วิทยาศาสตร์ของนิวไทป์

นิวไทป์ จากเรื่องกันดั้ม เป็นมนุษย์ที่อยู่ในอวกาศอย่างยาวนานจนมีการพัฒนาความสามารถในการรับรู้ถึงสัมผัสของตัวเองอย่างละเอียดในสภาพไร้น้ำหนัก ในมังงะและอนิเม พลังนิวไทป์มีลักษณะคล้ายกับ The force ของพวกเจได (ก็แหงละ ลอกมาซะขนาดนี้ ขนาดชาห์ตัวร้ายยังต้องใส่หน้ากากแบบเวเดอร์เล้ย) แต่คุณสมบัติพิเศษที่ถูกยกขึ้นมา คือความสามารถขับเคลื่อนอวกาศยานและหุ่นยนต์แบบ 4 มิติ (กว้าง ยาว ลึก เวลา) ได้เหนือกว่ามนุษย์ที่จำกัดอยู่ในแรงโน้มถ่วง แม้ว่าพลังจิตส่วนอื่นๆจะไม่มีเค้าความเป็นไปได้ด้วยการพยายามพิสูจน์อย่างเอาเป็นเอาตายจนล้มเหลวมานับไม่ถ้วน แต่เฉพาะเรื่องของการขับเคลื่อนอวกาศยานและหุ่นยนต์แบบ 4 มิติ ไม่หลงทิศในอวกาศ มันอาจพอมีทางเป็นไปได้

รูปที่ 1: แสดงการรับรู้ทิศทาง ตำแหน่ง ของมนุษย์ เราใช้ตาในการบ่งชี้ระยะ ความสูง เรามีอวัยวะในหูชั้นในที่สามารถสัมผัสถึงอัตราการหมุนและความเร่ง และบ่งชี้ทิศทาง ระดับจากแรงโน้มถ่วง

เรื่องความสามารถในการรับรู้ทิศทางในอวกาศ แม้ว่าในอวกาศ เราจะไม่สามารถสัมผัสถึงน้ำหนัก จะมองทิศทางแสงมองหาเงามันก็ไม่ง่ายเพราะอวกาศไม่มีอากาศและน้ำที่ทำให้เกิดการกระจัด ต้องเล็งมองที่ตัววัตถุถึงจะเห็น สำหรับมนุษย์ทั่วๆไปที่แม้ผ่านการฝึกเพื่อขับเครื่องบินก็ยังสามารถเกิดการหลงฟ้าพาเครื่องบินโหม่งโลกได้ ถ้าในอวกาศ เราไม่มีระนาบเส้นขอบฟ้าให้เป็นสิ่งสังเกตแนวระดับ ไม่มีแรงโน้มถ่วงให้มนุษย์สัมผัสถึงแนวดิ่ง มนุษย์ในอวกาศอาจรู้การเปลี่ยนทิศทางจากการเปลี่ยนแปลงของความเร่งและการควงจากระบบการทรงตัวในหูชั้นใน แต่การเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศในอวกาศก็ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วนัก เนื่องจากในอวกาศไม่มีแรงต้าน การควงปรับทิศทางอย่างรวดเร็วไม่มีแรงต้านอากาศกระทำกับปีกให้หยุดและมันจะควงจนหลงทิศ การปรับแก้มุมและทิศทางในการ Docking สถานีอวกาศและกระสวยอวกาศถึงทำอย่างเชื่องช้า เพราะทำเร็วไป กระทบทีนึงนี่กระเด็นเด้งหามุมประกบใหม่กันไม่ไหวเลยทีเดียว สำหรับมนุษย์ที่อยู่ในอวกาศ มันจะมี receptor อวัยวะรับรู้ตัวหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นประโยชน์ได้ นั่นคือ อวัยวะรับรู้ ตา ที่มองเห็นสนามแม่เหล็ก
รูปที่ 2: สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ดางอาทิตย์ไม่ใช่ก้อนแข็งแต่เป็นของไหล ซึ่งมีอัตราการหมุนรอบตัวเองแต่ละส่วนที่ไม่เท่ากัน การที่พื้นผิวดวงอาทิตย์เคลื่อนไปด้วยความเร็วที่ต่างกันทำให้เส้นสนามแม่เหล็กมีการม้วนเลื่อน เมื่อการเลื่อนของสนามแม่เหล็กไปไกลถึงจุดนึง เส้นสนามแม่เหล็กก็จะถูกตัดขาดเกิดเป็นจุดปะทุของ Solar flare

สนามแม่เหล็กสามารถใช้บ่งชี้ทิศทางได้ โดยในวงโคจรโลก สนามแม่เหล็กของโลกจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางที่ชี้เข้าสู่โลกและใช้เป็นแกนอ้างอิงได้ เช่นเดียวกันกับสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ ในกรณีที่การเดินทางในอวกาศยังอยู่ในระบบสุริยะ ไปจนถึงชั้นเฮลิโอพอส (Heliopause) ที่ระยะ 100 AU (Astronomer unit เท่ากับระยะห่างจากโลกถึงดวงอาทิตย์) สำหรับขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ มันมีการกลับขั้วค่อนข้างถี่ ในหลัก 11 ปี แต่ มันก็ยังสามารถใช้เป็นจุดอ้างอิงทิศทางได้ ในกรณีของพลขับโมบิลสูท และถึงจะเดินทางออกไปสู่พื้นที่อวกาศระหว่างดวงดาวระดับ Interstellar มันก็ยังมีสนามแม่เหล็กของกาแลคซี่เป็นตัวที่บ่งชี้แนวระดับ และทิศทางได้อยู่นั่นเอง นั่นคือ ความสามารถในการมองเห็น และรับรู้สนามแม่เหล็ก น่าจะเป็นหัวใจสำคัญของการที่สปีชี่ส์หนึ่งๆจะสามารถก้าวพ้นขอบเขตของการเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยเฉพาะบนดาวเคราะห์ได้

แต่ทั้งนี้ ปัญหาคือ การวิวัฒนาการ มันเป็นการใช้งานสิ่งที่มีอยู่เดิม แล้วมนุษย์เรามีอะไรที่จะวิวัฒนาการไปเป็นอวัยวะหยั่งรู้สนามแม่เหล็กได้หรือเปล่า
รูปที่ 3: จำลองการมองเห็นสนามแม่เหล็กโลกที่นกเห็นโดยเป็นเงาเหลื่อมอยู่บนภาพที่เห็นจากตา
เรารู้ว่า นกสามารถสัมผัสถึงสนามแม่เหล็กโลกได้ด้วยโปรตีนในกลุ่ม คริปโตโครม (Cryptochrome) ในจอตาของนก โปรตีนคริปโตโครมเป็นโปรตีนดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกสาย มันเป็นโปรตีนตัวเดียวกับที่ใช้ควบคุมจังหวะของชีวิต สำหรับมนุษย์ ก็มีโปรตีนคริปโตโครม CRY1 และ CRY2 ที่ใช้คุมนาฬิกาชีวภาพของพวกเรา มันเคยมีการทดลองตัดต่อยีนที่ผลิตคริปโตโครมในคนเข้าใส่ในแมลงวันที่กลายพันธุ์และสูญเสียความสามารถในการผลิตคริปโตโครมทำให้ไม่สามารถสัมผัสถึงสนามแม่เหล็กโลก และก็พบว่า ยีนของมนุษย์ที่ใช้ผลิตคริปโตโครมสามารถรักษาอาการมองไม่เห็นสนามแม่เหล็กโลกในแมลงวันได้ ซึ่งเท่ากับว่า ยีนตัวนี้ในมนุษย์สามารถใช้ในการตรวจจับสนามแม่เหล็กโลกได้ และโปรตีน CRY2 ก็มีอยู่ในเรตินาของมนุษย์ด้วย หรือว่า มนุษย์จะสามารถวิวัฒนาการจนเอาความสามารถในการเห็นสนามแม่เหล็กจนเป็นนิวไทป์ได้!?!?
รูปที่ 4: โปรตีน Cryptochrome มีอยู่ในตาของมนุษย์ และเช่นเดียวกับนก และสัตว์อีกหลายชนิด เป็นโปรตีนที่ทำให้สัตว์สามารถมองเห็นสนามแม่เหล็กโลกได้

ข้อได้เปรียบของนิวไทป์

การที่มนุษย์สามารถมองเห็นสนามแม่เหล็กของโลก ของดวงอาทิตย์ และรวมไปถึงวัตถุอย่างโมบิลสูทของอีกฝั่ง นั่นคือ นอกจากนิวไทป์จะมีเซ้นส์เรื่องทิศทางในอวกาศเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป ควงหลงทิศ มองเห็นสนามแม่เหล็กเป็นสีเป็นแถบเป็นแนวก็บอกได้ว่าก่อนหน้านี้อะไรอยู่ทิศไหน แถมด้วยการเห็นสนามแม่เหล็ก นิวไทป์ สามารถสังเกตเห็นสัญญาณของการเตรียมเคลื่อนไหวล่วงหน้าของโมบิลสูทฝ่ายศัตรู เหมือนที่ยอดฝีมือแค่สังเกตไหล่ของฝ่ายตรงข้ามก็รู้แล้วว่ามันเตรียมจะออกท่วงท่าอะไร ตรงนี้ เราไม่ต้องอาศัยคำอธิบายเรื่องการมองเห็นอนาคตแบบพวกเจไดก็บอกได้ว่า พวกนิวไทป์ รู้ล่วงหน้าชั่วพริบตาได้จากสัญญาณไฟฟ้าเบาๆที่แผ่ออกมาจากโมบิลสูทนั่นเอง

รูปที่ 5: การที่พวกนิวไทป์มักจะต้องตัดสินกันด้วยอาวุธระยะประชิดแบบบีมเซเบอร์หรือฮีทฮอว์กอาจเพราะแต่ละฝ่ายเห็นสัญญาณไฟฟ้ารู้กันล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร เลยต้องมาสู้แบบประชิดเอาให้อ่านสัญญาณไฟฟ้าไม่ทันหลบไม่ทัน

จุดอ่อนของนิวไทป์

ในกรณีที่นิวไทป์มีข้อได้เปรียบมนุษย์บนพื้นโลกจากการมองเห็นสนามแม่เหล็ก มันก็มีวิธีการที่จะกลบจุดอ่อน และรบกวนความสามารถของนิวไทป์ได้โดยไม่ต้องใช้อนุภาคไมนอฟสกี้หรือคริปตอนไนต์ การรบกวนประสาทสัมผัสของนิวไทป์ สามารถทำได้ด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการรบกวน เช่นกรณีของการทดลองกับนก ก็พบว่า นกถูกรบกวนได้ด้วยสนามแม่เหล็กที่มีความถี่เฉพาะในช่วงคลื่นวิทยุ AM ในกรณีการใช้งานกับมนุษย์ เราไม่จำเป็นต้องใช้คลื่นที่รุนแรงจนกลบการมองเห็นสนามแม่เหล็ก แค่เราใช้คลื่นที่มีลักษณะวูบวาบหน่อย มนุษย์เราสามารถเมาแสงวูบวาบได้ พวกมนุษย์นิวไทป์ก็น่าจะเกิดอาการเมาแสงจากสนามแม่เหล็กที่เราสาดวูบวาบใส่ได้เช่นกัน แน่นอน มนุษย์โลกอย่างเราย่อมขี้โกงพอจะใช้แทคติกนี้อยู่แล้ว

ท้ายที่สุด

แม้คำตอบตอนนี้ยังไม่เด่นชัดว่า มนุษย์เรา จะสามารถวิวัฒนาการจนเห็นสนามแม่เหล็กได้ แต่อย่างน้อย เราก็รู้ว่า นอกจาก นก แล้ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างค้างคาว จนถึง วัว กวาง และ สุนัขจิ้งจอก ก็มีความสามารถในการเห็นสนามแม่เหล็ก และมันยังเคยมีงานวิจัยของเยอร์มันที่บ่งชี้ว่ามนุษย์เราอาจจะมีแรงกระตุ้นเมื่อมองไปในทิศทางด้านใดด้านหนึ่งมากกว่าทิศอื่นเล็กน้อย การรับรู้ถึงสนามแม่เหล็กนี้อาจไม่ได้ถูกปิดการใช้งานในมนุษย์อย่างสมบูรณ์ และมีช่องว่าง ที่จะมีเหตุการณ์การคัดเลือกตามธรรมชาติอะไรสักอย่างที่จะกระตุ้นทำให้ความสามารถในการเห็นสนามแม่เหล็กจะตื่นขึ้นมาเป็นเผ่านพันธุ์มนุษย์อวกาศในอนาคต

อ้างอิง
การรับรู้ทิศทางและตำแหน่งของตัวคนโดยเฉพาะในตอนบังคับอากาศยาน
สนามแม่เหล็กโลก และสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์
สนามแม่เหล็กของกาแลคซี่
หลักฐานการมีอยู่ของรีเซปเตอร์ สนามแม่เหล็กในมนุษย์
การรบกวนสนามแม่เหล็กของมนุษย์ที่มีต่อนก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่