เมื่อลูกติดวงไอดอล แล้วเสียเงินกับของสะสม กับวิธีแก้ปัญหาของผม

กระทู้สนทนา
เรื่องของเรื่อง เริ่มเลย ช่วงวง BNK48 ออกเพลง คุ้กกี้เสี่ยงทาย ตอนนั้นลูกชาย อายุ 15 ของผมเริ่มตามวง

แน่นอนว่า  เขาอยากได้ของสะสมเช่น รูป เราในตอนนั้นยังไม่รู้จัก ก็บอกไปว่าแพงไร้สาระ และบอกเขาว่าอย่าไปซื้อ

และแน่นอนว่า เราห้ามเขาไม่ได้ เขาใช้วิธีสั่งของไปลงบ้านเพื่อน  (เขาใช้เงินเก็บเขาเอง)

พอผมรู้ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขานะ แต่ผมลงไปศึกษาว่า วงนี้มีดีอะไร

จากนั้นก็ศึกษาเมมเบอร์แต่ละคน เพลง ลักษณะการทำตลาด จนแฟนผมแซวว่า จะไปเป็นโอตะใช่ไหม 555

จากนั้นก็เข้าสู่โหมดแก้ปัญหา

1.เข้าไปเป็นเพื่อนเขา

                การเข้าไปเป็นเพื่อน คือคุยกับเขาให้รู้เรื่อง ศัพท์ที่โอตะและวัยรุ่นใช้ แม่แต่ศัพท์ในห้องครัว เช่น เกลือ กับ ขิง

และสามารถคุยกับเขาเรื่องวงไอดอลนี้ได้แบบไม่ติดขัด และอนญาตให้ซื้อของได้ด้วยเงินเขาเอง แต่ให้บอกราคาก่อนซื้อ

2.สอนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น

หลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น Demand Supply ยังใช้ได้เสมอ ราคาที่ผมให้เขาบอก ผมบอกเขาว่า ไม่ได้ห้ามซื้อ

แต่ผมจะช่วยสอนเขาวิเคราะห์ตลาดสินค้า ว่ามันแพงไป หรือ ok แล้ว

โดยเขาจะวิเคราะห์เองจากกลุ่ม พูดคุยและซื้อขายต่างๆ และผ่านไปไม่นานเขาก็ทำได้ดีทีเดียวกับการซื้อและขายของสะสม

แบบมีกำไร เพราะเขาเปลี่ยนคนชอบ ตอนแรกชอบโมบาย ซื้อมาซะเยอะเลย ต้อมามาชอบ อร

เลยขายโมบายออก ไปซื้ออร และ ของโมบายก็ไม่ขาดทุน

3.สอนให้เริ่มเป็นพ่อค้า

                หลังจากซื้อขายไปซักพัก แน่นอนว่าที่ผ่านมา เป็นการซื้อต่อ แล้วเอามาขาย กำไรเลยไม่ได้เน้นๆ

เลยต้องซื้อของ official โดยเริ่มที่ชุด melody ซึ่งค่อนข้างโชคดี ที่ได้เมมเบอร์ที่มีความนิยม เขาเลยขายได้กำไรไปเยอะเลย (ขายทุกคนที่ไม่ใช่อร)

4.เข้าไปช่วย support

                ในชุด Festival มีการ pre-order ซึ่งวันนั้นตรงกับวันเรียนของเขา ผมเลยมั่นใจว่าเขาพรีไม่ได้แน่ๆ

ผมเลยแอบพรีให้มาจำนวนหนึ่ง ประมาณ 36 แผ่น แล้วแอบเซอร์ไพรส์ ที่หลัง ซึ่งผมยินดีขายต่อเขาในราคาทุน+กำไรนิดนึง

(การเอากำไรจากลูกไม่ได้อยากได้เงิน แต่ต้องการสอนเขาว่า ถ้าคนอื่นทำอะไรให้เรา มันต้องมีต้นทุนเสมอ)

ตอนแรกเขาว่าจะไม่เอาทั้งหมด ผมบอกเขาว่า แค่พ่อไม่แกะ แปะป้าย 400 ขายยังไงก็ออก

เขาคิดซักพัก แล้วเขาเหมาผมไปหมดเลย ด้วยเงินเก็บของเขา 

แต่ตอนนี้เห็นว่าของราคาลง อาจได้กำไรไม่มาก (แต่โค้ดเลือกตั้งขายออกได้หมดเลย)

5.หาตลาดใหม่ด้วยกัน

                แน่นอนว่า ช่วงหลังๆ แม้วง bnk48 ยังคงได้รับความนิยม แต่ด้วยของที่ผลิตมาเป็นจำนวนมาก

ทำให้ในช่วงที่ผลิตหลังๆ ราคาไม่ไปไหนเลย รวมถึงการโดนหักหลัง จากน้ำหอม และ J8 

ที่ภายหลังเอามาเลหลังขายอย่างไม่สนใจหัวอกคนพรี จนเขารู้สึกตลาดมันไม่เหมือนเดิม

ผมจึงบอกเขาไปว่า Supply มันล้นตลาดไง Demand เท่าเดิม ราคามันต้องลง

ต่อมาลูกชายมาบอกว่า มีวงเชียงใหม่เพิ่งออกเพลงแรก  SY51 ตามไหมพ่อ

ผมเข้าไปฟังเพลงแรก ก็บอกว่าสนุกดี แล้วไปดูยอด follow ของเมมเบอร์แค่หลักพัน

ผมเลยบอกว่าน่าสนใจมาก

6.ลองเข้าสู่รุ่นบุกเบิก

                แน่นอนว่า คนที่เป็นรุ่นบุกเบิกของ bnk48 ย่อมมีของราคาแพงในมือ เพราะช่วงแรกผลิตมาน้อยมาก

ในหลักการเดียวกันตอนนี้ลูกชายผม ขายของ bnk48 ออกมาทั้งหมด เพื่อเป้นเงินทุน

แล้วไปทุ่มกับวงใหม่ ตอนนี้ผมคงตอบไมได้ว่าวง SY51 จะไปไกลแค่ไหน

แต่ของที่เขาซื้อจากช่วงแรกๆ ที่ยังดังไม่มาก

ตอนแรกรูปถ่ายเมมเบอร์ตัวทอปของเขาใบละ 50-80 บาท เอง ที่เขาซื้อ ตอนนี้เริ่มไปถึง 100-150 บาทละ

สอนเขาไปว่า หากรู้จำนวนที่ขาย คูณ 5 หารเมม ก็ได้คอมพ์ ว่ามีกี่คอมพ์ Supply จะคงที่ตรงนี้ตลอด แต่ Demand จะเพิ่มแค่ไหน ไม่มีใครรู้ ลูกต้องคาดการณ์เอาเอง

เขาจึ่งเริ่มเก็บ คอมพ์ debut  ของเมมเบอร์ที่มีคน follow มากๆ ไว้เยอะเลย โดยใช้เงินที่ได้กำไรจากการขายของ BNK48

และผมก็สอนเขาไปว่า Demand และ Supply ดูทิศทางมันไว้ ใช้ได้กับทุกสินค้าในโลกใบนี้ ตอนนี้เขาก็มีความสุขจากการเป็นโอตะ

และมีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ เพิ่มอีกเยอะเลย

ผ่านไปประมาณ 1 ปี ตอนนี้ เขาขายของได้กำไรประมาณ 10,000 บาท (ยังไม่รวมรูปของวงใหม่ที่อยู่ในมืออีกจำนวนหนึ่ง) อาจเป็นเงินที่ไม่มากสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กอายุ 15 มันมหาศาลเลยครับ และเป็นเงินที่เขาหามาด้วยตัวเองครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  BNK48 การสอนลูก
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่