สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ยาวหน่อยนะคะ แต่คาดว่าเป็นประโยชน์แก่จขกท.บ้างสักน้อย ขอใส่สปอยจะได้อ่านง่ายนะคะ
เราเข้าใจค่ะ เราก็เคยคิดว่าถ้าลูกนอนกับแฟนแล้ว ทั้งลูกสาวลูกชายเราก็คงรู้สึกเสียใจ เพราะเรารักและหวงแหน แต่นั่นคงจะเป็นเพราะเราลืมอบรมลูกของเราตามความจริงไป
เราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติค่ะ ว่ามันเป็นธรรมดาของโลก ตั้งแต่เกิดมาลูกมีชีวิตของเขา ซึ่งพ่อแม่ไม่มีวันควบคุมได้ รวมถึงการแก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ สุข ของเขา (พระพยอมฯเคยมาเทศที่ รร เรา ท่านบอกต้องเข้าใจและป้องกัน ห้ามเด็กไม่ให้รักกันดั่งห้ามตะวันและจันทรไม่ให้ขึ้นฟ้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้ทำไงล่ะ? ถ้าลูกไม่มี sex พ่อแม่ก็ถือว่าโชคดี แต่พอมีพ่อแม่ก็เสียใจ เพราะสังคมเชื่อว่าลูกที่มี sex คือเด็กใจแตก (ซึ่งไม่รู้ว่าคตินี้มาได้อย่างไร แต่ได้ยินผู้ใหญ่เขาว่ากัน)
พ่อแม่ต้องถามตัวเองว่าทำไมถึงเสียใจ? เหตุใดจึงหวงแหน? กลัวลูกถูกทำร้าย? หรือตีคุณค่าของลูกจากความบริสุทธ์เหมือนค่านิยมสังคม? ตีค่าความดีของลูกจากการไม่มี sex? แล้วถ้าพ่อแม่คิดแบบใดๆแล้ว ลูกจะรู้สึกอย่างไรที่ถูกพ่อแม่คิดแบบนั้น?
แล้วทำไมลูกถึงทำ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พ่อแม่อาจบอกว่าเพราะรักจึงเสียใจ ใช่ค่ะ แต่รักแล้วตีความความรักนี้อย่างไร ทำไมถึงเสียใจได้ล่ะ แสดงว่ามันต้องมีความคาดหวังสิ ถึงได้ผิดหวัง?
พ่อแม่หลายคนไม่รู้ว่าลูกมี sex ค่ะ และตัวเด็กหลายคนไม่อาจฝืนธรรมชาติ ยุคนี้ยุคใหม่ เป็นยุคที่เข้าใจมนุษยมมากขึ้น ผู้ใหญ่สมัยใหม่จึง "สนับสนุนการป้องกัน" เป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุด
และฝ่ายสุขภาพสตรีออกมายับยั้งการตีค่ามนุษย์จากความขาวสะอาดจาก sex และเยื่อพรหมจรรย์
ถ้าเราเป็นแม่ เราจะพูดกับลูกตรงๆเหมือนที่เราเคยสอนนักเรียนค่ะ ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราสอนเด็กแบบนี้จริงๆ ทีนี้ต้องย้อนกลับถาม จขกท. ว่าได้คุยกับลูกตรงๆแบบนี้ไหม เพราะต้องรู้ว่าเมื่อแตกสาว-หนุ่ม ความเสี่ยงมันเกินพิกีดแน่นอน เพราะฮอร์โมนค่ะ
ฮอร์โมนมันพุ่งมาก ถ้าไม่พุ่งก็ผิดปกติ ตามธรรมชาติวัยนี้คือ "วัยเจริญพันธุ์" เป็นวัยที่จะมีการสืบพันธุ์นั่นล่ะค่ะ แค่ปัจจับันเราใช้ชีวิตต่างจากบรรพบุรุษลิบลับ แต่สัญชาตญาณและธรรมชาติของร่างกายยังอยู่
เพศศึกษาควรเริ่มจากครอบครัว พ่อแม่ต้องเปิดใจสอนลูกก่อนเพื่อปกป้องเขาในอนาคต เพื่อเขาจะสามารถปกป้องตัวเอง และรู้ว่าอะไรคืออะไร เขสจะเข้าใจตัวเอง ไม่ควรกระดากอาย
เรื่องแบบนี้ต้องเตรียมใจตั้งแต่ก่อนแต่งงานเลยค่ะ เพราะโลกใบนี้ไม่ได้สวยงามแบบที่เราเห็นผ่านความรัก
จากนี้ไปเราขอให้ผู้ปกครองพูดกับลูกหลานค่ะ สอนให้เขาป้องกันและช่วยตัวเอง เมื่อไม่มีอารมณ์เขาก็ไม่ทำหรอกค่ะ จริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอให้กลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดังเดิม
ขอให้จขกท.วางหัวใจที่หนักอึ้งลงได้ ดั่งอดีตที่ผ่านมาแล้วก็จบเลย
และเฝ้าดูลูกหลานค่ะ
ใจเราอ่านแล้วก็อินค่ะ ก็คิดเหมือนแม่คน เศร้าตาม จขกท.
ในมุมมองเรา ถ้าลูกเคยนอนกับแฟนแล้วก็ยังช่วยตัวเองได้ ถ้ามีอีกก็ป้องกัน เพราะมันเกินห้ามใจไปแล้ว ก็สอนเพิ่มเติมกันเคสถูกหลอก สลับคู่ สวิงกิ้ง ฯลฯ
มันฟังดูแย่แต่มันมีในหมู่วัยรุ่นค่ะ ต้องป้องกันไม่ให้ลูกโลดโผนไปกว่านี้เพราะมันเสี่ยงโรค
ส่วนการเรียนต้องดี และพาครอบครัวไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมอื่น ลงคอร์สทำขนม ทำงานฝีมือ ลูกจะได้ผ่อนคลาย มีความสนใจที่หลากหลาย และไม่หมกมุ่นเรื่องเพศมาก
แล้วก็สอนให้ลูกยอมรับความจริงถ้าวันหนึ่งต้องเลิกกับแฟน แล้วจะเสียใจมากกว่าเด็กที่ยังไม่เคยนอนกับแฟนค่ะ
เรื่องนี้ เรื่องถูกแฟนทิ้งลูกต้องยอมรับให้ได้
และกับคนใหม่ก็ยังไม่ควรรีบเพราะไม่รู้จะต้องรักๆเลิกๆอีกกี่ครั้งตามบุญกรรมที่ทำกันมา
ควรมั่นใจว่าคนๆนั้นต้องการแต่งงาน สร้างชีวิตครอบครัวกับเรา อยู่ด้วยกันยันแก่เฒ่า แล้วจึงยินยอมก็ได้
ขอให้ จขกท.โชคดีนะคะ ไม่ควรปล่อยลูกเพราะจะทำให้เขาคว้างและใจไปกับแฟนและเพื่อนค่ะ
แก้คำผิดค่ะ
เราเข้าใจค่ะ เราก็เคยคิดว่าถ้าลูกนอนกับแฟนแล้ว ทั้งลูกสาวลูกชายเราก็คงรู้สึกเสียใจ เพราะเรารักและหวงแหน แต่นั่นคงจะเป็นเพราะเราลืมอบรมลูกของเราตามความจริงไป
เราก็ต้องเข้าใจธรรมชาติค่ะ ว่ามันเป็นธรรมดาของโลก ตั้งแต่เกิดมาลูกมีชีวิตของเขา ซึ่งพ่อแม่ไม่มีวันควบคุมได้ รวมถึงการแก่ เจ็บ ตาย ทุกข์ สุข ของเขา (พระพยอมฯเคยมาเทศที่ รร เรา ท่านบอกต้องเข้าใจและป้องกัน ห้ามเด็กไม่ให้รักกันดั่งห้ามตะวันและจันทรไม่ให้ขึ้นฟ้า)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทีนี้ทำไงล่ะ? ถ้าลูกไม่มี sex พ่อแม่ก็ถือว่าโชคดี แต่พอมีพ่อแม่ก็เสียใจ เพราะสังคมเชื่อว่าลูกที่มี sex คือเด็กใจแตก (ซึ่งไม่รู้ว่าคตินี้มาได้อย่างไร แต่ได้ยินผู้ใหญ่เขาว่ากัน)
พ่อแม่ต้องถามตัวเองว่าทำไมถึงเสียใจ? เหตุใดจึงหวงแหน? กลัวลูกถูกทำร้าย? หรือตีคุณค่าของลูกจากความบริสุทธ์เหมือนค่านิยมสังคม? ตีค่าความดีของลูกจากการไม่มี sex? แล้วถ้าพ่อแม่คิดแบบใดๆแล้ว ลูกจะรู้สึกอย่างไรที่ถูกพ่อแม่คิดแบบนั้น?
แล้วทำไมลูกถึงทำ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พ่อแม่อาจบอกว่าเพราะรักจึงเสียใจ ใช่ค่ะ แต่รักแล้วตีความความรักนี้อย่างไร ทำไมถึงเสียใจได้ล่ะ แสดงว่ามันต้องมีความคาดหวังสิ ถึงได้ผิดหวัง?
พ่อแม่หลายคนไม่รู้ว่าลูกมี sex ค่ะ และตัวเด็กหลายคนไม่อาจฝืนธรรมชาติ ยุคนี้ยุคใหม่ เป็นยุคที่เข้าใจมนุษยมมากขึ้น ผู้ใหญ่สมัยใหม่จึง "สนับสนุนการป้องกัน" เป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุด
และฝ่ายสุขภาพสตรีออกมายับยั้งการตีค่ามนุษย์จากความขาวสะอาดจาก sex และเยื่อพรหมจรรย์
ถ้าเราเป็นแม่ เราจะพูดกับลูกตรงๆเหมือนที่เราเคยสอนนักเรียนค่ะ ว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราสอนเด็กแบบนี้จริงๆ ทีนี้ต้องย้อนกลับถาม จขกท. ว่าได้คุยกับลูกตรงๆแบบนี้ไหม เพราะต้องรู้ว่าเมื่อแตกสาว-หนุ่ม ความเสี่ยงมันเกินพิกีดแน่นอน เพราะฮอร์โมนค่ะ
ฮอร์โมนมันพุ่งมาก ถ้าไม่พุ่งก็ผิดปกติ ตามธรรมชาติวัยนี้คือ "วัยเจริญพันธุ์" เป็นวัยที่จะมีการสืบพันธุ์นั่นล่ะค่ะ แค่ปัจจับันเราใช้ชีวิตต่างจากบรรพบุรุษลิบลับ แต่สัญชาตญาณและธรรมชาติของร่างกายยังอยู่
เพศศึกษาควรเริ่มจากครอบครัว พ่อแม่ต้องเปิดใจสอนลูกก่อนเพื่อปกป้องเขาในอนาคต เพื่อเขาจะสามารถปกป้องตัวเอง และรู้ว่าอะไรคืออะไร เขสจะเข้าใจตัวเอง ไม่ควรกระดากอาย
เรื่องแบบนี้ต้องเตรียมใจตั้งแต่ก่อนแต่งงานเลยค่ะ เพราะโลกใบนี้ไม่ได้สวยงามแบบที่เราเห็นผ่านความรัก
จากนี้ไปเราขอให้ผู้ปกครองพูดกับลูกหลานค่ะ สอนให้เขาป้องกันและช่วยตัวเอง เมื่อไม่มีอารมณ์เขาก็ไม่ทำหรอกค่ะ จริง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอให้กลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดังเดิม
ขอให้จขกท.วางหัวใจที่หนักอึ้งลงได้ ดั่งอดีตที่ผ่านมาแล้วก็จบเลย
และเฝ้าดูลูกหลานค่ะ
ใจเราอ่านแล้วก็อินค่ะ ก็คิดเหมือนแม่คน เศร้าตาม จขกท.
ในมุมมองเรา ถ้าลูกเคยนอนกับแฟนแล้วก็ยังช่วยตัวเองได้ ถ้ามีอีกก็ป้องกัน เพราะมันเกินห้ามใจไปแล้ว ก็สอนเพิ่มเติมกันเคสถูกหลอก สลับคู่ สวิงกิ้ง ฯลฯ
มันฟังดูแย่แต่มันมีในหมู่วัยรุ่นค่ะ ต้องป้องกันไม่ให้ลูกโลดโผนไปกว่านี้เพราะมันเสี่ยงโรค
ส่วนการเรียนต้องดี และพาครอบครัวไปเที่ยว ไปทำกิจกรรมอื่น ลงคอร์สทำขนม ทำงานฝีมือ ลูกจะได้ผ่อนคลาย มีความสนใจที่หลากหลาย และไม่หมกมุ่นเรื่องเพศมาก
แล้วก็สอนให้ลูกยอมรับความจริงถ้าวันหนึ่งต้องเลิกกับแฟน แล้วจะเสียใจมากกว่าเด็กที่ยังไม่เคยนอนกับแฟนค่ะ
เรื่องนี้ เรื่องถูกแฟนทิ้งลูกต้องยอมรับให้ได้
และกับคนใหม่ก็ยังไม่ควรรีบเพราะไม่รู้จะต้องรักๆเลิกๆอีกกี่ครั้งตามบุญกรรมที่ทำกันมา
ควรมั่นใจว่าคนๆนั้นต้องการแต่งงาน สร้างชีวิตครอบครัวกับเรา อยู่ด้วยกันยันแก่เฒ่า แล้วจึงยินยอมก็ได้
ขอให้ จขกท.โชคดีนะคะ ไม่ควรปล่อยลูกเพราะจะทำให้เขาคว้างและใจไปกับแฟนและเพื่อนค่ะ
แก้คำผิดค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
ขอตอบในมุมของดิฉัน สมัยเด็กๆ18-19 ปีนะคะ ตอนนี้ 20+ เเล้ว
ดิฉันเป็นคนที่มีอะไรก็คุยกับเเม่ตลอด เเละเเม่ก็รับฟัง เเละ เเสดงความคิดเห็น เตือน และให้ข้อคิดดีๆ เลยทำให้ไม่รู้สึกกลัวที่จะบอกปัญหาต่างๆกับเเม่ เพราะเเม่เป็นคนเปิดใจกว้างมากกับลูก เเม่เคยเรียนจิตวิทยามาด้วยค่ะ เลยเข้าใจพฤติกรรมคน เเละ เเต่ละช่วงอายุ
ตรงกันข้าม กับ พ่อ ที่เป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ ปิดกั้น เลยทำให้ดิฉันกลัวมากที่จะคุยเรื่องทุกเรื่องกลับพ่อ เเละ จะคุยเเค่เรื่องเรียนเท่านั้น มีช่องว่างมากค่ะ กับพ่อตัวเอง
พอเข้ามหาลัย ก็เริ่มมีเเฟน เเละ เริ่มคบกับเเฟนเเบบเป็นตัวเป็นตน ไปมาหาสู่กัน พอบอกให้เเม่รับทราบ เเม่บอกเลยค่ะ ว่า ยาคุมก็ต้องรู้จักกิน รู้จักป้องกัน ต้องรักตัวเอง คือให้เซฟตัวเองไว้ก่อน
ดิฉันเลยคิดว่า การเป็นเเม่ที่เปิดใจกว้าง เเละ เเสดงให้เห็นว่า เเม่คนนี้คุยกับลูกได้ทุกเรื่อง จะสุขจะทุกข์ก็ให้คุยกัน มันจะทำให้ลูกรู้สึกว่า ปลอดภัย เเละ ได้คำปรึกษาที่ดีค่ะ กลับกัน ลูกบางคนกลัวพ่อเเม่ว่า ไม่กล้าคุยเรื่องส่วนตัว หรือ พ่อเเม่ไม่ค่อยเปิดกว้างรับฟังปัญหาลูก จะทำให้ลูกหันไปปรึกษาคนอื่น เพื่อน เเฟน เเล้วรับฟังอะไรผิดๆมา
ตอนนี้ก็กำลังจะเป็นเเม่คน เเต่ได้ลูกชาย ก็จะสอนเขาเหมือนกันค่ะ เรื่อง เพศศึกษา เรื่องการป้องกัน จะเป็นเเม่สมัยใหม่ ที่ คุยกับลูกได้ทุกเรื่อง เป็นเหมือนเพื่อนอีกคน
ดิฉันเป็นคนที่มีอะไรก็คุยกับเเม่ตลอด เเละเเม่ก็รับฟัง เเละ เเสดงความคิดเห็น เตือน และให้ข้อคิดดีๆ เลยทำให้ไม่รู้สึกกลัวที่จะบอกปัญหาต่างๆกับเเม่ เพราะเเม่เป็นคนเปิดใจกว้างมากกับลูก เเม่เคยเรียนจิตวิทยามาด้วยค่ะ เลยเข้าใจพฤติกรรมคน เเละ เเต่ละช่วงอายุ
ตรงกันข้าม กับ พ่อ ที่เป็นคนเงียบๆ ขรึมๆ ปิดกั้น เลยทำให้ดิฉันกลัวมากที่จะคุยเรื่องทุกเรื่องกลับพ่อ เเละ จะคุยเเค่เรื่องเรียนเท่านั้น มีช่องว่างมากค่ะ กับพ่อตัวเอง
พอเข้ามหาลัย ก็เริ่มมีเเฟน เเละ เริ่มคบกับเเฟนเเบบเป็นตัวเป็นตน ไปมาหาสู่กัน พอบอกให้เเม่รับทราบ เเม่บอกเลยค่ะ ว่า ยาคุมก็ต้องรู้จักกิน รู้จักป้องกัน ต้องรักตัวเอง คือให้เซฟตัวเองไว้ก่อน
ดิฉันเลยคิดว่า การเป็นเเม่ที่เปิดใจกว้าง เเละ เเสดงให้เห็นว่า เเม่คนนี้คุยกับลูกได้ทุกเรื่อง จะสุขจะทุกข์ก็ให้คุยกัน มันจะทำให้ลูกรู้สึกว่า ปลอดภัย เเละ ได้คำปรึกษาที่ดีค่ะ กลับกัน ลูกบางคนกลัวพ่อเเม่ว่า ไม่กล้าคุยเรื่องส่วนตัว หรือ พ่อเเม่ไม่ค่อยเปิดกว้างรับฟังปัญหาลูก จะทำให้ลูกหันไปปรึกษาคนอื่น เพื่อน เเฟน เเล้วรับฟังอะไรผิดๆมา
ตอนนี้ก็กำลังจะเป็นเเม่คน เเต่ได้ลูกชาย ก็จะสอนเขาเหมือนกันค่ะ เรื่อง เพศศึกษา เรื่องการป้องกัน จะเป็นเเม่สมัยใหม่ ที่ คุยกับลูกได้ทุกเรื่อง เป็นเหมือนเพื่อนอีกคน
ความคิดเห็นที่ 30
ลูกสาวเรามีเเฟนตอนอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นเรียนไกลบ้าน พักที่หอ ยอมรับว่าใจหาย ไม่ได้คิดว่าเค้าเด็กเกินไปที่จะมีความรัก เพียงเเค่คิดว่า ตลอดระยะเวลาสิบเเปดปีที่เราฟูมฟักเค้ามา วันนี้เค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่เเล้วจริงๆหรือนี่ เพราะในสายตาเรา เค้ายังเป็นเด็กอยู่เสมอ
เราสอนลูกทุกเรื่องที่เราห่วง เรื่องการตั้งครรภ์ก่อนเวลาอันควร ผลเสียที่จะตามมา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกัน เเละทางออกเมื่อผิดพลาด
เราสอนเรื่องการคิด ถ้าความรักไม่เป็นในเเบบที่เค้าวาดไว้ การรักตัวเองให้มากก่อนที่จะทุ่มเทความรักให้กับใคร ทางออกเวลาที่ทะเลาะหรือมีปากเสียงกับเเฟน ทั้งหมดนี้เราพูดคุยกับเค้าจริงจังมาก นั่งคุยกันเเบบผู้ใหญ่สองคนคุยกัน
เราบอกว่า สิ่งที่เราห่วง ไม่ใช่เรื่องที่เค้ามีความรัก เเต่เป็นเรื่องของการป้องกันตัวเอง เเละการควบคุมอารมณ์ เมื่อความรักไม่เป็นไปในเเบบที่เค้าต้องการ เราพูดกับเค้าตรงๆเลยว่า ถ้าทะเลาะกันในวันที่ต้องสอบ จะยังสอบรู้เรื่องได้อยู่ไหม
เเฟนลูกสาวเรามาเที่ยวบ้านเราครั้งเเรกตั้งเเต่เทอมเเรกที่เป็นเเฟนกันนั่นเเหละค่ะ เค้าเรียนที่เดียวกัน อายุมากกว่ากันเเค่สองเดือนเอง เราให้การต้อนรับเหมือนกับลูกเราคนนึง ให้นอนห้องรับรองเเขก คุยกับเค้าในเรื่องที่เราเป็นห่วง นั่งคุยกันตรงๆนั่นเเหละค่ะ เเต่คุยเเบบผู้ใหญ่สองคนคุยกันนะคะ เราไม่เคยมองว่าเค้าเป็นเด็กเล็ก
ลูกสาวเราพาเเฟนเค้าไปเเนะนำให้ญาติพี่น้องทุกคนรู้จัก เเละเเฟนเค้าก็ทำเหมือนๆกัน พ่อเเม่เเละญาติพี่น้องฝ่ายผู้ชายเอ็นดูลูกสาวเรามาก ไม่ต่างอะไรกับที่เราเอ็นดูเเฟนลูกสาวเรา
สิ่งที่เรามองเห็นในระยะเวลาเกินกว่าสี่ปีที่เค้าเป็นเเฟนกันนะคะ
เค้าช่วยกันติวการบ้าน เค้าชวนกันไปออกกำลังกาย เค้าออกเที่ยวภูเขา ทะเล น้ำตกด้วยกัน เค้าเเนะนำกันเรื่องการเรียน เค้าให้การช่วยเหลือซึ่งกันเเละกัน เราดีใจนะคะที่เราเห็นใครสักคนรักลูกสาวเรา คอยดูเเลลูกสาวเราในวันที่เค้าไม่อยู่กับเราเเล้ว
ปัจจุบันเด็กทั้งคู่เรียนจบเเล้วหล่ะค่ะ ย้ายไปอยู่ด้วยกันตั้งเเต่เรียนจบ มีงานมั่นคงทำเเล้วทั้งคู่ ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันเเล้วค่ะ เค้าวางเเผนชีวิตไว้กันได้ดีมาก เด็กอายุ 23 สองคนซื้อบ้านอยู่เองได้เเล้ว เราหมดห่วงเเล้วค่ะ
เรากับลูกสาวยังสนิทกันเหมือนเดิม เค้าจะโทรมาพูดคุยปรึกษาเราเป็นระยะ เราคุยกันได้ทุกๆเรื่อง ส่วนเเฟนเค้าก็สนิทกับครอบครัวเรามาก กลายเป็นลูกเราอีกคนไปเเล้ว เวลาเถียงกันเค้าก็จะโทรมาปรึกษาเรา
ความรักในวัยรุ่นวัยเรียน จริงๆเเล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดกันหรอกค่ะ มันอยู่ที่เราจะเเนะนำเค้ายังไง เรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนสองคนอยู่เเล้ว เมื่อเข้าสู่วัยเเรกรุ่น ร่างกายก็พร้อมเเล้วสำหรับเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่เราต้องทำคือเเนะนำ พูดคุยกับเค้าให้เข้าใจ ไม่ใช่ไปห้าม เพราะคุณจะไม่มีทางห้ามเค้าได้ ตราบใดที่เค้ายังรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ เราก็ต้องให้เกียรติในการตัดสินใจของเค้านะคะ
ช่วยลูกเราเเสกนเเฟนเค้าค่ะ เป็นคนดีมีความรับผิดชอบไหม ความคิดความอ่านมีเหตุผลไหม เเละต้องมองอย่างเป็นกลางนะคะ ถ้าเค้าไม่ใช่ผู้ชายโรคจิต หรือจำพวกหัวงูที่จะมาหลอกลูกเรา ก็ลองๆเปิดใจดูนะคะ เเละถ้าเด็กผู้ชายคนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกเรา คุณก็ต้องจำไว้อย่างว่า เค้ายังเป็นวัยรุ่นทั้งคู่ เเต่ถ้าเเฟนเค้าเป็นคนไม่เอาอ่าว เป็นพวกขยะสังคม ถึงเวลานั้นค่อยหาจิตวิทยาในการโน้มน้าวให้เค้าเลิกกันค่ะ เอาใจช่วยนะคะ
เราสอนลูกทุกเรื่องที่เราห่วง เรื่องการตั้งครรภ์ก่อนเวลาอันควร ผลเสียที่จะตามมา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกัน เเละทางออกเมื่อผิดพลาด
เราสอนเรื่องการคิด ถ้าความรักไม่เป็นในเเบบที่เค้าวาดไว้ การรักตัวเองให้มากก่อนที่จะทุ่มเทความรักให้กับใคร ทางออกเวลาที่ทะเลาะหรือมีปากเสียงกับเเฟน ทั้งหมดนี้เราพูดคุยกับเค้าจริงจังมาก นั่งคุยกันเเบบผู้ใหญ่สองคนคุยกัน
เราบอกว่า สิ่งที่เราห่วง ไม่ใช่เรื่องที่เค้ามีความรัก เเต่เป็นเรื่องของการป้องกันตัวเอง เเละการควบคุมอารมณ์ เมื่อความรักไม่เป็นไปในเเบบที่เค้าต้องการ เราพูดกับเค้าตรงๆเลยว่า ถ้าทะเลาะกันในวันที่ต้องสอบ จะยังสอบรู้เรื่องได้อยู่ไหม
เเฟนลูกสาวเรามาเที่ยวบ้านเราครั้งเเรกตั้งเเต่เทอมเเรกที่เป็นเเฟนกันนั่นเเหละค่ะ เค้าเรียนที่เดียวกัน อายุมากกว่ากันเเค่สองเดือนเอง เราให้การต้อนรับเหมือนกับลูกเราคนนึง ให้นอนห้องรับรองเเขก คุยกับเค้าในเรื่องที่เราเป็นห่วง นั่งคุยกันตรงๆนั่นเเหละค่ะ เเต่คุยเเบบผู้ใหญ่สองคนคุยกันนะคะ เราไม่เคยมองว่าเค้าเป็นเด็กเล็ก
ลูกสาวเราพาเเฟนเค้าไปเเนะนำให้ญาติพี่น้องทุกคนรู้จัก เเละเเฟนเค้าก็ทำเหมือนๆกัน พ่อเเม่เเละญาติพี่น้องฝ่ายผู้ชายเอ็นดูลูกสาวเรามาก ไม่ต่างอะไรกับที่เราเอ็นดูเเฟนลูกสาวเรา
สิ่งที่เรามองเห็นในระยะเวลาเกินกว่าสี่ปีที่เค้าเป็นเเฟนกันนะคะ
เค้าช่วยกันติวการบ้าน เค้าชวนกันไปออกกำลังกาย เค้าออกเที่ยวภูเขา ทะเล น้ำตกด้วยกัน เค้าเเนะนำกันเรื่องการเรียน เค้าให้การช่วยเหลือซึ่งกันเเละกัน เราดีใจนะคะที่เราเห็นใครสักคนรักลูกสาวเรา คอยดูเเลลูกสาวเราในวันที่เค้าไม่อยู่กับเราเเล้ว
ปัจจุบันเด็กทั้งคู่เรียนจบเเล้วหล่ะค่ะ ย้ายไปอยู่ด้วยกันตั้งเเต่เรียนจบ มีงานมั่นคงทำเเล้วทั้งคู่ ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันเเล้วค่ะ เค้าวางเเผนชีวิตไว้กันได้ดีมาก เด็กอายุ 23 สองคนซื้อบ้านอยู่เองได้เเล้ว เราหมดห่วงเเล้วค่ะ
เรากับลูกสาวยังสนิทกันเหมือนเดิม เค้าจะโทรมาพูดคุยปรึกษาเราเป็นระยะ เราคุยกันได้ทุกๆเรื่อง ส่วนเเฟนเค้าก็สนิทกับครอบครัวเรามาก กลายเป็นลูกเราอีกคนไปเเล้ว เวลาเถียงกันเค้าก็จะโทรมาปรึกษาเรา
ความรักในวัยรุ่นวัยเรียน จริงๆเเล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิดกันหรอกค่ะ มันอยู่ที่เราจะเเนะนำเค้ายังไง เรื่องเพศสัมพันธ์มันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนสองคนอยู่เเล้ว เมื่อเข้าสู่วัยเเรกรุ่น ร่างกายก็พร้อมเเล้วสำหรับเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่เราต้องทำคือเเนะนำ พูดคุยกับเค้าให้เข้าใจ ไม่ใช่ไปห้าม เพราะคุณจะไม่มีทางห้ามเค้าได้ ตราบใดที่เค้ายังรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ เราก็ต้องให้เกียรติในการตัดสินใจของเค้านะคะ
ช่วยลูกเราเเสกนเเฟนเค้าค่ะ เป็นคนดีมีความรับผิดชอบไหม ความคิดความอ่านมีเหตุผลไหม เเละต้องมองอย่างเป็นกลางนะคะ ถ้าเค้าไม่ใช่ผู้ชายโรคจิต หรือจำพวกหัวงูที่จะมาหลอกลูกเรา ก็ลองๆเปิดใจดูนะคะ เเละถ้าเด็กผู้ชายคนนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกเรา คุณก็ต้องจำไว้อย่างว่า เค้ายังเป็นวัยรุ่นทั้งคู่ เเต่ถ้าเเฟนเค้าเป็นคนไม่เอาอ่าว เป็นพวกขยะสังคม ถึงเวลานั้นค่อยหาจิตวิทยาในการโน้มน้าวให้เค้าเลิกกันค่ะ เอาใจช่วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
ห้วอกพ่อแม่เมื่อรู้ว่าลูกมีเพศสัมพันธ์
ตอนนี้สับสน หดหู่ แปลกๆ เศร้า