Pulau Ubin Island @Singapore :: ขึ้นเขาลงห้วย (ทะเล) ครบจบในที่เดียว

[CR] Pulau Ubin Island @Singapore :: ขึ้นเขาลงห้วย (ทะเล) ครบจบในที่เดียว

กระทู้รีวิว

เที่ยวต่างประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ ประเทศสิงคโปร์ One Day Trip

สวัสดีค่าาาา ห่างหายไปกับการตั้งกระทู้นานมาก ๆ เลย ><" จริง ๆ ตั้งใจมาตั้งกระทู้เล่าเรื่องที่เกาะ Pulau Ubin ตั้งนานแล้วนะ แต่ก็ยุ่ง ๆ จนลืมมมมมมไปเลยค่ะ .. ก็ไม่ได้ลืมไปนานเท่าไหร่นะ แค่เกือบ ๆ ปีเอ๊งงงงง 5555

เอาน่ะ เคโกะว่าก็น่าจะอัพเดทสุดละนะ เท่าที่เสิร์ชหาด้วยกูเกิ้ลเจอ ^^"

ก็จะไม่เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นหรอกนะคะว่าบินมาจากกรุงเทพยังไง ถึงกี่โมง ไปไหนต่อ เพราะเคโกะตั้งใจมาเล่าเรื่องบนเกาะ Pulau Ubin นี้ล้วน ๆ ที่เดียวเลยค่ะ ไปเที่ยวด้วยกันนะค้าาา

การเดินทาง จะค่อนข้างไกลและต่อรถหลายต่อหน่อยนะคะ เคโกะว่าเหมาะกับคนที่อยากไปดูอะไรที่มันธรรมชาติ ๆ แล้วก็สมบุกสมบันหน่อย ๆ ค่ะ และที่สำคัญ ต้องว่างงงงงงงงงงงด้วยนะคะ เพราะถือเป็นเดย์ทริปได้เลยอะค่ะ ไป-กลับทีก็หายไปเป็นค่อนวันแล้วล่ะค่ะ ><”

เริ่มต้นจากการนั่งรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานี Pasir Ris (สุดสายสีเขียว ทางเดียวกับสนามบินนะคะ) แล้วต่อรถเมล์สาย 109 หรือ 89 ไปลงที่ป้ายสุดท้ายที่เป็นท่ารถเลยค่ะ จะมาจอดส่งตรงที่ Changi Village Hawk Center เป็นศูนย์อาหาร หรือฟู้ดคอร์ทค่ะ ก็พักหาข้าวทาน หรือช้อปปิ้งซื้อเสบียงของใช้อะไรบริเวณนี้ตุนไว้ข้ามเกาะไปก็ได้ค่ะ เพราะบนเกาะก็จะไม่ได้มีอะไรให้ช้อปปิ้งกันแล้วค่ะ เท่าที่เห็นและจำได้ น่าจะมีร้านค้าเล็ก ๆ แนวชุมชน แบบคนในพื้นที่เปิดร้านเล็ก ๆ ขายอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ไรงี้อะค่ะ ซึ่งมีแบบนับร้านได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีเสบียงอยู่กับตัวเลย แล้วกลัวหิวระหว่างทาง ก็แนะนำว่าซื้อจากบริเวณนี้ไปก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ

จากนั้นก็เดินไปที่ท่าเรือ เพื่อลงเรือ ข้ามไปที่เกาะค่ะ ค่าข้ามเรือ 3$SGD ค่ะ จะมีคนเรือมาเก็บเงินตอนอยู่บนเรือ ซึ่งเรือลำไม่ใหญ่ และจำกัดคนลงเรือด้วยค่ะ ประมาณ 10 คนได้เท่านั้นเอง

เดินไปบริเวณที่รอขึ้นเรือ จะมีป้ายบอกอยู่อย่างนี้นะคะ แล้วก็มาเห็นป้ายทีหลังด้วยว่าบริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป >< เง้อออ

เอาล่ะ รอเรือไม่นานนักก็ได้เวลาลงเรือค่ะ บ๊ายบายเกาะใหญ่ชั่วคราว เดี๋ยวบ่ายแก่ ๆ กลับมาค่ะ

นั่งเรือไปครู่เดียว ประมาณ 10 นาทีกว่า ๆ ได้ ก็มาถึงเกาะ Pulau Ubin แล้วค่ะ

มาถึงอย่างงง ๆ คิดอะไรไม่ค่อยออกก็เดินไปดูแผนที่ก่อนค่ะ

จากแผนที่ จุดท่องเที่ยวใหญ่ ๆ ที่นิยมไปกัน จะมีอยู่ 2 จุดค่ะ เริ่มจากทางซ้ายคือ Puaka Hill จะเป็นเขาให้ไปปีนเล่น ดูวิวจากบนเขาที่สวยมาก ๆ และธรรมชาติยังสวยงามอยู่ค่ะ กับทางขวามือก็คือ Chek Jawa Wetlands ตรงนี้ก็จะเป็นวิวทะเล .. หูยยยย ดีงามเนอะ ได้ทั้งปีนเขาและลงทะเลในเกาะเดียวกันค่ะ

ส่วนตัวเคโกะเองก็จะเริ่มจากทางด้านซ้ายก่อน คือจะไปปีนเขาก่อน แล้วค่อยวนกลับมาทางขวามือ มาดูวิวทะเล และค่อยกลับเข้าฝั่งค่ะ

** สิ่งจำเป็นในการมาเที่ยวบนเกาะนี้ก็คือ ทักษะการขี่จักรยานที่ดีใช้ได้ค่ะ **

ถ้าไม่มีทักษะการขี่จักรยานแล้ว ก็ควรจะเดินได้อย่างอึดและถึก เพราะระยะทางไกลมากจริง ๆ ซึ่งเคโกะเห็นแต่ฝรั่งเดินนะ ไม่เห็นคนเอเชียเดินเลยค่ะ แล้วเค้าเดินจากไหนไปไหนกัน เคโกะก็ไม่รู้นะ ^^"

เอาเป็นว่าควรขี่จักรยานเป็นและขี่ได้ดีพอสมควรค่ะ

ส่วนร้านเช่าจักรยานนั้น อยู่บริเวณท่าเรือเลยค่ะ เดินไปทางซ้ายนิดเดียว ก็จะเจอกับร้านเช่าจักรยานเรียงรายเป็นทางยาวเลย ซึ่งราคาและชนิดของจักรยานนั้นก็จะมีหลากหลายกันไป

ส่วนตัวเคโกะเอง บอกก่อนว่า ขี่จักรยานเป็น แต่ไม่แข็งนัก ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นค่ะ ใช้จักรยานดี ๆ แบบมีเกียร์ มีสปีดไรงี้ น่าจะไปไม่รอด ก็เลยบอกร้านเอาเป็นจักรยานธรรมดา ๆ พอ ก็เลยได้คันนี้มาในราคา 10$SGD ซึ่งเช่าได้ทั้งวันค่ะ ตกลงราคาเสร็จสรรพแล้วก็ลงชื่อในสมุดของร้านและเบอร์โทร จ่ายเงินเสร็จ ก็ขี่ออกไปได้เลยค่ะ

แล้วก็ขี่จักรยานไปทางซ้ายของเกาะ อย่างที่เคโกะบอกไว้ค่ะ ไปปีนเขาก่อน

ระหว่างทางไปเขา ก็เจอบึงนึงเข้า น้ำนิ่งดี มีเรือเป็นพร็อพด้วย ซึ่งจะอยู่บริเวณจุดพักรถค่ะ มีร้านกาแฟแนวเพิง ๆ อยู่ด้วย ก็เลยจอดรถแวะถ่ายรูปแป๊บนึง

คือ มันแบบธรรมชาติ ๆ มาก ๆ เลยค่ะ ไม่มีตึก ๆ อะไรให้รู้สึกอึดอัดเลยอะ เป็นแนวที่มนุษย์เมืองอย่างเคโกะโหยหาพอควรเลยค่ะ (555 เวอร์มั้ยอ่าาาา ><" )

พักหายใจหายคอ แล้วก็ไปต่อค่ะ

ระหว่างทางนั้นก็จะเป็นทางขึ้นเนิน-ลงเนินบ้าง มีหลังเต่าชะลอความเร็วบ้างเป็นระยะ ๆ ค่ะ และทางก็เป็นทางถนนเลยแหละ คือขี่จักรยานง่าย สบายมากค่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างทางเคโกะก็เห็นรถล้มอยู่บ้างนะคะ ก็ขี่จักรยานกันระวัง ๆ ด้วยนะคะ ^^”

สิ่งนึงที่ดีมากสำหรับแหล่งท่องเที่ยวของสิงคโปร์ก็คือ มีป้ายบอกทางตลอดทางค่ะ ไม่ควรหลงด้วยประการทั้งปวง ^^

ในที่สุด เคโกะก็มาถึงนะคะ ใช้เวลาพอควรเลยกว่าจะมาถึงได้ค่ะ

ตรงนี้ จะเป็นศาลาพร้อมที่จอดจักรยานค่ะ เพราะทางเดินที่จะเดินขึ้นไปบนเขานั้น เค้าห้ามเอาจักรยานเข้าไปนะคะ

ก็จะมีป้ายบอกอยู่ด้วยแหละ แต่เคโกะก็เห็นมีคนฝ่าฝืนขี่จักรยานเข้าไปอยู่นะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ไปได้ไม่ไกล ก็ต้องจอดจักรยานไว้ค่ะ เพราะทางเดินขึ้นเขา เป็นทางเดินจริง ๆ อะ จักรยานไปไม่ได้จริง ๆ ค่ะ

ทางเดินช่วงนี้ก็จะเป็นแนวดิน ๆ เลยค่ะ ไม่ใช่ทางซีเมนต์หรือลาดยางแบบถนนที่ขี่จักรยานแล้วค่ะ

เขาที่นี่เดินง่ายค่ะ เป็นทางที่ทำไว้ให้เดินเท่านั้น แล้วก็เป็นทางชัดเจนดีว่าเป็นทางเดินนะ พอเดินขึ้นมาจนถึงด้านบนสุด ก็จะเจอกับประตูกรงแบบนี้ พร้อมป้ายห้ามปีนค่ะ

มาถึงตรงนี้ เคโกะก็เอ๋อเลย อ้าว ห้ามปีน แล้วรูปที่เคโกะเห็นคนอื่นถ่ายมา เค้าถ่ายในบริเวณที่อยู่หลังรั้วอะ แถมคนที่มาถึงก่อนหน้า เค้าก็ยืนถ่ายรูปกันบนหน้าผา หลังรั้วนั่นแหละค่ะ กันอย่างเพลิดเพลินเลย

ก่อนที่จะงงไปมากกว่านั้น เคโกะก็เห็นคนอีกกลุ่มนึงก็เดินไปถ่ายรูปเหมือนกัน แล้วก็เลยถึงบางอ้อว่ามันมีช่องเล็ก ๆ ขนาดคนเดินผ่านได้พอดีตัวแอบอยู่ด้านข้างค่ะ แล้วก็จะออกไปถ่ายรูปหลังรั้วได้นั่นเอง … อย่างนี้ก็ได้ด้วย -..-"

เอาล่ะ คนโล่งแล้ว ตาเคโกะเดินออกไปถ่ายรูปบ้างค่ะ ก็ดูรูปกันไปรัว ๆ เลยนะคะ ^^"

จากนั้นก็เดินลงเขามา แล้วก็มาหยุดพักที่ศาลาที่จอดจักรยานไว้แป๊บนึง ก่อนที่จะขี่จักรยานไปต่อค่ะ โดยเคโกะจะปั่นจักรยานข้ามเกาะ จากซีกซ้ายของเกาะไปยังซีกขวาของเกาะ ตามที่เคโกะบอกไว้แต่แรกนะคะ

ระหว่างทาง ด้วยความที่ก็ขี่จักรยานไม่แข็งนัก อย่างที่บอกไปแต่ต้น ก็เกิดอุบัติเหตุจนได้ค่ะ T.T

กลิ้งถลาลงเนินด้วยความเร็วสูงลงมาเลยอะ ได้แผลมาเต็มตัวและเด่นชัดมาก ชนิดที่ใครผ่านไปผ่านมาก็ร้องถามกันถ้วนหน้าว่าเป็นไงบ้าง โอเคมั้ย .. เขินก็เขิน อายก็อายนะ แต่ก็อดซาบซึ้งน้ำใจคนที่นี่ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ

แต่ถามว่ายกเลิกแผนเที่ยวมั้ย .. ก็ไม่ค่ะ ก็ยังฝืนไปต่อ (555) ลากสังขารที่มีแผลเต็มตัวมาจนถึง Chek Jawa Wetlands จนได้ค่ะ

ตรงนี้ก็เช่นกัน จะเป็นลานจอดจักรยาน แต่จะเป็นลานจอดรถจักรยานที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะ ก็ต้องจอดจักรยานไว้แถวนี้ แล้วก็เดินเท้าเข้าไปต่อเองค่ะ มีป้ายห้ามจักรยานอยู่เช่นเดิม