หนังเก่าเล่าใหม่ 108: The Truman Show (Peter Weir, 1998)
"เรียลลิตี้โชว์ ชีวิตที่อยากเลือกเอง" The Truman Show เป็นภาพยนตร์ที่พาเราไปสังเกตและคอยดูชีวิตของชายคนหนึ่ง เสมือนกำลังนั่งดูเรียลลิตี้โชว์ และมีผู้สร้างสรรค์รายการเปรียบเสมือนพระเจ้า ‘ทรูแมน เบอร์แบงค์ (จิม แคร์รี)’ ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างปกติ มีภรรยา มีเพื่อนสนิท มีชุมชนชาวบ้าน โดยตัวเขาไม่รูเลยว่ามีผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกกำลังจับตาและเฝ้ามองพฤติกรรมเขาอยู่ จนอยู่มาวันหนึ่ง มีไฟตกลงมาจากฟ้าทำให้เขาเริ่มสงสัย และเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติต่าง ๆ รอบตัว ความผิดปกติเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ทรูแมน พบเจอหญิงสาวและตกหลุมรักเธอ หญิงสาวปริศนาได้บอกอะไรบางอย่างว่าชีวิตของ ทรูแมน นั้นไม่ปกติ ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะคุยเรื่องสำคัญ และหญิงสาวกำลังบอกความลับที่ตัวทรูแมนไม่รู้ หญิงสาวก็โดนจับตัวไป เธอได้ทิ้งข้อความให้ทรูแมนตามหาเธอ และเมื่อทรูแมนค้นพบว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ตัวละครสมมุติตัวหนึ่งที่ถูกสร้างมาแสดงเรียลลิตี้และใช้ชื่อรายการว่า ‘Truman Show’ แถมยังเป็นรายการที่คนตามดูมากที่สุดในโลก ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้เขาถูกผู้กำกับรายการ ‘คริสตอฟ (เอ็ด แฮร์ริส)’ จัดฉากตลอดเวลา แน่นอนว่าเมื่อรับรู้ความจริงเขาจึงพยายามหนีออกจากสตูดิโอแห่งนี้
The Truman Show เปรียบเสมือนการจำลองชีวิตผู้คนที่อาจจะโดนใครสักคนบงการอยู่ก็เป็นได้ เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น ในมุมหนึ่ง หนังให้เรามองเห็นภาพของผู้สร้าง (พระเจ้า) และลูกของท่าน (ทรูแมน) ที่ผู้สร้างสามารถรังสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตามใจชอบ และยังสามารถกำหนดชีวิตหรือวางแผนต่าง ๆ ไว้อย่างแยบยล ถ้ามองให้เล็กลงมาอีกนิดหนึ่ง หนังเรื่องนี้ได้สะท้อนวัฒนธรรมการเสพความบันเทิงของมนุษย์โลก และการพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนอื่นหรือเข้าไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นแบบที่ไม่เคยเห็นหน้ากันตัวเป็น ๆ สะท้อนการคลั่งไคล้ดาราสักคน ที่ไม่ว่าดาราคนนั้นจะเจอวิกฤตอะไรในชีวิต ก็จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวทำตัวเสมือนเป็นญาติมิตรชิดใกล้ของดาราคนนั้น คนดูต่าง ๆ ในเรื่องจึงที่สะท้อนออกมาให้ภาพที่ชัดเจนมาก ๆ ของการเสพติดอะไรบางอย่าง ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่าเมื่อเรื่องราวของชายที่ชื่อ 'ทรูแมน เบอร์แบงค์' จบลง พวกเราก็จะไปตามดูชีวิตคนอื่นกันต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้น
ดังนั้นแล้ว 'The Truman Show' จัดเป็นภาพยนตร์ที่มีไอเดียที่น่าสนใจและสามารถนำเสนอเรื่องราวให้น่าติดตามได้ไปพร้อม ๆ กัน เราที่เป็นคนดูจึงไม่ต่างอะไรกับตัวละครที่เป็นคนดูในเรื่องเลยแม้แต่น้อย น่าตลกที่หนังเองก็เลือกบอกกับคนดูอย่างตรงไปตรงมา ในสถานการณ์เดียวกัน เราจึงกลายร่างเป็นแฟนคลับทรูแมน และนั่งดู 'The Truman Show' รายการโชว์เรียลลิตี้ อย่างตามติดและเอาใจช่วยในตอนท้ายเรื่องได้อย่างง่ายดาย ท้ายสุด คุณค่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กลับมาจึงเป็นการพาให้เราตระหนักและเข้าใจว่าทุกเรื่องราวในชีวิตมันก็เหมือนละครนี้แหละ เพียงแต่ว่าเราจะควบคุมละครนี้เองหรือจะให้ผู้กำกับละครมาควบคุมชีวิตเราเท่านั้น ชีวิตนี้เราก็ควรที่จะเลือกเองไม่ใช่หรือ ว่าใครคือนางเอง และใครคือเพื่อนพระเอก จนไปถึงใครกันนะที่เป็นตัวร้าย...
ขอให้มีความสุขกับการับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หนังเก่าเล่าใหม่ 108: The Truman Show (Peter Weir, 1998) รีวิวโดย Form Corleone
"เรียลลิตี้โชว์ ชีวิตที่อยากเลือกเอง" The Truman Show เป็นภาพยนตร์ที่พาเราไปสังเกตและคอยดูชีวิตของชายคนหนึ่ง เสมือนกำลังนั่งดูเรียลลิตี้โชว์ และมีผู้สร้างสรรค์รายการเปรียบเสมือนพระเจ้า ‘ทรูแมน เบอร์แบงค์ (จิม แคร์รี)’ ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างปกติ มีภรรยา มีเพื่อนสนิท มีชุมชนชาวบ้าน โดยตัวเขาไม่รูเลยว่ามีผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกกำลังจับตาและเฝ้ามองพฤติกรรมเขาอยู่ จนอยู่มาวันหนึ่ง มีไฟตกลงมาจากฟ้าทำให้เขาเริ่มสงสัย และเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติต่าง ๆ รอบตัว ความผิดปกติเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ทรูแมน พบเจอหญิงสาวและตกหลุมรักเธอ หญิงสาวปริศนาได้บอกอะไรบางอย่างว่าชีวิตของ ทรูแมน นั้นไม่ปกติ ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะคุยเรื่องสำคัญ และหญิงสาวกำลังบอกความลับที่ตัวทรูแมนไม่รู้ หญิงสาวก็โดนจับตัวไป เธอได้ทิ้งข้อความให้ทรูแมนตามหาเธอ และเมื่อทรูแมนค้นพบว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ตัวละครสมมุติตัวหนึ่งที่ถูกสร้างมาแสดงเรียลลิตี้และใช้ชื่อรายการว่า ‘Truman Show’ แถมยังเป็นรายการที่คนตามดูมากที่สุดในโลก ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้เขาถูกผู้กำกับรายการ ‘คริสตอฟ (เอ็ด แฮร์ริส)’ จัดฉากตลอดเวลา แน่นอนว่าเมื่อรับรู้ความจริงเขาจึงพยายามหนีออกจากสตูดิโอแห่งนี้
The Truman Show เปรียบเสมือนการจำลองชีวิตผู้คนที่อาจจะโดนใครสักคนบงการอยู่ก็เป็นได้ เพียงแต่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น ในมุมหนึ่ง หนังให้เรามองเห็นภาพของผู้สร้าง (พระเจ้า) และลูกของท่าน (ทรูแมน) ที่ผู้สร้างสามารถรังสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตามใจชอบ และยังสามารถกำหนดชีวิตหรือวางแผนต่าง ๆ ไว้อย่างแยบยล ถ้ามองให้เล็กลงมาอีกนิดหนึ่ง หนังเรื่องนี้ได้สะท้อนวัฒนธรรมการเสพความบันเทิงของมนุษย์โลก และการพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนอื่นหรือเข้าไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นแบบที่ไม่เคยเห็นหน้ากันตัวเป็น ๆ สะท้อนการคลั่งไคล้ดาราสักคน ที่ไม่ว่าดาราคนนั้นจะเจอวิกฤตอะไรในชีวิต ก็จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวทำตัวเสมือนเป็นญาติมิตรชิดใกล้ของดาราคนนั้น คนดูต่าง ๆ ในเรื่องจึงที่สะท้อนออกมาให้ภาพที่ชัดเจนมาก ๆ ของการเสพติดอะไรบางอย่าง ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่าเมื่อเรื่องราวของชายที่ชื่อ 'ทรูแมน เบอร์แบงค์' จบลง พวกเราก็จะไปตามดูชีวิตคนอื่นกันต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้น
ดังนั้นแล้ว 'The Truman Show' จัดเป็นภาพยนตร์ที่มีไอเดียที่น่าสนใจและสามารถนำเสนอเรื่องราวให้น่าติดตามได้ไปพร้อม ๆ กัน เราที่เป็นคนดูจึงไม่ต่างอะไรกับตัวละครที่เป็นคนดูในเรื่องเลยแม้แต่น้อย น่าตลกที่หนังเองก็เลือกบอกกับคนดูอย่างตรงไปตรงมา ในสถานการณ์เดียวกัน เราจึงกลายร่างเป็นแฟนคลับทรูแมน และนั่งดู 'The Truman Show' รายการโชว์เรียลลิตี้ อย่างตามติดและเอาใจช่วยในตอนท้ายเรื่องได้อย่างง่ายดาย ท้ายสุด คุณค่าที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กลับมาจึงเป็นการพาให้เราตระหนักและเข้าใจว่าทุกเรื่องราวในชีวิตมันก็เหมือนละครนี้แหละ เพียงแต่ว่าเราจะควบคุมละครนี้เองหรือจะให้ผู้กำกับละครมาควบคุมชีวิตเราเท่านั้น ชีวิตนี้เราก็ควรที่จะเลือกเองไม่ใช่หรือ ว่าใครคือนางเอง และใครคือเพื่อนพระเอก จนไปถึงใครกันนะที่เป็นตัวร้าย...
ขอให้มีความสุขกับการับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/