หาทัวร์เที่ยวครั้งแรก อันนี้โอเครมั้ยครับ ROMANTIC SWISS ALPS สวิตเซอร์แลนด์ 7 วัน 4 คืน

โปรแกรมในราคา 59,900 (ไม่รวม Visa) พอดีจะเพิ่งเคยไปครั้งแรกไม่ทราบทัวร์โปรแกรมนี้โอเครหรือปล่าวคครับ

วันที่ 1 กรุงเทพฯ

22.00 น. - คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบิเอมิเรตส์
วันที่ 2 กรุงเทพฯ - ดูไบ – ซูริค – ลูเซิร์น
01.05 น. - ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 01.15 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
05.00 น. - เดินทางถึง สนามบินดูไบ นำท่านเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อ
08.25 น. - ออกเดินทางสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  โดยเที่ยวบิน EK 087
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 08.40 น. และถึงซูริค เวลา 13.20 น.***
12.25 น. - เดินทางถึงสนามบินซูริค  (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั๋วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั๋วโมงในวันที่ 31 มีนาคม 2562) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน  จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก IBIS STYLES CITY หรือเทียบเท่า

วันที่ 3 ลูเซิร์น – จุงเฟรา – อินเทอลาเกน
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงามและยังเป็นที่ตั้งสถานีรถไฟขึ้นสู่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เเละเมื่อปี คศ.2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำคณะนั่งรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติ ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่จนถึง สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) เข้าชมถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็งลึกถึง 30 เมตร
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา อาหารพื้นเมือง
บ่าย - พาท่านชมวิวที่ลานสฟิงซ์ (Sphinx Terrace) จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป      ที่ระดับความสูงถึง 3,571 เมตร สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่ถึงชายแดนสวิส สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม.และหนาถึง 700 เมตร โดยไม่เคยละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานกับการถ่ายรูป เล่นหิมะบนยอดเขาและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขาและที่ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป นำคณะเดินทางลงจากยอดเขาโดยไม่ซ้ำเส้นทางเดิม ให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและแตกต่างกันจนถึง สถานีรถไฟเมืองลาวท์เทอบรุนเนิน(Lauterbrunnen) จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองอินเทอร์ลาเกน (Interlaken) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ   
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (สวิสฟองดูร์ชีส)
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก  CITY OBERLAND หรือเทียบเท่า 
(เพื่อความสะดวกของท่าน กรุณาเตรียมกระเป๋าสำหรับค้างคืนที่เซอร์แมน 1 คืน ในคืนถัดไป)

วันที่ 4 อินเทอลาเกน – เบิร์น – กลาเซียร์ 3000 – เซอร์แมท
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่กรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ.2010 นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านชมมาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และ     บูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี ชมนาฬิกาไซ้ท์ คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย - นำท่านเดินทางสู่เมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) เมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน นำท่านขึ้นกระเช้ายักษ์ ขึ้นสู่เขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) นำท่านเดินข้าม" The Peak Walk by Tissot"  สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ท่านจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ อันสวยงามแบบกว้างไกลสุดสายตา ***หมายเหตุ: เขากลาเซียร์ 3000 จะปิดทำการ ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน  คณะจะเปลี่ยนไปขึ้นกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat) แทน*** จากนั้นนำท่านสู่เมืองเซอร์แมท(Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิส จากนั้นนำท่านสู่เมืองเซอร์แมท(Zermatt)เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิส
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก DERBY  หรือเทียบเท่า 
*** ในกรณีที่ไม่ได้พักในเมืองเซอร์แมท ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นำพาท่านไปเดินเล่นที่เมืองเซอร์แมทและย้ายไปพักที่เมืองข้างเคียงแทน***

วันที่ 5 เซอร์แมท – โลซานน์ - ศาลาไทย
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระครึ่งวันช่วงเช้า โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้ข้อมูล หรือ คำแนะนำ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของตัวท่านเอง ให้ท่านอิสระเดินเที่ยวชมเมือง หรือ เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย หรือจะเลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อสัมผัสกับความงดงามของยอดเขาไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น (Klien Matterhorn) ที่สูงถึง 4,478 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดของเทือกเขาแอลป์ ชื่นชมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ณ จุดสูงที่สุดบริเวณไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น เข้าชมถ้ำน้ำแข็งที่อยู่สูงที่สุดในสวิส หรือนั่งรถไฟฟันเฟืองสู่สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway) ทำท่านเดินทางสู่จุดชมวิวที่ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ที่สวยงาม นำท่านเดินเท้าสู่บริเวณทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,757 เมตร โดยบริเวณทะเลสาบนี้เป็นเงาสะท้อนภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn's reflect) อันสุดสวยงามยิ่งนัก ( โดยปกติน้ำในทะเลสาบ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และ สภาพอากาศ ช่วงเวลาที่เดินทางไปชมอยู่ในช่วงกลางปี (พฤษภาคม – ตุลาคม) ถ้าช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง)
กลางวัน - อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย - นำท่านเดินทางโดยรถไฟสู่เมืองแทซ (Teasch) นำท่านเดินทางสู่เมืองโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทยเนื่องจากเป็นเมืองที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จย่า นำท่านชมชมสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ และถ่ายรูปกับ ศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก NOVOTEL LAUSANNE BUSSIGNY  หรือเทียบเท่า

วันที่ 6 โลซานน์ – มองเทรอซ์ - เข้าชมปราสาทชิลยอง - เวเว่ย์ - เจนีวา – สนามบิน
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองมองเทรอซ์ (Montreux)  เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ  นำท่านเข้าชมปราสาทชิลยอง (Chillon castle) ปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา  ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY จากนั้นเดินทางสู่เมืองเวเว่ย์ (Vevey) คือเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐโว ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา ต่างก็ขนานนามให้เมืองเวเว่ย์ เป็น "ไข่มุกแห่งริเวียร่าสวิส"ร้องไห้Pearls of the Swiss Riviera) ที่แม้แต่ศิลปินตลกชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด “ชาลี แชปลิน” ยังหลงไหลและได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ในบั้นปลายชีวิต
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย - นำท่านชมเมืองและถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นชาลี แชปลิน (Charlie Chaplin's statue) ตั้งบริเวณด้านหน้า Food Museum โดยที่มีซ้อมขนาดยักษ์ตั้งอยู่ในทะเลสาบ ทำให้มีการกล่าวติดตลกกันว่าเป็นรูปปั้นชาลี แชปลินกำลังหิว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล,แรงงานสากล ฯลฯ ถ่ายรูปกับ น้ำพุเจทโดที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับ นาฬิกาดอกไม้ สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา
20.40 น. - ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK 084
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 21.40 น. และถึงดูไบ เวลา 06.10 น.***

วันที่ 7 ดูไบ - กรุงเทพฯ
07.05 น. - เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น. - ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น.*** 
***คณะเดินทางวันที่ 12-18 เม.ย. 62 ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ EK 418 เวลา 08.45 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.15 น.***
18.40 น. - ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่