พระโคตมพุทธเจ้า  องค์ศาสดา    ท่านสอนธรรมมะ  ธรรมมะทีท่านสอน   คือความจริง     พระธรรม   คือคำสอน โอวาทปาติโมกข์ โดยมี  ศิล สมาธิ ปัญญา  นำไปทำ  ความดี  ละความชั่ง เป็นเครื่องชำระล้างจิตใจให้สว่างใส  ทำดี คิดดี พูดดี  เป็นหัวใจสำคัญ   โดยมีรรคมีองค์ 8 เป็นทางสายกลาง ให้ลงมือปฏิบัติอันพอดีที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น  ผลที่ได้รับจากการทำดี  เรืยกว่า บุญ และผลของบุญ คือความสุข   ตรงนี้ครับ สิ่งที่พระพุทธให้เรา   สิ่งที่ทุกคนตามหา สิ่งที่ทุกคนอยากได้อยากมีสิ่งที่ทุกคนต้องการ  เป็นความจริง อยู่ตรงหน้าทุกคน  ความ สุข ไม่มีทุก บรมสุข สว่างใส ไม่มีรูป ไม่มีร่าง ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่มีตัวไม่มีตน  เป็นอนัตตา เกิดขึ้นที่จิต   เป็นนามธรรม เป็นสัจจธรรม  ส่วนสังขาล  ที่เป็นรูปธรรม เป็นสิ่งสมมุต   เมื่อเห็นสัจจธรรมความจริง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา ธรรมมะก็มีเเค่นี้มีเท่าที่เห็น  เห็นตามจริง   พระพุทธเจ้าสอนเเค่สามเรื่อง  สอนให้ทำดีกับสอนให้รู้ความจริง สอนให้เห็นตัวเรา  เเต่ที่ปฎิบัตกันอยู่ตอนนี้กำลังหาสิ่งที่ไม่มีจริงทั้งที่ความจริงอยู่ตรงหน้าหาไม่เจอ    ทั้งหมดนี้   เป็น ธรรม  เป็นสัจจธรรม   เป็นจริง  เป็น ปัจจัตตัง    ปัจเจกพุทธเจ้า  ?????????????????                    ตถาคต คึกฤทธิ์  เจ้าสำนัก  สอนพุทวจน  พุทวจนที่สอน  คือ  เรื่องสมมุติจริง (ทำทางโลภ)  คำตะถาคต  คือสิ่งที่สอน  สอนให้ฟังคำตถาคด  เชื่อในสิ่งที่ตถาคตสอนว่ามาจาก พระโอษฐ์   สิ่งที่ ศรัทธา  ตถาคต พุทธจน  ไม่เข้าถึงพระรัตนตรัย  ไว้พึงละลึก  (ไม่มีการกล่าวถึงคุณพระรัตนตรัย )   โดยมี  ศิล (เอาไว้รักษา) เหตุที่ต้องรักษา ศิลป่วย  ฟัง คิดตาม  ความหมายของพุทธวจน  เพื่อให้ฟัง ให้ทำตามคิด  ผลที่ได้รับ  สบายใจ มีรูป มีร่าง มีตัวมีตน มีเกิดมีดับมีเวืยนว่าย มีภพภูม เกิดที่ความคิด     ทำทางโลภ    ต้องใช้ความคิด ตัดสิน  ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง  ใช้ความเชื่อตัดสินเอง   ตามความเชื่อ ทุกอย่างขึ้นอยู่กันความคิด สมมุตเอา เองตามแต่จริตของใครของมัน  เอาที่สบายใจ เเล้วเเต่สมมุตจะเกิดขึ้นกับใครมากน้อยเเค่ใหน