อยากรู้ครับบ
ของผม(ตัวผมเอง) 100% โดนตัดคะแนนพฤติกรรม ครั้งละ 5 คะแนน จากการสแกนเครื่องสแกนไม่ทัน
- เป็นเครื่องสแกนที่โฆษณาว่าปิดตอน 7:50 แต่ปิดไม่เคยตรงสักรอบ บางที 40 นิดๆก็ปิดละ บางทีก็เปิดนานไป๊
- เครื่องมีน้อย แถมบางเครื่องก็เสียบ่อย คนทั้งโรงเรียนมายืนต่อแถวออกัน ตอนนรีบๆนี่ไม่ทัน คนด้านหน้าสแกนนิ้วไม่ติดสักที แล้วโดนโดนตัด.. :v
- คือถึงจะเข้าแถวทัน เช็คชื่อในแถวทัน เคารพธงชาติทัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนตัดนะ ต้องสแกนทัน
ส่วนการตัดอื่นๆก็น่าจะเป็นตามแบบทั่วๆไป ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่เคยเห็นใครโดนตัดนอกจากสแกนไม่ทัน
และในส่วนของการแก้(เพิ่ม)คะแนน ก็มีค่อนข้างเยอะ แต่งงๆหน่อย ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรเลย แต่ก็.. เค
- แก้โดยการไปทำกิจกรรมต่างๆ : แข่งขัน เข้าร่วมกิจกรรมบางอย่าง ช่วยครูแล้วครูใจดีให้คะแนนฟรี บลาๆๆ
- แก้โดยทั่วไป : ซื้อของจากห้องปกครองมาแก้(สมุด) คล้ายๆบันทึกความดี แล้วไปหาเควสจากที่ต่างๆเอาเอง
ซึ่งเกณฑ์การเพิ่มค่อนข้างโหดสำหรับคนเวลาแก้น้อย
I. มีลิมิตการเพิ่มในแต่ละวันจนเหมือน cap exp ในเกมมือถือ แต่ต่ำกว่ามากๆๆๆ (น่าจะกันคนทำรวดเดียวพุ่งพรวด ทำให้คนที่คะแนนลบมากๆใช้เวลานาน)
II. ปกครองพิจารณาคะแนนงานเอง ถึงงานเราจะหนัก แต่ถ้าแกบอกไม่หนัก ก็ได้น้อยนะเอ่อ
III. อะไรหว่า
ก็ประมาณนี้แหละครับ เริ่มมามี 100 (ม.1/ม.4) ต่ำกว่า 60 ชะลอใบจบ (ม.3/ม.6) น่าจะเหมือนกับโรงเรียนอื่นแหละ(มั้ง)
-พื้นที่บ่นส่วนตัวเหมือนประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตย- อาจจะเป็นหนึ่งในเคสโรคซึมเศร้าก็เป็นได้
[คะแนนพฤติกรรม ทำชีวิตล่ม]
ส่วนตัวผมค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรม แต่เกรดก็ไปในทางดี มหาลัยก็ติดก่อนใครเพื่อน งานครูก็ช่วย ค่อนข้างสนิทกับครูบางคน
แต่.. โดนคะแนนพฤติกรรมรั้งไว้ครับ.. :v
ได้ใบจบช้ากว่าเพื่อน เพราะว่าสแกนลายนิ้วมือไม่ทัน (มาเข้าแถวช้า) บางครั้งถึงเราจะยื่นใบลา หรือฝากเพื่อนลาแล้วก็ยังโดนตัดโดยไม่รู้ตัว
ไม่แน่ บางทีไปกิจกรรมให้โรงเรียนหรือซ้อมก็อาจจะโดนตัดก็ได้ บางทีครูบางคนก็เช็คขาดทั้งๆที่เพื่อนบอกแล้วว่าไปกิจกรรม (กำ)
ส่วนตัวผมค่อนข้างไม่โลภมากและขี้ลืม เลยลืมที่จะขอคะแนนทุกครั้งที่ไปกิจกรรมหรือแข่งขัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เนื่องจากการสแกนไม่ทันในแต่ละวัน(แต่เข้าแถวเคารพธงชาติทันนะะ) คะแนนตอนจบ ม.6 เลยติดลบ 100++
แล้วอ่าว ทำไมไม่แก้แต่แรกล่ะ? ด้วยความสะเพร่าของผม ผม"นึกว่า" ที่ผมบอกครูของผมให้ฝากเพิ่มคะแนนจากกิจกรรมที่ผมทำตลอด 3 ปี (ทำรัวๆจริงๆนะ)
จะทำให้ครูจะเพิ่มให้เยอะผมจนไม่จำเป็นต้องไปแก้แบบวิธีทั่วไป เพื่อทดแทนการเหนื่อยตลอด 3 ปี ขอสบายตอนท้ายหน่อยละกัน(คิดงี้)
ทว่า!! การทำกิจกรรมตลอด 3 ปี ไม่มีผลกับะแนนพฤติกรรมเลยสักกะนิด ได้แค่ 20 คะแนน แม้ว่าจะได้รางวัลมากี่รางวัล แข่งขันมากี่ที่
ออกบูธโรงเรียนกี่ครั้ง ช่วยงานครูมากี่รอบ ทำให้ผมโดน checkmate ทันที เพราะผมพึ่งมารู้หลังจากที่เพื่อนๆใกล้จะได้ใบจบกันแล้ว
และพอไปคุยกับห้องปกครองก็พบคะแนนที่ติดลบเกินที่ผมเคยคำนวณไว้ และเนื่องจากผมได้จองตั๋วกลับบ้านในช่วงปีใหม่ไทยไว้แล้ว
ทว่าเมื่อคำนวณออกมาแล้วจากลิมิตการเพิ่มในแต่ละวัน ผมต้องนั่งหางานในโรงเรียน 10วัน+ ซึ่งจะทำให้ผมไม่ได้กลับบ้านที่ไม่ได้กลับมา 2 ปีแล้ว
ปล.รอบรถมันเต็มครับ ไม่มีที่นั่งแล้ว สำหรับเครื่องบินนี่ไม่แน่ แต่มาจองใกล้ๆนี่แพงแน่ๆ
ผมเลยอยากจะต่อรองกับห้องปกครอง แต่ว่าบรรดาครูอาจารย์ปิดเทอมกันแล้ว ไปลั๊นลากันแล้ว ที่เหลืออยู่มีแต่พนักงานห้องปกครองที่หย่อยยานไม่เป็น
เอาแต่บอกว่า ก็ไม่ยอมมาแก้ก่อนหน้านี้เอง เครื่องสแกนก็ปิดตั้ง 7.50 ยังจะไม่ทันอีก เวลาก็มีตั้งเยอะทำไมไม่แก้ (7.50?.. บ้าบอ)
น้ำเสียงตอนพูดประมาณแบบ สมน้ำหน้ายังไงอย่างงั้น คือ... นะ
สุดท้ายเลยได้ซื้อสมุดมาหาแก้ แต่ว่า... แทบไม่มีงานให้แก้เลย เพราะว่าปิดเทอมแล้ว ครูไม่อยู่ พานโรงก็มีบ้าง แต่ดูจากคะแนนแต่ละงานไม่ทันแน่
พอได้งานทำ งานแต่ละงานก็อย่างกับเราไปทำผิดร้ายแรงอะไรมา ช่วยแบกไม้ท่อน ช่วยเลื่อยไม้ ล้างจาน ประมาณครึ่งวัน ง่ายๆก็อย่างกับคนงานนั้นแหละ ได้แค่ 20 คะแนน
และจากปากพนักงานคนนั้น งานไม่สามารถทำกองๆไว้แล้วส่งทีเดียวด้วย ส่งได้มากสุดประมาณ งานสองงานต่อวัน
โดนใช้งานเหมือนอยู่ในค่ายทหารยังไงไม่รู้ มือเป็นแผล คอตึง ส่วนตัววาดรูปเป็นงานอดิเรกด้วย แต่มือเจ็บทำเอาเพจหยุดยาวเลย
ระหว่างทำไปก็ได้แต่คิดว่า เราไปทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยเหรอ? เราชั่วขนาดนั้นเลยเหรอ? สแกนไม่ทันเหรอ? ทำงานไปก็หนักใจไป
ไปพูดไปของานกับใคร ครูที่เหลือก็มีแต่จะพูดสมน้ำหน้าและไม่มีงานให้ทำ ได้แต่ไปช่วยงานคนงานในโรงเรียน พานโรง บลาๆ
ผมค่อนข้างเจ็บใจมาก ถึงจะรู้ว่าผมผิดที่สแกนไม่ทันเอง ไม่ยอมแก้เอง ไม่มีความรับผิดชอบเองก็เถอะ ทุกครั้งที่กลับบ้านมา อารมณ์ผมก็ติดลบ
นั่งเงียบอยู่คนเดียว คิดสั้นแบบไร้เหตุผล อยากตายหนีปัญหา มีแผนฆ่าตัวตายแบบจริงจัง เตรียมจดหมายจริงจัง ทั้งๆที่ในใจก็รู้อยู่ว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรขนาดนั้น
รู้สึกว่ายังไงเรามันก็ไร้ประโยชน์ ตายไปยังไงก็ไม่มีใครสนอยู่แล้ว อยู่ไปแบบนี้ก็ทรมาณ ถ้าอัตราความสุขเฉลี่ยปัจจบันถึงอนาคตมันน้อย
ก็สู้ตายไปเลยดีกว่าไหม? ถึงแม้จะมีความฝัน ก็ไม่มีใครช่วยเหลือ มีแต่ดูถูก โดนดันลง ปัญหาชีวิตก็ค่อนข้างมีอยู่แล้ว เลยคิดลบได้ง่าย
ตอนนั้นผมมีความพยายามที่แบกครอบครัวไว้ อยากให้คนในครอบครัวสบาย ง่ายๆคืออยากทำงานหาเงินให้ได้จนครอบครัวไม่มีปัญหาการเงิน
วางแผนมานาน เตรียมการสมบูรณ์ เหลือแค่จบม.6 ไปแล้วผมจะกดปุ่ม start ด้วยความเร่ง ทว่า ผมรู้สึกเหมือนความฝันอันยิ่งใหญ่ของผม
มาโดนขัดด้วยอะไรที่ไร้สาระแบบนี้เนี่ยนะ? จนหัวเสีย
ยิ่งยืนทำไป ยิ่งกลับมานั่งคิดที่บ้านไปก็ยิ่งรู้สึกตัวเองเล็กลงๆ และจะหายไปในสังคมที่มีมีกฎเกณฑ์แบบนี้.. รู้สึกว่าที่ตัวเองทำมามันไร้ประโยชน์
ไอ้ที่ผมไปเอารางวัลมาให้โรงเรียน ยอมไปทำกิจกรรมทั้งๆที่ใจจริงๆไม่อยากไปและอยากเป็นเด็กปกติ ผมเริ่มคิดทวงบุญคุณที่ผมควรจะได้แบบตามกฎ
แต่ไม่ว่ายังไงโรงเรียนก็ไม่ยอม หรือก็คือบรรดาครูอาจารย์ผู้ใจดีนั้น ปิดเทอมหายกันไปหมดแล้ว เหลือแต่พนักงานตามกฎ
ยิ่งรู้แบบนั้น ในหัวผมยิ่งวุ่น จู่ๆก็กลับไปคิดถึงช่วงยุคมืดของชีวิต หรือก็คือช่วงที่ชีวิตมืดมน ตัวผมมองไม่เห็นใครรอบข้างทั้งสิ้น ใช้ชีวิตแบบรอวันตาย
ไร้ความรู้สึก ไม่อยากคบหาเพื่อน ตีตัวออกห่างจากสังคม ช่วงนี้คือช่วง ม.3-4-5
ช่วงนั้นคือช่วงที่พ่อแม่ผมพึ่งหย่ากันและผมต้องย้ายโรงเรียนมาแบบงงๆ เลยต้องหาโรงเรียนแบบเข้ากลางเทอมได้ พ่อแม่หรือญาติก็ไม่มีใครเป็น
ข้าราชการ ทำให้หาโรงเรียนเข้ายาก แต่สุดท้ายก็ได้เข้าโรงเรียนนี้ โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนดี ค่อนข้างมีชื่อเสียง อาจารย์ก็ดี แต่ผมเกลียดระบบเข้าไส้
และโรงเรียนนี้ทำให้ผมกลายเป็นคนที่เกลียดโรงเรียนที่สุดในชีวิต เพราะต้องมานั่งทำตามกฎแปลกๆ ไม่คือ ต้องมาช่วยโรงเรียนรักษาหน้ารักษาตา
บลาๆๆ แต่นั้นคือปัญหาในวงกว้าง
ย้อนกลับมาดูที่ตัวผม ผมเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่งแบบมากๆ ม.3 อยู่มาเป็นปีไม่มีเพื่อนสนิทเลย หรืออีกแง่คือ ผมไม่เปิดใจรับใครเลย
ผมเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องชีวิต และก็ได้ตั้งคำถามกับตัวเอง "เราเกิดมาทำไม?" จนเกิดการหาคำตอบ แต่ว่าเนื่องด้วยช่วงนั้นครอบครัวโดยรอบ สิ่งแวดล้อม
สังคมของผม ไม่มีใครฟังปัญหาของผมเลย ผมไม่มีใครคุยด้วย พอไปคุยกับแม่ก็รู้สึกแม่แค่ฟังแล้วก็ไม่ทำอะไร ผมไม่รู้สึกบรรเทาเลยสักนิด
จนเลยเถิด ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดฆ่าตัวตาย เพราะผมไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เปลืองทรัพยากรโลกเปล่าๆ ถึงแม้จะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ว่าอยากจะเป็นประวัติศาสตร์ หรืออย่างน้อยช่วยคนสักคนก่อนตาย ผมดิ่งลึกลงไปในความมืด รู้สึกว่างเปล่า รู้สึกตัวเองเกิดมาเสียเปล่า รู้สึกไม่มีใครคอยอยู่เมื่อหันหลังกลับไป รู้สึกน้อยใจโลกใบนี้ ครั้งหนึ่งผมกดน้ำตัวเองจนรู้สึกได้เลยว่าสบายมาก ผมรู้สึกตัวเองค่อยๆลอยไปอย่าช้าๆ หลับตาแล้วเห้นตัวเองงลอยอยู่ใน
ทะเลอันกว้างใหญ่ และก็ค่อยๆ.. จมลึกลงไปพร้อมกับสติที่เริ่มเลือนลาง ก่อนที่จู่ๆจะมีสติก็เด้งตัวขึ้นมาแบบไม่ทันคิด ทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงความตาย
แต่ละวัน ผมพยายามฆ่าตัวตาย ไปโรงเรียน กลับบ้านมาคิดฆ่าตัวตายทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่คิด ผมเริ่มคิดถึงหน้าผู้ใหญ่หรือเพื่อนแต่ละคนที่ไม่เข้าใจความฝันหรือไม่เข้าใจผม และคิดถึงคนที่ดูถูก กดขี่ต่างๆนา จนพวกมันเป็นพลังด้านลบอย่างมากให้กับผม และเมื่อผมอยากจะระบายก็ไม่มีใครให้ระบาย
จะโทรหาศูนย์ปรึกษาสุขภาพจิตก็ไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรเราได้ เพราะนี้มันเรื่องที่เราก่อเองล้วนๆ
และคิดว่าถึงจะทำอะไรก็คงมีแต่คนสมน้ำหน้า ไม่มีคนสนใจ น้อยใจ ผมมองไม่เห็นใครเลย วันๆพยายามหาความสุขทางอินเทอร์เน็ตเพื่อลืมความทุกข์
จนถึงขนาด ถ้าผมไม่มีความสุขด้านนี้มาถ่วงคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว รู้สึกตัวเองมันอ่อนแอ รู้สึกยอมแพ้กับชีวิต
ผมไปพูดกับแม่ว่าผมน่าจะเป็นโรคซึมเศร้า(เพราะผมไม่มีใครพูดด้วยได้แล้ว) แม่ผมก็พูดราวๆว่า ไร้สาระ ไม่ใช่หรอก แค่คิดมากไปเอง
และก็กลับมาบ่นผมให้ผมกลับไปดูตัวเอง ทำให้ยิ่งดำดิ่งไปอีก
ขึ้น ม.4 ม.5 ถึงจะโตขึ้น แต่ควาทุกนั้นเท่าเดิม ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือน ความทุกข์ ความเครียดของผมเป็น ไฟ และความสุขบวกชีวิตประจำวันต่างๆเป็น
ทราย ที่ผ่านมาได้เรื่อยๆไม่ใช่เพราะไฟลดลง แต่เป็นเพราะทรายที่กลบไว้มันมากขึ้น
การคิดน้อยใจ อยากตายในโรคซึมเศร้ามันค่อนข้างจะไร้เหตุผล มันเป็นด้านความรู้สึกมากกว่า ผมคิดเถียงกับตัวเองเสมอเวลาจะฆ่าตัวตาย
ผทพยายามฆ่าตัวตายหลายแบบ อาทิ จมน้ำตาย เลือดออกตาย ตกที่สูงตาย บลาๆๆ ถึงแม้วันไหนผมไม่พยายามฆ่าตัวตาย วันนั้นผมก็จะฝันถึงว่า
ตัวผมนั้นตาย และรู้สึกเหมือนตายจริง ทั้งโดนไฟคลอกตายด้วยความทรมาณ จมน้ำตายอย่างสงบ โดนยิงตาย หรือโดนฟันหัวตายแบบงงๆ
และตื่นจากความฝันหลังจากตาย
กลับมาที่ม.6 หลังจากที่ผมขึ้นม.6 นั้น ทรายของผมก็เยอะพอที่จะไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้ว แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้ จู่ๆ ตัวผมก็กลับไปคิดแบบเดิม
ทรายที่สะสมมาเริ่มหายไป พร้อมกับไฟที่เริ่มรุนแรงขึ้น ชีวิตเริ่มกลับมาดาร์คอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ภายนอกจะแตกต่างไม่มากก็ตาม
ผมเอาแต่วนคิด แทนที่ผมจะได้กลับไปเจอเพื่อนเก่า พักสบายๆ เจอพี่น้อง เจอพ่อ ที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่กลับต้องมาโดนหยุดด้วยเรื่องอะไรแบบนี้
เรื่องที่ผมมาสาย สแกนไม่ทัน.. พ่อผมคงจะงอนและเคืองแน่ๆถ้าผมขอเลื่อนหรือไม่ไปด้วยเหตุผลแบบนี้ ผมเริ่มจนตรอก
ผมพยายามติดต่อหาความช่วยเหลือจากบรรดาอาจารย์ที่ผมเคยร่วมงานด้วย แต่คำตอบกลับเป็น "โน" และถูกบอกให้กลับไปแก้เอง
ติดเองก็แก้เองได้สิ และส่วนตัวผมตอนนั้น ไม่ติด 0 ร มผ มส ประพฤติตัวดี ติดมหาลัยแล้ว แต่กลับมาติดอะไรแปลกๆอย่าง "คะแนนพฤติกรรม"
จากการสแกนนิ้วไม่ทัน ทำให้ผมจิตตกมาก
เหมือนพวกที่ได้เกรด 4 ตลอดแต่อยู่มาวันหนึ่งก็ได้แค่ 3.95 ไร้งี้
ผมเริ่มแค้นโรงเรียน ทำงานไปแค้นไป คิดว่างถึงจะจบไปได้ยังไงก็จะแค้น ความคิดเรื่องถ้าจู่ๆ มหาลัยเรียกรายงานตัว โดนที่ผมยังไม่ได้รับใบจบ
เริ่มผุดขึ้นมา ผมเริ่มคิดว่าญาติจะมองยังไง เพราะในสายตาคนอื่นจะดูเหมือนการเข้ามหาลัยได้จะเป็นแค่ความสำเร็จเดียว เริ่มรู้สึกไม่ดี..
เริ่มกดดันตัวเองจากสังคมรอบข้างที่เคยพบเจอ ความเครียดเต็มหัว พร้อมกับรู้สึกว่าตัวเองกากมากที่มาติดขัดกับอะไรแบบนี้
กลับมารู้สึกเล็กอีกครั้ง และรู้สึกอยากหลุดพ้นจากความทุกข์นี้สักที
ในหัวตอนนั้นประมาณว่าตัวเองเริ่มประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ทำเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเริ่มเห็นแสงสว่างในชีวิต แต่พอมาเจอเรื่องนี้เลยรู้สึกผิดหวังในตัวเอง
และล้มไม่เป็นท่า...
...... แล้วคนอื่นล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง?
ปล.นี่ชีวิตจริงนะครับ และจริงๆก็มากกว่านี้ แต่มันจะยาวจนหลายเป็นนิยายไป เลยลดความรุนแรงลงหน่อย
การ ตัด/เพิ่ม คะแนนพฤติกรรมของแต่ละโรงเรียนเป็นยังไงบ้างครับ?
ของผม(ตัวผมเอง) 100% โดนตัดคะแนนพฤติกรรม ครั้งละ 5 คะแนน จากการสแกนเครื่องสแกนไม่ทัน
- เป็นเครื่องสแกนที่โฆษณาว่าปิดตอน 7:50 แต่ปิดไม่เคยตรงสักรอบ บางที 40 นิดๆก็ปิดละ บางทีก็เปิดนานไป๊
- เครื่องมีน้อย แถมบางเครื่องก็เสียบ่อย คนทั้งโรงเรียนมายืนต่อแถวออกัน ตอนนรีบๆนี่ไม่ทัน คนด้านหน้าสแกนนิ้วไม่ติดสักที แล้วโดนโดนตัด.. :v
- คือถึงจะเข้าแถวทัน เช็คชื่อในแถวทัน เคารพธงชาติทัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่โดนตัดนะ ต้องสแกนทัน
ส่วนการตัดอื่นๆก็น่าจะเป็นตามแบบทั่วๆไป ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่เคยเห็นใครโดนตัดนอกจากสแกนไม่ทัน
และในส่วนของการแก้(เพิ่ม)คะแนน ก็มีค่อนข้างเยอะ แต่งงๆหน่อย ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรเลย แต่ก็.. เค
- แก้โดยการไปทำกิจกรรมต่างๆ : แข่งขัน เข้าร่วมกิจกรรมบางอย่าง ช่วยครูแล้วครูใจดีให้คะแนนฟรี บลาๆๆ
- แก้โดยทั่วไป : ซื้อของจากห้องปกครองมาแก้(สมุด) คล้ายๆบันทึกความดี แล้วไปหาเควสจากที่ต่างๆเอาเอง
ซึ่งเกณฑ์การเพิ่มค่อนข้างโหดสำหรับคนเวลาแก้น้อย
I. มีลิมิตการเพิ่มในแต่ละวันจนเหมือน cap exp ในเกมมือถือ แต่ต่ำกว่ามากๆๆๆ (น่าจะกันคนทำรวดเดียวพุ่งพรวด ทำให้คนที่คะแนนลบมากๆใช้เวลานาน)
II. ปกครองพิจารณาคะแนนงานเอง ถึงงานเราจะหนัก แต่ถ้าแกบอกไม่หนัก ก็ได้น้อยนะเอ่อ
III. อะไรหว่า
ก็ประมาณนี้แหละครับ เริ่มมามี 100 (ม.1/ม.4) ต่ำกว่า 60 ชะลอใบจบ (ม.3/ม.6) น่าจะเหมือนกับโรงเรียนอื่นแหละ(มั้ง)
-พื้นที่บ่นส่วนตัวเหมือนประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตย- อาจจะเป็นหนึ่งในเคสโรคซึมเศร้าก็เป็นได้
[คะแนนพฤติกรรม ทำชีวิตล่ม]
ส่วนตัวผมค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรม แต่เกรดก็ไปในทางดี มหาลัยก็ติดก่อนใครเพื่อน งานครูก็ช่วย ค่อนข้างสนิทกับครูบางคน
แต่.. โดนคะแนนพฤติกรรมรั้งไว้ครับ.. :v
ได้ใบจบช้ากว่าเพื่อน เพราะว่าสแกนลายนิ้วมือไม่ทัน (มาเข้าแถวช้า) บางครั้งถึงเราจะยื่นใบลา หรือฝากเพื่อนลาแล้วก็ยังโดนตัดโดยไม่รู้ตัว
ไม่แน่ บางทีไปกิจกรรมให้โรงเรียนหรือซ้อมก็อาจจะโดนตัดก็ได้ บางทีครูบางคนก็เช็คขาดทั้งๆที่เพื่อนบอกแล้วว่าไปกิจกรรม (กำ)
ส่วนตัวผมค่อนข้างไม่โลภมากและขี้ลืม เลยลืมที่จะขอคะแนนทุกครั้งที่ไปกิจกรรมหรือแข่งขัน
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เนื่องจากการสแกนไม่ทันในแต่ละวัน(แต่เข้าแถวเคารพธงชาติทันนะะ) คะแนนตอนจบ ม.6 เลยติดลบ 100++
แล้วอ่าว ทำไมไม่แก้แต่แรกล่ะ? ด้วยความสะเพร่าของผม ผม"นึกว่า" ที่ผมบอกครูของผมให้ฝากเพิ่มคะแนนจากกิจกรรมที่ผมทำตลอด 3 ปี (ทำรัวๆจริงๆนะ)
จะทำให้ครูจะเพิ่มให้เยอะผมจนไม่จำเป็นต้องไปแก้แบบวิธีทั่วไป เพื่อทดแทนการเหนื่อยตลอด 3 ปี ขอสบายตอนท้ายหน่อยละกัน(คิดงี้)
ทว่า!! การทำกิจกรรมตลอด 3 ปี ไม่มีผลกับะแนนพฤติกรรมเลยสักกะนิด ได้แค่ 20 คะแนน แม้ว่าจะได้รางวัลมากี่รางวัล แข่งขันมากี่ที่
ออกบูธโรงเรียนกี่ครั้ง ช่วยงานครูมากี่รอบ ทำให้ผมโดน checkmate ทันที เพราะผมพึ่งมารู้หลังจากที่เพื่อนๆใกล้จะได้ใบจบกันแล้ว
และพอไปคุยกับห้องปกครองก็พบคะแนนที่ติดลบเกินที่ผมเคยคำนวณไว้ และเนื่องจากผมได้จองตั๋วกลับบ้านในช่วงปีใหม่ไทยไว้แล้ว
ทว่าเมื่อคำนวณออกมาแล้วจากลิมิตการเพิ่มในแต่ละวัน ผมต้องนั่งหางานในโรงเรียน 10วัน+ ซึ่งจะทำให้ผมไม่ได้กลับบ้านที่ไม่ได้กลับมา 2 ปีแล้ว
ปล.รอบรถมันเต็มครับ ไม่มีที่นั่งแล้ว สำหรับเครื่องบินนี่ไม่แน่ แต่มาจองใกล้ๆนี่แพงแน่ๆ
ผมเลยอยากจะต่อรองกับห้องปกครอง แต่ว่าบรรดาครูอาจารย์ปิดเทอมกันแล้ว ไปลั๊นลากันแล้ว ที่เหลืออยู่มีแต่พนักงานห้องปกครองที่หย่อยยานไม่เป็น
เอาแต่บอกว่า ก็ไม่ยอมมาแก้ก่อนหน้านี้เอง เครื่องสแกนก็ปิดตั้ง 7.50 ยังจะไม่ทันอีก เวลาก็มีตั้งเยอะทำไมไม่แก้ (7.50?.. บ้าบอ)
น้ำเสียงตอนพูดประมาณแบบ สมน้ำหน้ายังไงอย่างงั้น คือ... นะ
สุดท้ายเลยได้ซื้อสมุดมาหาแก้ แต่ว่า... แทบไม่มีงานให้แก้เลย เพราะว่าปิดเทอมแล้ว ครูไม่อยู่ พานโรงก็มีบ้าง แต่ดูจากคะแนนแต่ละงานไม่ทันแน่
พอได้งานทำ งานแต่ละงานก็อย่างกับเราไปทำผิดร้ายแรงอะไรมา ช่วยแบกไม้ท่อน ช่วยเลื่อยไม้ ล้างจาน ประมาณครึ่งวัน ง่ายๆก็อย่างกับคนงานนั้นแหละ ได้แค่ 20 คะแนน
และจากปากพนักงานคนนั้น งานไม่สามารถทำกองๆไว้แล้วส่งทีเดียวด้วย ส่งได้มากสุดประมาณ งานสองงานต่อวัน
โดนใช้งานเหมือนอยู่ในค่ายทหารยังไงไม่รู้ มือเป็นแผล คอตึง ส่วนตัววาดรูปเป็นงานอดิเรกด้วย แต่มือเจ็บทำเอาเพจหยุดยาวเลย
ระหว่างทำไปก็ได้แต่คิดว่า เราไปทำอะไรผิดขนาดนั้นเลยเหรอ? เราชั่วขนาดนั้นเลยเหรอ? สแกนไม่ทันเหรอ? ทำงานไปก็หนักใจไป
ไปพูดไปของานกับใคร ครูที่เหลือก็มีแต่จะพูดสมน้ำหน้าและไม่มีงานให้ทำ ได้แต่ไปช่วยงานคนงานในโรงเรียน พานโรง บลาๆ
ผมค่อนข้างเจ็บใจมาก ถึงจะรู้ว่าผมผิดที่สแกนไม่ทันเอง ไม่ยอมแก้เอง ไม่มีความรับผิดชอบเองก็เถอะ ทุกครั้งที่กลับบ้านมา อารมณ์ผมก็ติดลบ
นั่งเงียบอยู่คนเดียว คิดสั้นแบบไร้เหตุผล อยากตายหนีปัญหา มีแผนฆ่าตัวตายแบบจริงจัง เตรียมจดหมายจริงจัง ทั้งๆที่ในใจก็รู้อยู่ว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรขนาดนั้น
รู้สึกว่ายังไงเรามันก็ไร้ประโยชน์ ตายไปยังไงก็ไม่มีใครสนอยู่แล้ว อยู่ไปแบบนี้ก็ทรมาณ ถ้าอัตราความสุขเฉลี่ยปัจจบันถึงอนาคตมันน้อย
ก็สู้ตายไปเลยดีกว่าไหม? ถึงแม้จะมีความฝัน ก็ไม่มีใครช่วยเหลือ มีแต่ดูถูก โดนดันลง ปัญหาชีวิตก็ค่อนข้างมีอยู่แล้ว เลยคิดลบได้ง่าย
ตอนนั้นผมมีความพยายามที่แบกครอบครัวไว้ อยากให้คนในครอบครัวสบาย ง่ายๆคืออยากทำงานหาเงินให้ได้จนครอบครัวไม่มีปัญหาการเงิน
วางแผนมานาน เตรียมการสมบูรณ์ เหลือแค่จบม.6 ไปแล้วผมจะกดปุ่ม start ด้วยความเร่ง ทว่า ผมรู้สึกเหมือนความฝันอันยิ่งใหญ่ของผม
มาโดนขัดด้วยอะไรที่ไร้สาระแบบนี้เนี่ยนะ? จนหัวเสีย
ยิ่งยืนทำไป ยิ่งกลับมานั่งคิดที่บ้านไปก็ยิ่งรู้สึกตัวเองเล็กลงๆ และจะหายไปในสังคมที่มีมีกฎเกณฑ์แบบนี้.. รู้สึกว่าที่ตัวเองทำมามันไร้ประโยชน์
ไอ้ที่ผมไปเอารางวัลมาให้โรงเรียน ยอมไปทำกิจกรรมทั้งๆที่ใจจริงๆไม่อยากไปและอยากเป็นเด็กปกติ ผมเริ่มคิดทวงบุญคุณที่ผมควรจะได้แบบตามกฎ
แต่ไม่ว่ายังไงโรงเรียนก็ไม่ยอม หรือก็คือบรรดาครูอาจารย์ผู้ใจดีนั้น ปิดเทอมหายกันไปหมดแล้ว เหลือแต่พนักงานตามกฎ
ยิ่งรู้แบบนั้น ในหัวผมยิ่งวุ่น จู่ๆก็กลับไปคิดถึงช่วงยุคมืดของชีวิต หรือก็คือช่วงที่ชีวิตมืดมน ตัวผมมองไม่เห็นใครรอบข้างทั้งสิ้น ใช้ชีวิตแบบรอวันตาย
ไร้ความรู้สึก ไม่อยากคบหาเพื่อน ตีตัวออกห่างจากสังคม ช่วงนี้คือช่วง ม.3-4-5
ช่วงนั้นคือช่วงที่พ่อแม่ผมพึ่งหย่ากันและผมต้องย้ายโรงเรียนมาแบบงงๆ เลยต้องหาโรงเรียนแบบเข้ากลางเทอมได้ พ่อแม่หรือญาติก็ไม่มีใครเป็น
ข้าราชการ ทำให้หาโรงเรียนเข้ายาก แต่สุดท้ายก็ได้เข้าโรงเรียนนี้ โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนดี ค่อนข้างมีชื่อเสียง อาจารย์ก็ดี แต่ผมเกลียดระบบเข้าไส้
และโรงเรียนนี้ทำให้ผมกลายเป็นคนที่เกลียดโรงเรียนที่สุดในชีวิต เพราะต้องมานั่งทำตามกฎแปลกๆ ไม่คือ ต้องมาช่วยโรงเรียนรักษาหน้ารักษาตา
บลาๆๆ แต่นั้นคือปัญหาในวงกว้าง
ย้อนกลับมาดูที่ตัวผม ผมเป็นคนเข้าสังคมไม่เก่งแบบมากๆ ม.3 อยู่มาเป็นปีไม่มีเพื่อนสนิทเลย หรืออีกแง่คือ ผมไม่เปิดใจรับใครเลย
ผมเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องชีวิต และก็ได้ตั้งคำถามกับตัวเอง "เราเกิดมาทำไม?" จนเกิดการหาคำตอบ แต่ว่าเนื่องด้วยช่วงนั้นครอบครัวโดยรอบ สิ่งแวดล้อม
สังคมของผม ไม่มีใครฟังปัญหาของผมเลย ผมไม่มีใครคุยด้วย พอไปคุยกับแม่ก็รู้สึกแม่แค่ฟังแล้วก็ไม่ทำอะไร ผมไม่รู้สึกบรรเทาเลยสักนิด
จนเลยเถิด ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดฆ่าตัวตาย เพราะผมไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เปลืองทรัพยากรโลกเปล่าๆ ถึงแม้จะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ว่าอยากจะเป็นประวัติศาสตร์ หรืออย่างน้อยช่วยคนสักคนก่อนตาย ผมดิ่งลึกลงไปในความมืด รู้สึกว่างเปล่า รู้สึกตัวเองเกิดมาเสียเปล่า รู้สึกไม่มีใครคอยอยู่เมื่อหันหลังกลับไป รู้สึกน้อยใจโลกใบนี้ ครั้งหนึ่งผมกดน้ำตัวเองจนรู้สึกได้เลยว่าสบายมาก ผมรู้สึกตัวเองค่อยๆลอยไปอย่าช้าๆ หลับตาแล้วเห้นตัวเองงลอยอยู่ใน
ทะเลอันกว้างใหญ่ และก็ค่อยๆ.. จมลึกลงไปพร้อมกับสติที่เริ่มเลือนลาง ก่อนที่จู่ๆจะมีสติก็เด้งตัวขึ้นมาแบบไม่ทันคิด ทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงความตาย
แต่ละวัน ผมพยายามฆ่าตัวตาย ไปโรงเรียน กลับบ้านมาคิดฆ่าตัวตายทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่คิด ผมเริ่มคิดถึงหน้าผู้ใหญ่หรือเพื่อนแต่ละคนที่ไม่เข้าใจความฝันหรือไม่เข้าใจผม และคิดถึงคนที่ดูถูก กดขี่ต่างๆนา จนพวกมันเป็นพลังด้านลบอย่างมากให้กับผม และเมื่อผมอยากจะระบายก็ไม่มีใครให้ระบาย
จะโทรหาศูนย์ปรึกษาสุขภาพจิตก็ไม่คิดว่าเขาจะช่วยอะไรเราได้ เพราะนี้มันเรื่องที่เราก่อเองล้วนๆ
และคิดว่าถึงจะทำอะไรก็คงมีแต่คนสมน้ำหน้า ไม่มีคนสนใจ น้อยใจ ผมมองไม่เห็นใครเลย วันๆพยายามหาความสุขทางอินเทอร์เน็ตเพื่อลืมความทุกข์
จนถึงขนาด ถ้าผมไม่มีความสุขด้านนี้มาถ่วงคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว รู้สึกตัวเองมันอ่อนแอ รู้สึกยอมแพ้กับชีวิต
ผมไปพูดกับแม่ว่าผมน่าจะเป็นโรคซึมเศร้า(เพราะผมไม่มีใครพูดด้วยได้แล้ว) แม่ผมก็พูดราวๆว่า ไร้สาระ ไม่ใช่หรอก แค่คิดมากไปเอง
และก็กลับมาบ่นผมให้ผมกลับไปดูตัวเอง ทำให้ยิ่งดำดิ่งไปอีก
ขึ้น ม.4 ม.5 ถึงจะโตขึ้น แต่ควาทุกนั้นเท่าเดิม ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือน ความทุกข์ ความเครียดของผมเป็น ไฟ และความสุขบวกชีวิตประจำวันต่างๆเป็น
ทราย ที่ผ่านมาได้เรื่อยๆไม่ใช่เพราะไฟลดลง แต่เป็นเพราะทรายที่กลบไว้มันมากขึ้น
การคิดน้อยใจ อยากตายในโรคซึมเศร้ามันค่อนข้างจะไร้เหตุผล มันเป็นด้านความรู้สึกมากกว่า ผมคิดเถียงกับตัวเองเสมอเวลาจะฆ่าตัวตาย
ผทพยายามฆ่าตัวตายหลายแบบ อาทิ จมน้ำตาย เลือดออกตาย ตกที่สูงตาย บลาๆๆ ถึงแม้วันไหนผมไม่พยายามฆ่าตัวตาย วันนั้นผมก็จะฝันถึงว่า
ตัวผมนั้นตาย และรู้สึกเหมือนตายจริง ทั้งโดนไฟคลอกตายด้วยความทรมาณ จมน้ำตายอย่างสงบ โดนยิงตาย หรือโดนฟันหัวตายแบบงงๆ
และตื่นจากความฝันหลังจากตาย
กลับมาที่ม.6 หลังจากที่ผมขึ้นม.6 นั้น ทรายของผมก็เยอะพอที่จะไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นแล้ว แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้ จู่ๆ ตัวผมก็กลับไปคิดแบบเดิม
ทรายที่สะสมมาเริ่มหายไป พร้อมกับไฟที่เริ่มรุนแรงขึ้น ชีวิตเริ่มกลับมาดาร์คอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ภายนอกจะแตกต่างไม่มากก็ตาม
ผมเอาแต่วนคิด แทนที่ผมจะได้กลับไปเจอเพื่อนเก่า พักสบายๆ เจอพี่น้อง เจอพ่อ ที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่กลับต้องมาโดนหยุดด้วยเรื่องอะไรแบบนี้
เรื่องที่ผมมาสาย สแกนไม่ทัน.. พ่อผมคงจะงอนและเคืองแน่ๆถ้าผมขอเลื่อนหรือไม่ไปด้วยเหตุผลแบบนี้ ผมเริ่มจนตรอก
ผมพยายามติดต่อหาความช่วยเหลือจากบรรดาอาจารย์ที่ผมเคยร่วมงานด้วย แต่คำตอบกลับเป็น "โน" และถูกบอกให้กลับไปแก้เอง
ติดเองก็แก้เองได้สิ และส่วนตัวผมตอนนั้น ไม่ติด 0 ร มผ มส ประพฤติตัวดี ติดมหาลัยแล้ว แต่กลับมาติดอะไรแปลกๆอย่าง "คะแนนพฤติกรรม"
จากการสแกนนิ้วไม่ทัน ทำให้ผมจิตตกมาก
เหมือนพวกที่ได้เกรด 4 ตลอดแต่อยู่มาวันหนึ่งก็ได้แค่ 3.95 ไร้งี้
ผมเริ่มแค้นโรงเรียน ทำงานไปแค้นไป คิดว่างถึงจะจบไปได้ยังไงก็จะแค้น ความคิดเรื่องถ้าจู่ๆ มหาลัยเรียกรายงานตัว โดนที่ผมยังไม่ได้รับใบจบ
เริ่มผุดขึ้นมา ผมเริ่มคิดว่าญาติจะมองยังไง เพราะในสายตาคนอื่นจะดูเหมือนการเข้ามหาลัยได้จะเป็นแค่ความสำเร็จเดียว เริ่มรู้สึกไม่ดี..
เริ่มกดดันตัวเองจากสังคมรอบข้างที่เคยพบเจอ ความเครียดเต็มหัว พร้อมกับรู้สึกว่าตัวเองกากมากที่มาติดขัดกับอะไรแบบนี้
กลับมารู้สึกเล็กอีกครั้ง และรู้สึกอยากหลุดพ้นจากความทุกข์นี้สักที
ในหัวตอนนั้นประมาณว่าตัวเองเริ่มประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ทำเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเริ่มเห็นแสงสว่างในชีวิต แต่พอมาเจอเรื่องนี้เลยรู้สึกผิดหวังในตัวเอง
และล้มไม่เป็นท่า...
...... แล้วคนอื่นล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง?
ปล.นี่ชีวิตจริงนะครับ และจริงๆก็มากกว่านี้ แต่มันจะยาวจนหลายเป็นนิยายไป เลยลดความรุนแรงลงหน่อย