...ต้องยอมรับความจริง เราถึงจะดับทุกข์ได้ครับ...พระท่านกล่าวไว้
ความแข็ง-ความเร็ว
เอาจริงๆเรียงหน้าชนฉบับนี้ ผมก็ไม่รู้จะเขียนถึงเรื่องอะไรดี
ครั้นจะเขียน (ต่อว่า) ถึงขุนพล นักเตะทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่เพิ่งจะปราชัยต่อทีมชาติเวียดนามอย่างย่อยยับในศึกชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือก กลุ่มเค เพื่อหวังจะให้เข้ากับสถานการณ์ข่าวร้อนๆในวงการกีฬา ก็กลัวว่าแฟนๆจะเบื่อกันเสียก่อน เพราะสื่อทุกสำนักต่างก็รัวข่าว และคอมเมนต์ต่างๆออกไปค่อนข้างจะเยอะแล้ว
บังเอิ้น...บังเอิญ เมื่อวันก่อน ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ปรมาจารย์โค้ช” ในยุคปัจจุบัน
ก็เลยอยากจะถ่ายทอดคำพูด ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ และน่าเชื่อถือมากที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้
คำพูดแรกที่ “โค้ชเฮง” พูดกับผมคือ “เกมรับ”
เราด้อยตั้งแต่ตั้งต้น นั่นก็หมายถึงความอ่อนด้อยตั้งแต่เกมรับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมไทยเป็นรองในทุกสถานการณ์
คุณสมบัติของนักเตะ เวลาเล่นเกมรับต้องมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ อันประกอบด้วยความเร็ว+ความแข็งแกร่ง
แต่ปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะทีมชาติไทยชุดใดก็ตาม ผู้เล่นในแนวรับของเรายังไม่มีในทั้ง 2 สิ่งนี้
หากไม่มีทั้ง 2 สิ่งนี้ เราจะไม่สามารถเล่นเกมโต้กลับได้เลย
“โค้ชเฮง” ยกตัวอย่างว่า ในเกมที่เราแพ้เวียดนาม 0-4 จริงๆเราแพ้ตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว เพราะว่าเราสู้ความปราดเปรียวและความแข็งแกร่งของนักเตะเหงียนไม่ได้ตั้งแต่ช่วงต้นๆของเกม
เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพกัน “เราสู้ไม่ได้เลย” ไม่ใช่เฉพาะในตำแหน่งกองหลังนะ แต่สู้ไม่ได้ทุกตำแหน่ง
ยิ่ง “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ในตำแหน่งจอมทัพตัวปั้นเกม ก็อ่อนปวกเปียกเกินไป จังหวะที่ควรจะเล่นโต้กลับได้ดี แต่พอโดนคู่ต่อสู้เข้ามาเบียด ก็เสียการครองบอลง่ายเงินไป
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกเปลี่ยนตัวออก
เอาล่ะ...ผมรู้แล้วว่าในสายตา “โค้ชเฮง” ตอนนี้นั้น เขามองว่านักเตะทีมชาติไทยยังไม่ฟิตมากพอที่จะต่อกรกับทีมที่แข็งแกร่งกว่าได้
ผมก็เลยถามถึงเรื่องความสามารถของ “โค้ช”
แล้ว “โค้ชล่ะ” เขาวางแท็กติกได้เหมาะสมแล้วหรือไม่?
“พี่เฮง” ก็ตอบตามสไตล์คนตรงๆว่า ก็สั่งไปแล้วนักเตะมันเล่นไม่ได้ วิ่งกันสะเปะสะปะ ไม่มีแบบแผน แล้วจะให้ไปโทษใคร
มาถึงตรงนี้ ผมเลยต่อยอดคำถามเดิมว่า
เป็นเพราะเรามีเวลารวมตัวฝึกซ้อมกันน้อยเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้เราเล่นกันแบบไม่มีระบบทีมเวิร์ก สักเท่าไหร่ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของอเล็กซานเดร กามา กุนซือของทีมชาติไทยชุดยู 23 ที่บอกเป็นนัยๆว่า เรามีเวลาเตรียมตัวน้อย
“โค้ชเฮง” ตอบว่า ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่มีโค้ชทีมชาติคนไหนมีเวลาเตรียมทีมเยอะหรอก
เงื่อนไขของระยะเวลาในการเตรียมทีมโลกฟุตบอลสากลเขากำหนดไว้เท่าเทียมกันหมดแล้วโดย “ฟีฟ่า”
ถ้าโค้ชคนไหนมาบอกผมว่าเวลาเตรียมทีมไม่พอ
“ผมจะไล่เขาออก”
พาวเวอร์บอมบ์
https://www.thairath.co.th/content/1532981
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน...โค๊ชเฮงอัดเละ ยู 23 ไทยแพ้เวียดนามทุกด้านเพราะอ่อนปวกเปียก
ความแข็ง-ความเร็ว
เอาจริงๆเรียงหน้าชนฉบับนี้ ผมก็ไม่รู้จะเขียนถึงเรื่องอะไรดี
ครั้นจะเขียน (ต่อว่า) ถึงขุนพล นักเตะทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่เพิ่งจะปราชัยต่อทีมชาติเวียดนามอย่างย่อยยับในศึกชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือก กลุ่มเค เพื่อหวังจะให้เข้ากับสถานการณ์ข่าวร้อนๆในวงการกีฬา ก็กลัวว่าแฟนๆจะเบื่อกันเสียก่อน เพราะสื่อทุกสำนักต่างก็รัวข่าว และคอมเมนต์ต่างๆออกไปค่อนข้างจะเยอะแล้ว
บังเอิ้น...บังเอิญ เมื่อวันก่อน ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ปรมาจารย์โค้ช” ในยุคปัจจุบัน
ก็เลยอยากจะถ่ายทอดคำพูด ซึ่งอาจถือได้ว่า เป็นคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ และน่าเชื่อถือมากที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้
คำพูดแรกที่ “โค้ชเฮง” พูดกับผมคือ “เกมรับ”
เราด้อยตั้งแต่ตั้งต้น นั่นก็หมายถึงความอ่อนด้อยตั้งแต่เกมรับ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมไทยเป็นรองในทุกสถานการณ์
คุณสมบัติของนักเตะ เวลาเล่นเกมรับต้องมีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ อันประกอบด้วยความเร็ว+ความแข็งแกร่ง
แต่ปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะทีมชาติไทยชุดใดก็ตาม ผู้เล่นในแนวรับของเรายังไม่มีในทั้ง 2 สิ่งนี้
หากไม่มีทั้ง 2 สิ่งนี้ เราจะไม่สามารถเล่นเกมโต้กลับได้เลย
“โค้ชเฮง” ยกตัวอย่างว่า ในเกมที่เราแพ้เวียดนาม 0-4 จริงๆเราแพ้ตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว เพราะว่าเราสู้ความปราดเปรียวและความแข็งแกร่งของนักเตะเหงียนไม่ได้ตั้งแต่ช่วงต้นๆของเกม
เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพกัน “เราสู้ไม่ได้เลย” ไม่ใช่เฉพาะในตำแหน่งกองหลังนะ แต่สู้ไม่ได้ทุกตำแหน่ง
ยิ่ง “เจ้ายิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ในตำแหน่งจอมทัพตัวปั้นเกม ก็อ่อนปวกเปียกเกินไป จังหวะที่ควรจะเล่นโต้กลับได้ดี แต่พอโดนคู่ต่อสู้เข้ามาเบียด ก็เสียการครองบอลง่ายเงินไป
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกเปลี่ยนตัวออก
เอาล่ะ...ผมรู้แล้วว่าในสายตา “โค้ชเฮง” ตอนนี้นั้น เขามองว่านักเตะทีมชาติไทยยังไม่ฟิตมากพอที่จะต่อกรกับทีมที่แข็งแกร่งกว่าได้
ผมก็เลยถามถึงเรื่องความสามารถของ “โค้ช”
แล้ว “โค้ชล่ะ” เขาวางแท็กติกได้เหมาะสมแล้วหรือไม่?
“พี่เฮง” ก็ตอบตามสไตล์คนตรงๆว่า ก็สั่งไปแล้วนักเตะมันเล่นไม่ได้ วิ่งกันสะเปะสะปะ ไม่มีแบบแผน แล้วจะให้ไปโทษใคร
มาถึงตรงนี้ ผมเลยต่อยอดคำถามเดิมว่า
เป็นเพราะเรามีเวลารวมตัวฝึกซ้อมกันน้อยเกินไปหรือเปล่า จึงทำให้เราเล่นกันแบบไม่มีระบบทีมเวิร์ก สักเท่าไหร่ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของอเล็กซานเดร กามา กุนซือของทีมชาติไทยชุดยู 23 ที่บอกเป็นนัยๆว่า เรามีเวลาเตรียมตัวน้อย
“โค้ชเฮง” ตอบว่า ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่มีโค้ชทีมชาติคนไหนมีเวลาเตรียมทีมเยอะหรอก
เงื่อนไขของระยะเวลาในการเตรียมทีมโลกฟุตบอลสากลเขากำหนดไว้เท่าเทียมกันหมดแล้วโดย “ฟีฟ่า”
ถ้าโค้ชคนไหนมาบอกผมว่าเวลาเตรียมทีมไม่พอ
“ผมจะไล่เขาออก”
พาวเวอร์บอมบ์
https://www.thairath.co.th/content/1532981