จากชีวิตติดลบ ไม่มีเงิน ต้องขโมยข้าวเปลือกพ่ออยู่ในฉาง ไปขาย จนวันนี้ สามารถ จัดตั้งบริษัทของตัวเองได้

ชีวิตติดลบ แต่ดีขึ้นได้ด้วยการฝึกฝนและการพัฒนาตนเอง

ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องประวัติส่วนตัวนิดนึงนะครับ
ผมเกิดที่อีสาน บ้านติดชายแดน
อาชีพหลักของครอบครัวคำ คือทำ เกษตรกรรม ทำนาเป็นหลัก
ฐานะปานกลาง มีกินมีใช้ไม่ขัดสน
แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก

เป็นคนเรียนระดับปานกลางไม่ได้เก่งอะไร
จบมัธยมปีที่ 6 เอ็นทรานซ์ไม่ติด
ครั้นจะเรียนเทคนิคหรืออาชีวะ
กลัวเป็นภาระของครอบครัว
ก็เลยหันเห เข้ากรุงเทพ เรียนรามคําแหง
ระหว่างที่เรียน ก็ทำงานไปด้วย
มีโอกาส ทำงาน ที่บริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง

เป็นเจ้าหน้าที่ พิจารณาสินไหมทำเคลมให้ลูกค้า
ที่เข้ารักษาโรงพยาบาลและนำใบเสร็จมาเบิก
หน้าที่หลักก็คือคีย์ข้อมูล ของลูกค้าและรายการตามใบเสร็จลงระบบ
แรกๆ ก็เป็นการคีย์ลงแบบ จิ้ม ดีด ไม่ใช่พิมพ์ดีด
เพราะด้วยความเคยชินและความถนัดและทำได้เร็ว
ทำแบบนี้ไปสักพักนึง ก็เกิดกับคำถามกับตัวเอง

(พัฒนาตนเองตอนที่ 1)

ถ้าเรา ลองฝึก พิมพ์สัมผัสบ้างล่ะ จะดีไหม
น่าจะทำให้บุคลิก การทำงานดูสง่าขึ้น ชำนาญขึ้น
ก็น่าจะทำงานได้รวดเร็ว
หลังจากนั้นมา ก็เริ่มเลิก ที่จะจิ้ม ดีด
เป็นเริ่มหัดพิมพ์สัมผัสเริ่มสืบนิ้ว บนแป้นคีย์บอร์ด

แรกๆอาจจะช้าหน่อย แต่พอเริ่มซินขึ้นถนัดขึ้น
เก่งขึ้น จนถึง วันที่สามารถ หลับตาและสืบนิ้วบนแป้นพิมพ์ได้
เป็นตามที่คิด ลักษณะการนั่งทำงาน มือไม่มองแป้น
มองหน้าจอ มันดูดีกว่า ก้มลงจิ้มดีดเป็นไหนๆ

สำคัญการคีย์งานเข้าระบบทำได้เร็วขึ้น
นี่คืออีกหนึ่งเรื่องการพัฒนาตนเอง
แล้วจะมีผล ต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างมาก
กับทักษะการพิมพ์สัมผัส บนแป้นพิมพ์คีย์บอร์ด

ได้ เงินเดือนที่นี่ไม่ได้สูงมากนัก เงินเดือนแค่ 7,500 บาท ในปี 2546 ถึง 2549
แน่นอนครับ ค่าใช้จ่าย กับรายรับ ก็พอๆกัน
แทบไม่มีเงินเก็บ
ลาออกจากงาน ไปขับรถส่งของ อยู่ที่ระยอง ที่นี่รายได้ดีขึ้น
แต่ก็เหมือนเดิม กับชีวิตของวัยรุ่นก็มีกินมีเที่ยวบ้าง
ค่าใช้จ่ายจะหมดไปกับการ กินเที่ยว เงินเก็บก็ยังไม่มี

ปี 51 กลับบ้านที่อีสาน อยู่กับพ่อแม่ ทำเกษตร ทำนาทำสวนยางพารา
เป็นลูกของพ่อแม่ ก็กินก็ใช้มีอะไรก็ขอบ้าง
พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าก็ให้ใช้จ่ายเพราะทำงานด้วยกัน

ปี 52 แต่งงาน แต่ เงินไม่ได้มีสักบาท
ค่าสินสอด พ่อแม่ก็เป็นคนจัดการให้
หลังจากแต่งงานเสร็จรับภรรยา มาอยู่บ้านเรา
ภรรยาขายข้าวแกง ส่วนเราก็ทำเกษตร เหมือนเดิม
รายได้ไม่ได้มากมาย ไม่พอกินพอใช้

แต่ตอนนี้เราแต่งงานมีครอบครัวแล้ว
ไม่ใช่ลูกของพ่อแม่เหมือนเดิม
พ่อแม่ก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากเรื่องเงินทอง
จะขอเหมือนเดิมก็ไม่ได้
เมื่อรายจ่าย มีมากมาย แต่รายได้ยังเหมือนเดิม

ซึ่งเป็นที่มาของที่บอกว่า ต้องขโมยข้าวเปลือกของพ่ออยู่ในฉางไปขายที่โรงสีในตัวอำเภอ

ที่กล้าขโมย เพราะคิดว่า ต่อให้โดนจับได้ก็คงไม่เป็นอะไร
แต่ถ้าจะให้ไปขโมยของคนอื่น ก็คงไม่ทำเหมือนกัน

กลางปี ก็เลยมองหาอาชีพเสริม เพื่อที่จะเพิ่มรายได้
จึงได้รู้จักกับอาชีพ นายหน้าประกันวินาศภัย
ซึ่งขายพรบ. และประกันภัยรถยนต์เป็นหลัก
ขายไปสักพัก จึงรู้ว่า ขายยาก ขายยากในที่นี้ ไม่ใช่เพราะ สินค้าไม่ดี
เพราะจริงๆแล้ว สินค้าตัวพรบและประกันภัยรถยนต์ เป็นสินค้าที่ดี คนมีรถพร้อมที่จะจ่าย
แต่เพราะเรายังไม่มีความสามารถและความรู้ ที่มากพอ
ประจวบกับในต่างจังหวัดบ้านนอก คนส่วนมาก ทำแค่พรบ.ภาคบังคับ แล้วจบเลย
ประกันภาคสมัครใจ แทบไม่มีใครสนใจ
อาจจะเป็นเพราะ ว่ายังมีความรู้ ไม่ทั่วถึง
หรืออาจจะเป็นเพราะมองว่าความเสี่ยงยังมีน้อย ก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องทำภาคสมัครใจ
และยังมองว่าเป็น เรื่องของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา
ถ้าไม่ทำก็ถือว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย อาจจะแล้วแต่

ในช่วงระหว่างนี้ ผมก็ทำเกษตร สวนยางพารา ทำนา แล้วก็ไปเริ่มรับจ๊อบ
เป็นผู้ช่วย ของลุง รับเหมา ระบบไฟฟ้าแรงสูงแรงต่ำ
รายได้ก็เริ่มดีขึ้น แต่ความเสี่ยงมีให้เห็น บ่อยๆ
จากการขับรถเดินทางตลอด วันนึงไปกลับ ไม่ต่ำกว่า 500 กิโล
และกับเพื่อนร่วมงาน ที่เห็น ไฟฟ้าแรงสูง เล่นงาน ไหม้เกรียมคาเสาไฟ

จึงคิดที่จะเลิก เพราะความเสี่ยงสูงมากเกินไป

ปี 57 ได้รู้จักกับระบบ เครือข่ายผู้บริโภค สินค้าประกันวินาศภัย
โดยสินค้าหลัก คือพรบ.และประกันภัยรถยนต์ เข้าทางเลย เพราะเป็นงานเดิมที่เราเคยมีความรู้ในการขายเบื้องต้นมาก่อนแล้ว
แต่เมื่อก่อนเราจะเน้นขายอย่างเดียว

แต่ระบบนี้ คือแค่บอกต่อเชิญชวน ให้เจ้าของรถยนต์ สมัครสมาชิก ซื้อใช้พรบ และประกันภัยรถยนต์ ได้ส่วนลดไป
ในส่วนของ คนที่สนใจ หางานเสริมอาชีพเสริมต้องการที่จะเป็นตัวแทนนายหน้า นายหน้า
ก็สามารถที่จะขาย ได้ 36 บริษัท เพียงแค่สมัคร ที่นี่ที่เดียว
โดยไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน หรือหลักทรัพย์
เหมือนตัวแทนบริษัทประกันภัยโดยตรง
แต่ระบบการแจ้งงานจะเป็นแบบ CBC Cash Before Cover
คือต้องชำระเงินก่อนถึงจะแจ้งงานความคุ้มครองถึงจะเกิดขึ้นจะไม่มีเครดิตให้เหมือนตัวแทนบริษัทประกันภัยโดยตรง
ที่สามารถแจ้งงานเข้าไปได้เลย ความคุ้มครองเกิดขึ้น แล้วค่อยจ่ายเงินทีหลัง
ด้วยแผนการตลาดของบริษัททำให้ผมมองเห็นโอกาส ที่จะมีเงิน มากขึ้นแน่นอนในอนาคต
เพราะรถยนต์มากขึ้นทุกๆปี แผนการตลาดไม่ซับซ้อน
ไม่ต้องรักษายอดขายส่วนตัว ถ้าตำแหน่งขึ้นแล้ว ไม่มีตก มันจึงทำให้ผมเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เพราะหลายๆคน ที่เขาทำก่อนหน้านี้ ก็ทำได้แล้วมีรายได้จริง
ทางบริษัท ก็โชว์รายได้ ผ่านหน้าเว็บไซต์ทุกๆเดือน และมีการหักภาษีณที่จ่ายถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง

ถึงแม้จะเห็นช่องทาง แต่ ผมอยู่อีสานบ้านติดชายแดน
ในยุคนี้ ถ้าจะทำธุรกิจ จะเดินเข้าไปหา เจ้าของรถทุกๆบ้าน มันคงจะใช้เวลานาน
ทำได้ยากลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรเลย
เพราะเขาไม่รู้จักเรา อาจจะคิดว่าเราไปหลอกเอาเงินเขาหรือเปล่า
เหมือนตัวแทนนายหน้าเถื่อนประมาณนั้น มันจึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
ทำให้ผม ฝึกฝนพัฒนาตนเอง เพิ่มขึ้น
ผมอยู่ที่บ้านอีสาน ติดชายแดนด้วย ทำธุรกิจก็คงจะได้แต่อยู่แถวบ้าน
ซึ่งอย่างที่บอกแถวบ้านคนไม่ค่อยซื้อประกันรถกัน
ต่อให้ผมจะไปแนะนำบอกต่อใครๆคนส่วนมากก็ยังไม่สนใจ
ด้วยเทรนการตลาดโดยรวมของประเทศเราเปลี่ยนไป
จากออฟไลน์ เข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น
ผมจึงคิดจะเอางานระบบสมาชิกซื้อใช้ของประกันวินาศภัย ที่ผมมองเห็นทางแล้ว ว่าผมจะสบายในวันข้างหน้า
เอาเข้าตลาดออนไลน์ เพราะถ้าออนไลน์ได้ ไม่ใช่แต่คนแถวบ้านผม ที่จะเห็นจะรู้จัก
แต่คนจะเห็นทั่วประเทศไทยเลย

(พัฒนาตนเองตอนที่ 2) สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์

ผมจึงเริ่มเรียนศึกษาวิธีการเขียนเว็บไซต์ ซึ่งความรู้ต่างๆมากมาย มีอยู่ใน YouTube
ก็เริ่มลองผิดลองถูก ทำไม่สวยก็เริ่มปรับปรุงพัฒนา ก็ให้อ่านออกรู้เรื่องเข้าใจระบบ
เพื่อเปิดรับสมัคร เจ้าของรถยนต์สมัครสมาชิกซื้อใช้และคนที่สนใจในอาชีพเสริม ที่ต้องการเป็นตัวแทนนายหน้าประกันวินาศภัยให้มารู้จัก

ปัญหาช่วงแรกๆ หลังจากมีเว็บไซต์แล้ว แต่เว็บไซต์ไม่เป็นที่รู้จัก
ก็ยังไม่มีผล อะไรเกิดขึ้น ผมจึงเริ่มศึกษาการทำ seo
การทำ seo ไม่ใช่จะทำง่ายๆต้องใช้เวลาและทำตามหลักการ
เพราะถ้าทำ ไม่ถูก ไม่ถูกหลักการ ก็จะโดนแบนจาก Google ไปเลย
เว็บไซต์เราก็ไม่สามารถที่จะแสดงในหน้าค้นหาได้
การทำ seo นั้นหลักๆคือการทำให้เป็นโดยธรรมชาติ
Google จัดอันดับ เว็บของเราขึ้นหน้าแรก จากยอดคลิก
คนคลิกเว็บเยอะเท่าไหร่ มันก็จะเป็นเหมือน การบอก Google ว่า เว็บเรานี่แหละเป็นเว็บดีมีคุณภาพ คนจึงคลิกเข้าไปชมเยอะ
ซึ่งผมก็อาศัย การโพสเว็บ ตามเว็บใหญ่ๆ เช่น Pantip นี่แหละ เพื่อให้คนคลิกเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา
และหัวใจหลักสำคัญ ของการทำ seo คือเนื้อหา ต้องใหม่ต้องสด ไม่ใช่ไป Copy บทความหรือข้อความของคนอื่นมาลงเว็บ
ถ้าทำแบบนี้จะใช้ไม่ได้เลยในหลักการทำ seo

เราจะเน้นโปรโมท keyword อะไร เราก็ต้องทำ ให้เป็นไปโดยธรรมชาติและถูกระเบียบ
ผมทำการโปรโมท ก็คือ keyword คำว่า สมัครตัวแทนขายประกันภัยรถยนต์
เพราะไม่แคบและกว้างจนเกินไป สำหรับกลุ่มคน กลุ่มเป้าหมายที่ผมที่ผมต้องการ

หลังจากผมทำ SEO คีย์เวิร์ด สมัครขายประกันภัยรถยนต์ ได้สำเร็จ
เว็บไซต์ของผม ขึ้นเป็นอันดับ 1 บนหน้า Google โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา ใน keyword คำว่าสมัครขายประกันรถยนต์

คนที่สนใจในอาชีพตัวแทน ขายประกันภัยรถยนต์ก็หลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ผม รู้จักผมมากขึ้น ผมก็แค่แนะนำให้รู้จักระบบ สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกตัวแทนนายหน้าแล้ว

ไม่เสียแรงที่ฝึกฝนพัฒนาตนเอง
ผมได้ใช้ความรู้ความสามารถในด้านการพิมพ์สัมผัสมาใช้งานจริงๆ
ในปี 2557 ผู้คนในประเทศของเรากำลังนิยมเล่นโปรแกรมแชทคือโปรแกรมไลน์ จะไม่เน้นโทร
หลังจากที่เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกอากู๋ คนก็จะแอด Line เข้ามา
ทุกคนจะคุยกันทางไลน์ผ่านตัวอักษร ผมใช้ Line เวอร์ชั่น LINE PC เพราะในตอนนั้นการพูดแล้วพิมพ์ออกมาเป็นตัวอักษรยังทำไม่ได้
การที่ผมพิมพ์ได้เร็วมันก็เหมือนเป็นการตอบลูกค้าและผู้สนใจ ในระบบงาน ได้เร็วขึ้นทำให้งานของผมเติบโตเร็วมาก
หน้าที่ผมคือต้องสอนงาน พื้นฐานเบื้องต้น ตั้งแต่ พ. ร.บ. คืออะไร
ภาคบังคับภาคสมัครใจคืออะไร ขั้นตอนการเช็คเบี้ยการจ้างงาน
ความคุ้มครองต่างๆในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
ผลประโยชน์ ที่ผู้ซื้อลูกค้าผู้ประสบอุบัติเหตุจะได้รับ
ชนิดที่เรียกว่า ความรู้เริ่มจากศูนย์ ก็สามารถ เป็นตัวแทนระดับมืออาชีพได้
โดยช่องทางการสอนผ่านออนไลน์โดยทางไลน์กลุ่มและไลน์ส่วนตัว อย่างที่บอก
ผมสอนความรู้ทุกอย่างที่คนๆนึง จะนำไปทำเป็นอาชีพ ประกอบอาชีพได้
เมื่อเขาเก่งเขาเป็นงาน เขาสามารถนำความรู้ไปขายงานได้
ยอดขายทีมก็เติบโตขึ้น บริษัทก็ปรับตำแหน่งให้
ก็มีค่าแนะนำค่าบริหารองค์กรให้ ในช่วงแรกๆ รายได้ที่ทำก็เริ่มจากหลักร้อยหลักพัน

ปัจจุบัน ผมมีรายได้ 6 หลัก/เดือนแล้ว   และจดจัดตั้ง นิติบุคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด
โดยผมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ  และ ให้ภรรยาเป็นกรรมการ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมจะไม่มีวันนี้ ถ้าผมไม่ฝึกฝนพัฒนาตนเอง

ทุกวันนี้ทุกธุรกิจปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าทุกธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับออนไลน์
ถ้าธุรกิจไหนถ้าไม่เข้าสู่ระบบออนไลน์ ยอดขายตกแน่นอนเพราะ Lifestyle เทรนการตลาดกำลังเปลี่ยนไป
เข้าสู่ยุคดิจิตอลปีนี้ยังไม่เท่าไหร่ผมเชื่อว่าอีกไม่เกิน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า
หลายๆธุรกิจจะล้มหายไปจากตลาดเพราะคนจะเปลี่ยนไปซื้อสินค้าผ่านทางสมาร์ทโฟนแทน

เช่นเดียวกันถ้าธุรกิจไหนที่ทำการตลาดออนไลน์ได้สำเร็จสามารถนำพาเว็บไซต์หรือแฟนเพจของตัวเองขึ้นมาอยู่ในน่าค้นหาอันดับแรกๆได้แล้วยอดขายรายได้ก็จะเติบโตอย่างแน่นอนครับผมเชื่ออย่างนั้น

หนังสือของคุณบอย วิสูตร ที่เขียนไว้ผมชอบมากๆเลย

“บนท้องฟ้ารถไม่เคยติด”

“ถ้าอยากได้งานดีๆ เงินดีๆ
ผมยืนยันว่ามีเต็มตลาดจนเราเลือกงานได้เลย
เพียงแต่เราต้องพัฒนาตัวเองให้เก่ง
แล้วงานนั้นจะมาหาเราเอง

บนพื้นราบนั้นรถติด
บนทางยกระดับนั้นรถติดน้อยลง
ส่วนบนท้องฟ้า รถไม่เคยติดเลย
ถ้ายังอยู่ที่พื้น คนก็แน่น แข่งขันกันธรรมดา
แต่วันที่เราพัฒนาตัวเองขึ้นสูง
วันนั้นเราจะแทบไม่มีคู่แข่งเลย

มาครับ มาพัฒนาตัวเองกัน
แล้วงานดีๆ หลักแสน หลักล้าน
ก็จะไม่ใช่เรื่องที่หายากเลย”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่