Shazam!

ขอให้ลืมหนังซุเปอร์ฮีโร่เรื่องใดๆก็ตามที่เคยรู้จักไปก่อน แล้วเตรียมใจรับซุเปอร์ฮีโร่คนใหม่ที่แตกต่างและแปลกกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาเพราะนี่คือซุเปอร์ฮีโร่วัย 14 ปีที่สามารถกลายร่างเป็นผู้ใหญ่หุ่นล่ำมาพร้อมพลังพิเศษได้ในทันที ด้วยการพูดคำว่า ชาแซม

ด้วยเนื้อเรื่องแนวปราบเหล่าร้ายช่วยเหลือคนดีที่ไม่ว่าหนังซุเปอร์ฮีโร่เรื่องไหนก็ทำออกมาคล้ายกันซะจนต้องพยายามหาจุดขายที่แตกต่างและเล่าเรื่องที่ฉีกออกไป จนหนังซุเปอร์ฮีโร่ในยุคนี้มีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดมากขึ้นด้วยการพยายามเล่าเรื่องราวที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น เพิ่มความเข้มข้น เนื้อหาจริงจัง และบางเรื่องก็พาคนดูไปถึงขั้นแยกฝ่ายขาวกับฝ่ายดำไม่ออก แต่หนังซุเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้กลับเลือกที่จะเล่าให้ออกมาดูง่าย จนต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องแอบน่าเบื่อเพราะไม่มีอะไรใหม่เลยเมื่อเทียบกับหนังในแนวเดียวกันที่เคยผ่านตามา

เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่านี่เป็นหนังซุเปอร์ฮีโร่ดาดดื่นที่ไม่แม้แต่จะพยายามทำให้เรื่องราวมีความสนุกขึ้นได้ด้วยการทำให้เนื้อเรื่องมีความซับซ้อน น่าติดตาม เข้มข้นจนหยดสุดท้าย เพราะหนังเลือกชูจุดขายที่ความสนุกจากมุมมองการเป็นหนังเด็กที่เต็มไปด้วยตัวละครเด็ก ความคิดความอ่านแบบเด็ก มุกตลกที่อิงกับความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆ และเติมเต็มด้วยอารมณ์หนังครอบครัวที่ทำให้คนดูอิ่มเอมไปกับความรักความเข้าใจระหว่างพ่อแม่ลูก

ในส่วนของมุกตลกบ้าบอแบบเด็กๆนี่ต้องยอมให้คะแนนเกือบเต็มเพราะถึงจะบอกว่าเป็นมุกตลกแบบเด็กๆแต่เอาเข้าจริงผู้ใหญ่ต่างหากที่จะเข้าใจมุกเหล่านี้ทั้งหมดเพราะมันเป็นสิ่งที่เราต่างก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เคยเป็นเด็กมาก่อนจึงรู้ซึ้งและเข้าใจเป็นอย่างดี รวมถึงประเด็นการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนก็ถูกหยิบยกมาเล่าในหนังผ่านตัวละครที่ถูกตัดสินจากคนรอบข้างว่าไม่ปกติเหมือนคนอื่นซึ่งก็คล้ายกันกับแนวหนังเด็กทั่วไปเพียงแต่ทำให้ออกมาให้ดูตลกกลบเกลื่อนประเด็นที่แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องตลกอย่างที่คิด

สิ่งที่คาดไม่ถึงว่าจะได้รับจากหนังซุเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้เลยก็คือ อารมณ์หนังตลกครอบครัวที่เข้าถึงง่าย อบอุ่น และกินใจ ในหนังพูดถึงครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกซึ่งต่างก็มีบาดแผลในจิตใจเช่นเดียวกัน มันไม่ง่ายเลยที่จะสร้างความอบอุ่นให้กับครอบครัวนี้ได้ แต่มันก็เป็นไปได้แค่เพียงทุกคนต่างก็เปิดใจเข้าหากัน

คนในครอบครัวที่แท้จริงก็คือคนที่ไม่มีวันทิ้งกัน

ขบเคี้ยวหนัง