารักของชาวคณะร่วมทริป
ไปค่ะ เราจะเริ่มเล่าประสบการณ์อันสวยงามนี้ให้ได้อ่านกัน
เราเริ่มต้นตอนเช้าด้วยการตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่งอาบน้ำให้สะอาด เพราะเราจะไม่ได้อาบกันอีก 2 วัน!! ออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปเชียงดาวกันเลออ! (ปล. ใครที่จะไปจริงๆแนะนำให้หาที่นอนที่อ. เชียงดาวไปเลยนะก่อนวันขึ้นจะได้ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแบบอิชั้น)
ซึ่งตอนนี้ทางอุทยานเขาเปลี่ยนแปลงการจัดการใหม่ ให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์แล้วเขาจะหาลูกหาบ หาคนนำทางให้สำหรับใครที่ไปกลุ่มน้อยๆ จะได้ไม่ต้องซื้อทัวร์ เพราะยังไงทุกคนต้องมารายงานตัวที่เขต
ก่อนขึ้นเขา เขาก็จะอบรมเบื้องต้น ตรวจเช็คของที่เราจะเอาขึ้นไปว่ามีอะไรเท่าไรบ้าง เราต้องเอาลงให้หมดทุกอย่าง เพื่อธรรมชาติที่ยั่งยืน เขาจะแจกถุงอุจจาระ ถุงปัสสาวะฉุกเฉิน ไว้ให้ใช้ตอนอยู่บนดอย คือบอกเลยว่าเป็นมิติใหม่แห่งการอึและฉี่มากเว่ออออออ ดีออก! ต้องลอง
*มีรูปห้องน้ำที่อยู่บนดอยมาฝากด้วย ดูไปเรื่อยๆ
หลังจากที่นั่งรถกระบะจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าขึ้นมาจุดเริ่มเดิน เป็นทางลูกรัง ขรุขระ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ได้
ก่อนออกเดินทางสิ่งที่ห้ามลืมเลยคือหยิบไม้พยุงตัวไปกันด้วยนะ ห้ามลืม!! ช่วยได้เยอะมากกก
ตอนแรกก็ชิวๆอ่ะนะเลยยังพอถ่ายรูปได้ ต่อไปเรื่อยๆ นี่
... อย่าได้คิดจะเอากล้องขึ้นมาาาา หรือเหลือบมองอย่างอื่นระหว่างที่ขาก้าวเดิน ไม่งั้นมีสะดุดไม่ก็ล้มแน่นอนค่ะ คอมเฟิร์ม!!!!
แต่วิวระหว่างทางก็ช่วยให้เราได้หยุดพักเป็นช่วงๆบอก พี่ๆ หนูขอแวะถ่ายรูปแปป แต่ความจริงคือ เราเหนื่อยยย ขอพักหน่อยโว้ยยยยย
ธรรมชาติสวยงามตามเรื่องราว อากาศเย็นสบายทำให้เดินได้เรื่อยๆ เร็วบ้าง พักบ้าง แต่คือ เหนื่อยมากกกกกกกกก เพื่อนคือเท้าบวมไปล้ะ
รูปด้านล่างนี่คือเงาหมาน้อย ชอบมากก มีใครเห็นเงาน้องหมามั้ย?? พี่คนนำทางเขาเล่าว่า ชาวบ้านและพี่ๆเจ้าหน้าที่ช่วยกันปลูก ตัดแต่งต้นไม้จนทำให้เมื่อพระอาทิตย์สาดมุมเขาจะเกิดเป็นรูปคล้ายหน้าหมา มีจมูก มีปาก
ตอนนี้ไม่รู้โดนไฟป่าไปรึยัง แงงงงง๊
และนี่คืออาหารกลางวันของเรา ข้าวเหนียวหมูปิ้งง ที่เย็นมาก เพราะอากาศหนาว
กินเสร้จก็เดินทางกันต่อจ้าาา ไปปป หยิบไม้ค้ำแล้วเดินต่อ!! เราจะพิชิตยอดเขาอันสวยงามนี้ให้ได้
กราบขอบคุณรองเท้าสตั๊ดดอยราคา 100 บาทที่ช่วยชีวิตไว้ เกาะดินดีเยี่ยม!! คอมเฟิร์ม สำหรับใครที่อาจจะเพิ่งเริ่มเดิน หรือไม่แน่ใจว่าควรจะเอารองเท้าอะไรไปก็นี่เลยจ้า หาซื้อจาก shopee ได้เลยยย
รูปด้านล่างนี่เป็นจุดพัก ชื่อดงน้อย เป็นจุดพักที่ 10 เห็นจะได้ 555555
ระหว่างทางก็คือสวยมากกกกอ่ะ ชอบมากกกกๆๆๆๆ อยากกลับไปอีก แต่หามเราขึ้นไปแทนนะ 555555 ไม่อยากเดินแล้วว ทรมานน
และแล้ววววววว ก็ถึงเต้นที่พักแล้วจ้าาาาา โว้ยยยยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชม. ครึ่ง ถึงจุดกางเตนท์ตอนบ่าย 3 พี่คนนำทางก็จะให้เวลาพักผ่อน ได้งีบสัก ครึ่งชม ก็ต้องเดินต่อไปยอดเขาาาา ขอบอกเลยว่าทางขึ้นนี้นั้นนน แม้จะใกล้ๆ แต่ต้องปีนค่ะ ปีนขึ้นโขดหิน ไต่ไป เกือบถอดใจไม่ขึ้นไปล้ะ แต่เรามาแล้วและคงไม่มาอีกแล้วโว้ยยย เพราะงั้นกุต้องไป! ต้องเดินขึ้นไป! แล้วก็พิชิตยอดดอยหลวงจนด้ายยย เข้ ยอมแล้ววว
แต่คือก็คุ้มมากกกก พอขึ้นไปแล้วเห็นวิวแบบนี้อ่ะทุกคนนน มันดีมากกก
นี่เราใช้กล้อง iphone ถ่ายนะ รูปมันเลยอาจจะไม่ได้ชัดอะไรมากมาย แต่คือ อยู่บนนั้นคือภูมิใจในตัวเองมาก แม้จะถามตัวเองในใจว่า นี่ชั้นมาทำอะไรที่เนนนน้ แต่ก็ เอาค่ะ สวย ให้อภัยก็ได้ แงงง๊
ตะวันใกล้ตกหมดแล้วเราก็ต้องลงจากยอดดอยกลับเตนท์ไปกินข้าว แล้วนอน! แต่พอตอนลงนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ฟ้ามืด ถือไฟฉาย ถือไม้ค้ำ บ้าบออออ ไม่มีมือแล้ววว กลัวตกลงไปด้านล่างเว่อออ
อาหารเย็นนนนนที่เลิศหรูนั่นก็คือ มาม่าจ้ะ! เห้ยแกร๊ แต่มันอร่อยนะเว่ยย ฟินมากกก อากาศหนาวๆประมาณ 10 องศากับมาม่าร้อนๆ ปลากระป๋อง หมูหยอง หมูฝอย (คือทีมนี้กลัวอดตายเอาน้ำขึ้นมา 12 ขวดใหญ่ อาหารอีก 3 แพค) กินกันหน้าเตนท์ พี่ๆคนนำทางก็ใจดีเอาข้าวเปล่ามาให้กินด้วย อร่อยยยค่ะ ดีงาม
พอกินข้าวกันเสร็จเราก็จัดแจงล้างหน้าแปรงฟันเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมนอน แต่! อีเป็ด น้ำเย็น หน้าชา มือชาไปหม๊ดดด อุณหภูมิบนภูเขาลดลงเรื่อยๆเลยค่ะ แต่!ห้ามก่อไฟ! ไม่มีฮีทเตอร์เหมือนในโรงแรมต่างประเทศที่เคยไปเที่ยวด้วย โอ้ยยยยย นอนหนาวสั่นไปค่ะ หนาวแบบ ใส่เสื้อ 4 ชั้นหนาๆ กางเกง 2 ชั้น ถุงเท้า 2 ชั้นก็ยังไม่ช่วยอะไรเลยยยยเตนท์ก็ลาดลง นอนปุ๊ปตัวไถลลงตามทางไปอี๊กกก ดีออก!!
แต่ๆๆๆๆ
ก่อนนอนก็มีอะไรฟินๆนะคะ คือดาวสวยมากกก เยอะแยะไปหมด ชัดมาก อินี่ก็พยายามดูว่าดาวดวงนี้ ดวงนั้นคืออะไร ปรากฎว่า อ่อ ไม่รู้ค่ะ ไม่ตั้งใจเรียนดาราศาสตร์ไงง!!! และในส่วนของรูปดาวนั้นน... ถ่ายไม่ได้ค่ะ เอาไปแต่กล้องมือถือ5555 และนอกจากนั้นยังได้เห็นตาของกวางผาตอนกลางคืนด้วย ตาน้องเป็นประกายชัดเจนมากกกก มีอยู่หลายตัวมาก พี่เจ้าหน้าที่ก็ให้ยืมกล้องส่องทางไกลดูตัวน้อง ตัวใหญ่มาก แม้จะเห็นไม่ชัดเพราะมืด เห็นเป็นเงาๆ แต่ก็เอาว่ะ ดีกว่าไม่เห็นอะไรเลย!!555555
พอชมดาวชมสัตว์เสร็จด้วยความหนาวนอกเตนท์ก็เข้านอนเหอะ หนาวสัสๆ หนาวจริงๆนะ ยิ่งพอตอนตี 1 ตี 2 นี่พีคมากกก หนาวไปถึงไข่แล้วโว้ยยยยยยยย เขาบอกกันว่าประมาณ 4 องศาได้ อีบ้าาาานี่ยังใช่ประเทศไทยมั้ยยยอ่ะ
** เราไปช่วงคริสมาสปีที่แล้วนะคะ อากาศก็เย็นตามที่บอกเลยจ้า
และแล้วก็จบ 1 วันกับครึ่งคืนที่ดอยหลวงเชียงดาว วันต่อไปเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่งเพื่อเดินทางไปกิ่วลมใต้ดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอีก ฮืออออ แค่คิดก็ปวดเท้าล้าววว ซึ่งตอนนั้นแอบมีคิดว่า หรือไม่ไปดีวะ รอเดินลงเลยทีเดียว แต่ก็นะ ต้องไป มาแล้ว!! และไม่น่าจะกลับไปอีก เพราะทรมานเหลือเกินนนจ้า
แต่พอตอนนี้ก็รู้สึกว่า ดีนะที่ตัดสินใจไป ดีนะที่ปีที่แล้วโดนพี่ๆล่อลวงให้ไปเดิน เพราะไม่งั้นเราอาจจะไม่ได้ประสบการ์ดีๆแล้วมาแบ่งปันให้ทุกคนอ่านอย่างนี้ก็ได้!
คิดถึงเชียงดาวจริงๆ หวังว่าพี่ๆเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ภาครัฐจะช่วยกันฟื้นฟูให้เชียงดาวกลับมาสวยงามดังเดิมนะคะ เอาใจช่วยจากไกลๆค่ะ
สำหรับอีกวันไว้เดี่ยวมาเล่าต่อนะคะ
ปวดเท้า ปวดเข่า ที่ดอยหลวงเชียงดาว 2 วัน 1 คืน
สืบเนื่องมาจากช่วงนี้มีข่าวป่าไฟไหม้ที่ดอยหลวงเชียงดาว ทำให้เราคิดถึงสถานที่อันสวยงามแห่งนี้ และอดเสียดายไม่ได้ที่ต้นไม้ พืชพันธ์ สัตว์ต่างๆที่เราเคยไปสัมผัสมา ตอนนี้อาจจะโดนไฟไหม้ไปหมดแล้ว แต่เราอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้เห็นถึงความสวยงาม และทุกๆความทรงจำที่เราได้ไปสัมผัสมาเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ และหวังว่าทุกๆอย่างจะกลับมาสวยงามดังเดิมเหมือนที่เราเคยได้ไปเจอ
บอกก่อนเลยว่าทริปนี้เป็นทริปเดินป่าครั้งแรกของเรา ปกติจะไปเที่ยวก็จะไปแบบสายสบายๆชิวๆ แต่เราก็โดนล่อลวงด้วยภาพความสวยงามของยอดดอย ทำให้อยากไปและคิดว่า เอาว่ะ ไม่เท่าไรหรอก เดินช้อบปิ้งทั้งวันยังทำได้ นี่เดินแค่ 4-5 ชม. เอง ไม่เป็นไรหรอก!
แนบรูปยอดดอย เพื่อทำให้ใครอยากไปแบบเรา 5555
นั่นละค่ะ... หายนะเลยเริ่มต้นขึ้น
สำหรับเรานี่มันทริป once in a lifetime ของแท้!!!!
คือควรไป...แต่ไปแค่ครั้งเดียวพอ พอให้รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า ความเมื่อย แผล เท้าบวม ความชันของยอดดอยหลวงเชียงดาว ความหนึบหนับของพื้นดิน ความหนาวเหน็บของอากาศบนภูเขาตอนกลางคืน ความไม่สะดวกสบายเหมือนนอนอยู่บ้านหรือไปเที่ยวที่อื่นๆ ความหิว
แต่นอกเหนือจากความทรมานต่างๆที่บอกไป ยังทำให้เราได้สัมผัสถึงความฟินของบรรยากาศ ภาพความสวยงามของธรรมชาติ ทะเลหมอกที่เพื่อนบอก ที่นี่มันวิวที่สวิสเซอร์แลนด์เลย! แต่กุแค่ไม่ต้องเดินเท้า 8.5 กิโลแบบพวก! เอ้า! แล้วเรามาทำอะไรที่นี่!!
ก็นอกเหนือจากวิวอันสวยงามบนยอดดอยแล้วเรายังได้สัมผัสถึงความสวยงามระหว่างทางอีกด้วย ความใจดีของพี่ๆทีมนำทาง พี่ๆเจ้าหน้าที่ ความอึดทึกทนของพี่ๆลูกหาบ การช่วยเหลือกัน ความน่ารักของชาวคณะร่วมทริป
ไปค่ะ เราจะเริ่มเล่าประสบการณ์อันสวยงามนี้ให้ได้อ่านกัน
เราเริ่มต้นตอนเช้าด้วยการตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่งอาบน้ำให้สะอาด เพราะเราจะไม่ได้อาบกันอีก 2 วัน!! ออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปเชียงดาวกันเลออ! (ปล. ใครที่จะไปจริงๆแนะนำให้หาที่นอนที่อ. เชียงดาวไปเลยนะก่อนวันขึ้นจะได้ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นแบบอิชั้น)
ซึ่งตอนนี้ทางอุทยานเขาเปลี่ยนแปลงการจัดการใหม่ ให้ลงทะเบียนทางเว็บไซต์แล้วเขาจะหาลูกหาบ หาคนนำทางให้สำหรับใครที่ไปกลุ่มน้อยๆ จะได้ไม่ต้องซื้อทัวร์ เพราะยังไงทุกคนต้องมารายงานตัวที่เขต
ก่อนขึ้นเขา เขาก็จะอบรมเบื้องต้น ตรวจเช็คของที่เราจะเอาขึ้นไปว่ามีอะไรเท่าไรบ้าง เราต้องเอาลงให้หมดทุกอย่าง เพื่อธรรมชาติที่ยั่งยืน เขาจะแจกถุงอุจจาระ ถุงปัสสาวะฉุกเฉิน ไว้ให้ใช้ตอนอยู่บนดอย คือบอกเลยว่าเป็นมิติใหม่แห่งการอึและฉี่มากเว่ออออออ ดีออก! ต้องลอง
*มีรูปห้องน้ำที่อยู่บนดอยมาฝากด้วย ดูไปเรื่อยๆ
หลังจากที่นั่งรถกระบะจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าขึ้นมาจุดเริ่มเดิน เป็นทางลูกรัง ขรุขระ ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ได้
ก่อนออกเดินทางสิ่งที่ห้ามลืมเลยคือหยิบไม้พยุงตัวไปกันด้วยนะ ห้ามลืม!! ช่วยได้เยอะมากกก
ตอนแรกก็ชิวๆอ่ะนะเลยยังพอถ่ายรูปได้ ต่อไปเรื่อยๆ นี่... อย่าได้คิดจะเอากล้องขึ้นมาาาา หรือเหลือบมองอย่างอื่นระหว่างที่ขาก้าวเดิน ไม่งั้นมีสะดุดไม่ก็ล้มแน่นอนค่ะ คอมเฟิร์ม!!!!
แต่วิวระหว่างทางก็ช่วยให้เราได้หยุดพักเป็นช่วงๆบอก พี่ๆ หนูขอแวะถ่ายรูปแปป แต่ความจริงคือ เราเหนื่อยยย ขอพักหน่อยโว้ยยยยย
ธรรมชาติสวยงามตามเรื่องราว อากาศเย็นสบายทำให้เดินได้เรื่อยๆ เร็วบ้าง พักบ้าง แต่คือ เหนื่อยมากกกกกกกกก เพื่อนคือเท้าบวมไปล้ะ
รูปด้านล่างนี่คือเงาหมาน้อย ชอบมากก มีใครเห็นเงาน้องหมามั้ย?? พี่คนนำทางเขาเล่าว่า ชาวบ้านและพี่ๆเจ้าหน้าที่ช่วยกันปลูก ตัดแต่งต้นไม้จนทำให้เมื่อพระอาทิตย์สาดมุมเขาจะเกิดเป็นรูปคล้ายหน้าหมา มีจมูก มีปาก
ตอนนี้ไม่รู้โดนไฟป่าไปรึยัง แงงงงง๊
และนี่คืออาหารกลางวันของเรา ข้าวเหนียวหมูปิ้งง ที่เย็นมาก เพราะอากาศหนาว
กินเสร้จก็เดินทางกันต่อจ้าาา ไปปป หยิบไม้ค้ำแล้วเดินต่อ!! เราจะพิชิตยอดเขาอันสวยงามนี้ให้ได้
กราบขอบคุณรองเท้าสตั๊ดดอยราคา 100 บาทที่ช่วยชีวิตไว้ เกาะดินดีเยี่ยม!! คอมเฟิร์ม สำหรับใครที่อาจจะเพิ่งเริ่มเดิน หรือไม่แน่ใจว่าควรจะเอารองเท้าอะไรไปก็นี่เลยจ้า หาซื้อจาก shopee ได้เลยยย
รูปด้านล่างนี่เป็นจุดพัก ชื่อดงน้อย เป็นจุดพักที่ 10 เห็นจะได้ 555555
ระหว่างทางก็คือสวยมากกกกอ่ะ ชอบมากกกกๆๆๆๆ อยากกลับไปอีก แต่หามเราขึ้นไปแทนนะ 555555 ไม่อยากเดินแล้วว ทรมานน
และแล้ววววววว ก็ถึงเต้นที่พักแล้วจ้าาาาา โว้ยยยยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชม. ครึ่ง ถึงจุดกางเตนท์ตอนบ่าย 3 พี่คนนำทางก็จะให้เวลาพักผ่อน ได้งีบสัก ครึ่งชม ก็ต้องเดินต่อไปยอดเขาาาา ขอบอกเลยว่าทางขึ้นนี้นั้นนน แม้จะใกล้ๆ แต่ต้องปีนค่ะ ปีนขึ้นโขดหิน ไต่ไป เกือบถอดใจไม่ขึ้นไปล้ะ แต่เรามาแล้วและคงไม่มาอีกแล้วโว้ยยย เพราะงั้นกุต้องไป! ต้องเดินขึ้นไป! แล้วก็พิชิตยอดดอยหลวงจนด้ายยย เข้ ยอมแล้ววว
แต่คือก็คุ้มมากกกก พอขึ้นไปแล้วเห็นวิวแบบนี้อ่ะทุกคนนน มันดีมากกก
นี่เราใช้กล้อง iphone ถ่ายนะ รูปมันเลยอาจจะไม่ได้ชัดอะไรมากมาย แต่คือ อยู่บนนั้นคือภูมิใจในตัวเองมาก แม้จะถามตัวเองในใจว่า นี่ชั้นมาทำอะไรที่เนนนน้ แต่ก็ เอาค่ะ สวย ให้อภัยก็ได้ แงงง๊
ตะวันใกล้ตกหมดแล้วเราก็ต้องลงจากยอดดอยกลับเตนท์ไปกินข้าว แล้วนอน! แต่พอตอนลงนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ฟ้ามืด ถือไฟฉาย ถือไม้ค้ำ บ้าบออออ ไม่มีมือแล้ววว กลัวตกลงไปด้านล่างเว่อออ
อาหารเย็นนนนนที่เลิศหรูนั่นก็คือ มาม่าจ้ะ! เห้ยแกร๊ แต่มันอร่อยนะเว่ยย ฟินมากกก อากาศหนาวๆประมาณ 10 องศากับมาม่าร้อนๆ ปลากระป๋อง หมูหยอง หมูฝอย (คือทีมนี้กลัวอดตายเอาน้ำขึ้นมา 12 ขวดใหญ่ อาหารอีก 3 แพค) กินกันหน้าเตนท์ พี่ๆคนนำทางก็ใจดีเอาข้าวเปล่ามาให้กินด้วย อร่อยยยค่ะ ดีงาม
พอกินข้าวกันเสร็จเราก็จัดแจงล้างหน้าแปรงฟันเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมนอน แต่! อีเป็ด น้ำเย็น หน้าชา มือชาไปหม๊ดดด อุณหภูมิบนภูเขาลดลงเรื่อยๆเลยค่ะ แต่!ห้ามก่อไฟ! ไม่มีฮีทเตอร์เหมือนในโรงแรมต่างประเทศที่เคยไปเที่ยวด้วย โอ้ยยยยย นอนหนาวสั่นไปค่ะ หนาวแบบ ใส่เสื้อ 4 ชั้นหนาๆ กางเกง 2 ชั้น ถุงเท้า 2 ชั้นก็ยังไม่ช่วยอะไรเลยยยยเตนท์ก็ลาดลง นอนปุ๊ปตัวไถลลงตามทางไปอี๊กกก ดีออก!!
แต่ๆๆๆๆ
ก่อนนอนก็มีอะไรฟินๆนะคะ คือดาวสวยมากกก เยอะแยะไปหมด ชัดมาก อินี่ก็พยายามดูว่าดาวดวงนี้ ดวงนั้นคืออะไร ปรากฎว่า อ่อ ไม่รู้ค่ะ ไม่ตั้งใจเรียนดาราศาสตร์ไงง!!! และในส่วนของรูปดาวนั้นน... ถ่ายไม่ได้ค่ะ เอาไปแต่กล้องมือถือ5555 และนอกจากนั้นยังได้เห็นตาของกวางผาตอนกลางคืนด้วย ตาน้องเป็นประกายชัดเจนมากกกก มีอยู่หลายตัวมาก พี่เจ้าหน้าที่ก็ให้ยืมกล้องส่องทางไกลดูตัวน้อง ตัวใหญ่มาก แม้จะเห็นไม่ชัดเพราะมืด เห็นเป็นเงาๆ แต่ก็เอาว่ะ ดีกว่าไม่เห็นอะไรเลย!!555555
พอชมดาวชมสัตว์เสร็จด้วยความหนาวนอกเตนท์ก็เข้านอนเหอะ หนาวสัสๆ หนาวจริงๆนะ ยิ่งพอตอนตี 1 ตี 2 นี่พีคมากกก หนาวไปถึงไข่แล้วโว้ยยยยยยยย เขาบอกกันว่าประมาณ 4 องศาได้ อีบ้าาาานี่ยังใช่ประเทศไทยมั้ยยยอ่ะ
** เราไปช่วงคริสมาสปีที่แล้วนะคะ อากาศก็เย็นตามที่บอกเลยจ้า
และแล้วก็จบ 1 วันกับครึ่งคืนที่ดอยหลวงเชียงดาว วันต่อไปเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่งเพื่อเดินทางไปกิ่วลมใต้ดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอีก ฮืออออ แค่คิดก็ปวดเท้าล้าววว ซึ่งตอนนั้นแอบมีคิดว่า หรือไม่ไปดีวะ รอเดินลงเลยทีเดียว แต่ก็นะ ต้องไป มาแล้ว!! และไม่น่าจะกลับไปอีก เพราะทรมานเหลือเกินนนจ้า
แต่พอตอนนี้ก็รู้สึกว่า ดีนะที่ตัดสินใจไป ดีนะที่ปีที่แล้วโดนพี่ๆล่อลวงให้ไปเดิน เพราะไม่งั้นเราอาจจะไม่ได้ประสบการ์ดีๆแล้วมาแบ่งปันให้ทุกคนอ่านอย่างนี้ก็ได้!
คิดถึงเชียงดาวจริงๆ หวังว่าพี่ๆเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ภาครัฐจะช่วยกันฟื้นฟูให้เชียงดาวกลับมาสวยงามดังเดิมนะคะ เอาใจช่วยจากไกลๆค่ะ
สำหรับอีกวันไว้เดี่ยวมาเล่าต่อนะคะ