นี่ก็จะวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดแล้ว เลยอยากจะมาสรุปความน่าดูของหนังแต่ละเรื่องที่ยืนโรงอยู่ตอนนี้ครับ ไว้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกดูหนังใน ส-อ นี้

หนังที่ยืนโรงตอนนี้ เอาที่เด่นๆเลยก็มี

-แสงกระสือ
-Captain marvel
-DUMBO
-สิ้น3ต่อน
-The kid who would be king
-US 

จะไล่อันดับความน่าดูแต่ละเรื่องไป และก็คะแนน
หนังไทยมันจะมี2คะแนนนะครับ เกณฑ์หนังไทย กับ เกณฑ์หนังสากล

1.แสงกระสือ
หนังมันสร้างจากความเชื่อต่อปีศาจตัวนึงที่เรียกว่ากระสือ แต่สามารถนำพาคนดูไปเจออะไรที่มากกว่าหนังปีศาจธรรมดา มันมีทั้งความโรแมนติคเกี่ยวกับรักของวัยรุ่น มีอารมณ์ความอ่อนโยน แสดงให้เห็นว่าปีศาจมันไม่ได้ต้องน่ากลัวต้องไล่ฆ่าคนอย่างเดียวแต่มันก็มีหัวใจนะ ในด้านอารมณ์คือหนังทำได้ดีมากๆเลยทีเดียว แม้ว่าในด้านความโรแมนติคอาจจะไม่ได้ดีสักเท่าไหร่เพราะแกนหลักของหนังมันคือเรื่องความรักอะไรทำนองนี้ควรจะทำให้ดีกว่านี้สักหน่อยในเรื่องนี้ แต่ในด้านอื่นๆถือว่าสอบผ่าน มันแสดงให้เห็นว่า หนังเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อไทยๆมันดีได้ ถ้าคุณมือถึงพอจริงๆ แสงกระสือมันเป็นหนังตัวอย่างที่ว่า เอาของเก่า มาปัดฝุ่นและทำให้มันดีกว่าเดิมให้เข้ากับยุคสมัย และปรับแต่งให้มันมีความแตกต่างหรือหลุดออกจากรอบเดิมๆว่า หนังเรื่องปีศาจอะไรพวกนี้มันต้องเป็นอย่างงี้ๆนะ ในด้านโปรดักชั่นเทียบเท่าระดับหนังต่างชาติดีๆเรื่องนึงได้เลย โปรดักชั่นดีมาก ทั้งภาพ และงานCG รวมไปถึงดนตรีประกอบที่บิ้วอารมณ์เราได้ดีมากๆ เลยทีเดียว เรื่องนี้ผมว่าควรสนับสนุนเพราะผมเชื่อว่ามันต้องเป็นหนังที่ในอนาคตเด็กภาพยนตร์จะต้องเอาไปศึกษากัน และเป็นการสนับสนุนแนวทางใหม่ของหนังให้หลุดพ้นจากloopเดิมๆของหนังไทยด้วย

คะแนน 8/10 (เกณฑ์คะแนนหนังไทย)     ///////     6/10(เกณฑ์หนังสากล)

ควรไปดูขนาดไหน
ผมว่าเราควรสนับสนุนหนังแบบนี้ครับ เป็นหนังไทยที่ดีในเกณฑ์หนังไทยมาก ถึงมันอาจจะไม่เพอเฟคหากเทียบกับสากล แต่ผมเชื่อว่าหากเราสนับสนุนอะไรแบบนี้ วงการหนังไทยพุ่งปรี้ดไปสู่อนาคตที่สดใสแน่นอน และยิ่งใครเรียนสาขาภาพยนตร์อยู่ ควรมาดูครับ การจัดแสง การทำสี งานภาพโปรดักชั่น บท มันดีมาก มีอะไรให้ศึกษาเต็มไปหมด แนะนำให้เตรียมสมุดมาจดเพื่อกลับไปศึกษาต่อสำหรับน้องๆนักศึกษาสาขาภาพยนตร์ ผมทำงานในวงการหนัง โฆษณาอะไรพวกนี้หละ ดูหนังเรื่องนี้แล้วมีอินสไปร์มาก การตีความแบบใหม่ของหนังมันดีมากจริงๆ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

2.Captain marvel
จริงๆเรื่องนี้มันก็เป็นหนังต้นกำเนิดซุปเปอร์ฮีโร่ธรรมดาๆทั่วไป อาจจะไม่มีอะไรน่าจดจำสักเท่าไหร่ เทียบง่ายๆกับหนังMarvelในค่ายเดียวกันเลย เราดูinfinity war ฉากสงครามที่วากานด้ามีใครมั่งมั้ยที่จำฉากนั้นไม่ได้? เราดูCaptain america 2 ฉากที่สู้บนลิฟท์ มีใครไม่ประทับใจมั่ง เนี่ยอันนี้คือยกตัวอย่างฉากจำของหนังฮีโร่ แต่อย่างCaptain marvelมันไม่มีอะไรให้น่าจดจำ อีกอย่างเหมือนหนังมันขายแมวมากไป มันเซอร์วิสทาสแมวมากเกินไปจนน่ารำคาญ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบแมวนะ ผมรักแมวมาก เลี้ยงแมวตัวนึงอยู่ที่บ้าน เลี้ยงดูมันดีมากๆ เวลามันไปโดนแมวตัวอื่นกัดเป็นแผลรีบพามันไปหาหมอทันที เวลามันป่วยผมร้องไห้ แต่ผมไม่โอเคกับการที่เซอร์วิสตัวGooseมากเกินจำเป็น  แต่ก็ถือว่าสนุกบันเทิงในระดับนึงไม่ได้แย่อะไรแอคชั่นก็มีให้ดูสะใจในช่วงตอนท้าย ถึงอาจจะไม่ออกแรงต่อยเตะแบบเรียลๆเท่าไหร่ แต่ก็สะใจไม่น้อย แล้วก็หนังมันยังเป็นแนวให้กำลังใจสำหรับคนที่ล้มผิดพลาดในชีวิตด้วย คือมันเป็นหนังซุปเปอร์ที่แฝงข้อคิดให้กำลังใจอ่ะครับ ซึ่งนั่นก็คือจุดที่ดีของหนัง แต่แฟนๆMarvelก็คงไปดูกันเพื่อที่จะเก็บรายระเอียดเชื่อมไปหาAvenger end game แม้จะเล็กน้อย 

คะแนน 5.5/10

ควรไปดูขนาดไหน
ดูคั่นเวลาระหว่างรอดูEnd gameก็ได้ จะพาลูกพาหลานไปดูก็ได้ ไม่เสียดายตังเท่าไหร่ ก็ถือว่าบันเทิงในระดับนึงสำหรับหนังต้นกำเนิดซุปเปอร์ฮีโร่
แต่ผมว่าแฟนคลับMarvelยังไงก็คงไปดูกันแน่นอนอยู่ละหละ แต่ถ้าแฟนMarvelคนไหนยังไม่ดูก็ไปดูได้ มีอะไรหลายอย่างให้กรี๊ดเลยหละ โดยเฉพาะEnd creditตัวแรก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

3.DUMBO
อายุผมก็ไม่ได้เยอะนะ แต่รู้สึกได้ชัดๆเลยว่า หนังมันขายเด็กมากเกินไปมากๆ มีความเชยคลุ้งเต็มหนังไปหมด ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบหนังเด็กนะ หนังเด็กที่ผมชอบก็มี อย่างมินเนี่ยน หนูที่เป็นพ่อครัว อะไรแบบนี้ อันนั้นคือดีจริงๆ ถ้าจะมาบอกว่า มันคือหนังเด็กที่ไม่ต้องคิดมาก มันก็ไม่ใช่อ่ะ ขนาดหนังเด็กอย่างทีผมบอกมันยังสนุกได้เลยเลย ก็ต้องยอมรับว่าหนังมันเชยเกินไปและเด็กดูมากเกินไปจริงๆ อารมณ์แบบเข้ามาดูอนิเมชั่นแจ็คผู้ฆ่ายักที่แถมมาจากหนังสือนิทานภาษาอังกฤษอะไรประมาณนี้
.
จุดติใหญ่ๆของหนังก็คงจะเป็นเรื่องตัวละคร มันไม่มีความแปลกใหม่และตามสูตรเอามากๆ อย่างตัวร้ายเนี่ยก็ชั่วตามปกติไม่ได้มีมิติอะไรเลย คือเหมือนเรามองไปแล้วก็เห็นแค่ว่า "เอ้อมันชั่ว" มันชั่วแล้วไงต่อหละ? มันเป็นความชั่วแบบตามสูตรอ่ะ ก็แค่ตัวละครที่ถูกเขียนมาให้ดูชั่วๆแค่นั้น มิติตัวละครแบนราบมาก ตัวละครที่จะดีก็ดีแบบไร้เหตุผล เหมือนกับตัวร้ายเลย เรามองไปแล้วก็เห็นแค่ว่า "เนี่ยตัวดีนะฝั่งพระเอก" แค่นั้นจบ ไม่มีอะไรต่ออีกเลย มันควรจะเพิ่มมิติให้ตัวละครมั้ยว่าแบบ เห้ยทำไมชั่ว ทำไมถึงเป็นคนดีแบบนี้ แต่มันเบาบางมากๆ 
.
นอกจากตัวละครยังตามสูตรแล้ว เนื้อเรื่องก็ยังตามสูตรอีกด้วยนะ อยู่ๆก็มีดราม่าเข้ามาซะงั้น ขายดื้อๆเลย อารมณ์แบบมีคนกดกริ่งหน้าบ้านพอเราเปิดไปมีคนมาส่งพิซซ่า แล้วก็บอกว่า"พี่ครับจ่ายเงินด้วยครับผมเอาพิซซ่ามาส่ง" ทั้งๆที่เราไม่ได้สั่ง โอเคพิซซ่าอาจจะอร่อยจริง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาเสียตังอะไรแบบนี้ เหมือนเป็นการยัดเยียดเกินไป จริงๆเรื่องขายดราม่าเนี่ย ผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าหากทำให้ตัวละครดูดีมากกว่านี้ เพิ่มปมเพิ่มมิติให้ตัวละครลงไปอีกหน่อยให้เรารู้สึกอิน แต่นี่ไม่เลือกที่จะยัดเยียดมาเฉยๆเลย

คะแนน 5/10

ควรไปดูขนาดไหน
พาลูกพาหลานเด็กเล็กไปดูก็น่าจะชอบในตัวCGช้างDUMBO แต่ถ้าจะดูแบบไม่ผิดหวัง เสพแค่ความน่ารักสดใสของหนังพอ เรื่องบทเรื่องอะไรอย่าไปสน มันเข้าขั้นห่วยเลยหละตามตรง แต่ถ้าดูเพลินๆก็พอได้อยู่ หนังเด็กๆสดใสๆ 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

4.สิ้น3ต่อน
หนังไทยเกรดต่ำ พยายามจะทำเป็นหนังโรแมนติคคอมเมดี้ แต่มือไม่ถึง มุขฝืดๆ บทรักง่อยๆ ไปไม่สุดสักอย่าง ดูไปก็เสียดายเงินเปล่าๆ ยังดีที่มันยังพอมีให้ขำบางมุข แต่ก็รู้สึกทรมาณและน่าเบื่อถ้าดูจบทั้งเรื่อง

คะแนน 2/10 (เกณฑ์คะแนนหนังไทย)   ///////  0/10 (เกณฑ์หนังสากล)

ควรไปดูขนาดไหน
อย่าไปดูเลยเสียดายตังเปล่าๆ แต่ถ้าอยากลองของด้วยตัวเองก้ตามใจ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

5.The kid who would be king
เป็นหนังที่สร้างมาจากตำนานอัศวินโต๊ะกลม มีงานวิชวลเอฟเฟคที่ดี เป็นหนังที่มีมุขตลกแทรกมาเป็นระยะๆให้เรารู้สึกผ่อนคลาย พอเราดูจะรู้สึกถึงความแฟนตาซี แต่มันก็ยังไม่สุดในด้านแฟนตาซี รู้สึกมันจะไปสุดในด้านตลกซะมากกว่า พล็อตหนังบทหนังมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เรียบๆง่ายๆ จนบางทีเราก็เดาออกซะงั้นอ่ะ มันไม่ได้ปล่อยให้ลุ้นอะไรเลย ทุกอย่างมันรายเรียบไปหมด ไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ นักแสดงเด็กรู้สึกว่า บางช่วงก็แสดงดี แต่บางช่วงก็เหมือนนั่งอ่านสคริปให้ฟัง มันไม่รู้สึกอินไปกับตัวละคร บทมันก็ดีนะไม่ได้แย่ แต่ตัวนักแสดงเด็กมันทื่อไปหน่อย ฉากแอคชั่นก็มันส์ดีครับ โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ

คะแนน 5.5/10

ควรไปดูมั้ย
ผมว่าใครชอบความแฟนตาซีอะไรพวกนี้ก็น่าไปดูอยู่นะครับ แต่คือแฟนตาซีอาจจะไม่สุดเท่าไหร่ เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องความตลกของหนังมันนำความแฟนตาซี จนผมคิดว่ามันคือหนังตลกด้วยซ้ำ แต่โดยรวมก็ไม่ได้แย่ ดูได้เพลินๆ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

6.US

มันคงจะไม่เปรียบเทียบคงไม่ได้ระหว่างUS กับ Get out หากถามว่าเรื่องไหนสนุกกว่า ผมตอบได้ทันที Get outสนุกกว่า Us เป็นหนังที่นำความลุ้นระทึกและjump scareเข้ามาในหนัง ยังรู้สึกว่าไอเดียการเปรียบเปรยถึงชนชั้นและโลกใต้ดินยังมีจุดไม่สมเหตุสมผลในตัวอยู่เยอะมาก หนังพอดำเนินไปสักพัก เข้าที่เข้าทางมันก็โอเคในระดับนึง แต่ก็ยังรู้สึกว่า Get outมันยังย่อยง่ายกว่าเข้าใจง่ายกว่าและน่าดูกว่ามาก อย่างไรก็ตามความทริลเลอร์ของหนังและความลุ้นระทึกของหนังมันไม่ได้แย่ รู้สึกสนุกมากเลยทีเดียว ทำให้รู้สึกลุ้นเอาใจช่วยกับครอบครัวนี้ หนังมีความหลอนพอตัวนั่นแหละ อย่างที่บอกว่ามันขายjump scareมาก แต่ก็ตกใจเกือบทุกครั้ง แต่มันก็มีบางทีที่รู้สึกว่า "มันต้องมาแน่ๆหละ" มันก็เลยไม่รู้สึกลุ้นไปบางช่วงไปเท่าไหร่ เพราะรู้สึกjump scareมันตามสูตรไปหน่อย

คะแนน 6/10

ควรไปดูมั้ย
ใครชอบความหลอน ความลุ้นละทึก หรือใครชอบหนังแนวGet outก็ไปดูได้ไม่เสียดายตัง แต่ถ้าจะหวังให้ดีและสนุกแบบget outก็คงจะผิดหวังกลับไป 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุปลำดับความน่าดูของหนังในเสาร์-อาทิตย์นี้
US>แสงกระสือ>Captain marvel>The kid who would be king>DUMBO

สิ้น3ต่อน ขอแนะนำว่าตัดออกจากระบบความคิดได้เลย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------