โปรแกรมในราคา 59,900 (ไม่รวม Visa) พอดีจะเพิ่งเคยไปครั้งแรกไม่ทราบทัวร์โปรแกรมนี้โอเครหรือปล่าวคครับ
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00 น. - คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบิเอมิเรตส์
วันที่ 2 กรุงเทพฯ - ดูไบ – ซูริค – ลูเซิร์น
01.05 น. - ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 01.15 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
05.00 น. - เดินทางถึง สนามบินดูไบ นำท่านเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อ
08.25 น. - ออกเดินทางสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเที่ยวบิน EK 087
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 08.40 น. และถึงซูริค เวลา 13.20 น.***
12.25 น. - เดินทางถึงสนามบินซูริค (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั๋วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั๋วโมงในวันที่ 31 มีนาคม 2562) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก IBIS STYLES CITY หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 ลูเซิร์น – จุงเฟรา – อินเทอลาเกน
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงามและยังเป็นที่ตั้งสถานีรถไฟขึ้นสู่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เเละเมื่อปี คศ.2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำคณะนั่งรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติ ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่จนถึง สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) เข้าชมถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็งลึกถึง 30 เมตร
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา อาหารพื้นเมือง
บ่าย - พาท่านชมวิวที่ลานสฟิงซ์ (Sphinx Terrace) จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ระดับความสูงถึง 3,571 เมตร สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่ถึงชายแดนสวิส สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม.และหนาถึง 700 เมตร โดยไม่เคยละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานกับการถ่ายรูป เล่นหิมะบนยอดเขาและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขาและที่ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป นำคณะเดินทางลงจากยอดเขาโดยไม่ซ้ำเส้นทางเดิม ให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและแตกต่างกันจนถึง สถานีรถไฟเมืองลาวท์เทอบรุนเนิน(Lauterbrunnen) จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองอินเทอร์ลาเกน (Interlaken) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (สวิสฟองดูร์ชีส)
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก CITY OBERLAND หรือเทียบเท่า
(เพื่อความสะดวกของท่าน กรุณาเตรียมกระเป๋าสำหรับค้างคืนที่เซอร์แมน 1 คืน ในคืนถัดไป)
วันที่ 4 อินเทอลาเกน – เบิร์น – กลาเซียร์ 3000 – เซอร์แมท
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่
กรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ.2010 นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านชมมาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และ บูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี ชมนาฬิกาไซ้ท์ คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย - นำท่านเดินทางสู่
เมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) เมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน นำท่าน
ขึ้นกระเช้ายักษ์ ขึ้นสู่เขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) นำท่านเดินข้าม
" The Peak Walk by Tissot" สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ท่านจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ อันสวยงามแบบกว้างไกลสุดสายตา
***หมายเหตุ: เขากลาเซียร์ 3000 จะปิดทำการ ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน คณะจะเปลี่ยนไปขึ้นกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat) แทน*** จากนั้นนำท่านสู่เมืองเซอร์แมท(Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิส
จากนั้นนำท่านสู่เมืองเซอร์แมท(Zermatt)เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขา
แมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิส
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก
DERBY หรือเทียบเท่า
*** ในกรณีที่ไม่ได้พักในเมืองเซอร์แมท ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นำพาท่านไปเดินเล่นที่เมืองเซอร์แมทและย้ายไปพักที่เมืองข้างเคียงแทน***
วันที่ 5 เซอร์แมท – โลซานน์ - ศาลาไทย
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
อิสระครึ่งวันช่วงเช้า โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้ข้อมูล หรือ คำแนะนำ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของตัวท่านเอง ให้ท่านอิสระเดินเที่ยวชมเมือง หรือ เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย หรือจะเลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อสัมผัสกับความงดงามของ
ยอดเขาไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น (Klien Matterhorn) ที่สูงถึง 4,478 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดของเทือกเขาแอลป์ ชื่นชมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ณ จุดสูงที่สุดบริเวณไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น
เข้าชมถ้ำน้ำแข็งที่อยู่สูงที่สุดในสวิส หรือนั่ง
รถไฟฟันเฟืองสู่สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway) ทำท่านเดินทางสู่จุดชมวิวที่ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ที่สวยงาม นำท่านเดินเท้าสู่บริเวณทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,757 เมตร โดยบริเวณทะเลสาบนี้เป็น
เงาสะท้อนภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn's reflect) อันสุดสวยงามยิ่งนัก
( โดยปกติน้ำในทะเลสาบ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และ สภาพอากาศ ช่วงเวลาที่เดินทางไปชมอยู่ในช่วงกลางปี (พฤษภาคม – ตุลาคม) ถ้าช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง)
กลางวัน - อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย - นำท่านเดินทางโดยรถไฟสู่
เมืองแทซ (Teasch) นำท่านเดินทางสู่
เมืองโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทยเนื่องจากเป็นเมืองที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จย่า นำท่านชมชม
สวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ และถ่ายรูปกับ
ศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก
NOVOTEL LAUSANNE BUSSIGNY หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 โลซานน์ – มองเทรอซ์ - เข้าชมปราสาทชิลยอง - เวเว่ย์ - เจนีวา – สนามบิน
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ นำท่านเข้าชมปราสาทชิลยอง (Chillon castle) ปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY จากนั้นเดินทางสู่เมือง
เวเว่ย์ (Vevey) คือเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐโว ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา ต่างก็ขนานนามให้เมืองเวเว่ย์ เป็น
"ไข่มุกแห่งริเวียร่าสวิส"Pearls of the Swiss Riviera) ที่แม้แต่ศิลปินตลกชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด “ชาลี แชปลิน” ยังหลงไหลและได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ในบั้นปลายชีวิต
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย - นำท่านชมเมืองและถ่ายรูปคู่กับ
รูปปั้นชาลี แชปลิน (Charlie Chaplin's statue) ตั้งบริเวณด้านหน้า Food Museum โดยที่มีซ้อมขนาดยักษ์ตั้งอยู่ในทะเลสาบ ทำให้มีการกล่าวติดตลกกันว่าเป็นรูปปั้นชาลี แชปลินกำลังหิว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่
เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล,แรงงานสากล ฯลฯ ถ่ายรูปกับ
น้ำพุเจทโดที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับ นาฬิกาดอกไม้ สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา
20.40 น. - ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดย
เที่ยวบินที่ EK 084
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 21.40 น. และถึงดูไบ เวลา 06.10 น.***
วันที่ 7 ดูไบ - กรุงเทพฯ
07.05 น. - เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น. - ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน
เอมิเรตส์ เที่ยวบินที่
EK 372
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น.***
***คณะเดินทางวันที่ 12-18 เม.ย. 62 ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ EK 418 เวลา 08.45 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.15 น.***
18.40 น. - ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
หาทัวร์เที่ยวครั้งแรก อันนี้โอเครมั้ยครับ ROMANTIC SWISS ALPS สวิตเซอร์แลนด์ 7 วัน 4 คืน
วันที่ 1 กรุงเทพฯ
22.00 น. - คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์ T สายการบิเอมิเรตส์
01.05 น. - ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 385
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 01.15 น. และถึงดูไบ เวลา 04.45 น.***
05.00 น. - เดินทางถึง สนามบินดูไบ นำท่านเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อ
08.25 น. - ออกเดินทางสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเที่ยวบิน EK 087
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 08.40 น. และถึงซูริค เวลา 13.20 น.***
12.25 น. - เดินทางถึงสนามบินซูริค (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั๋วโมง และจะเปลี่ยนเป็น 5 ชั๋วโมงในวันที่ 31 มีนาคม 2562) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เดินทางสู่เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา จากนั้นพาท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก IBIS STYLES CITY หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 ลูเซิร์น – จุงเฟรา – อินเทอลาเกน
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงามและยังเป็นที่ตั้งสถานีรถไฟขึ้นสู่ ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) เเละเมื่อปี คศ.2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำคณะนั่งรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติ ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่จนถึง สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) เข้าชมถ้ำน้ำแข็ง (Ice Palace) ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็งลึกถึง 30 เมตร
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา อาหารพื้นเมือง
บ่าย - พาท่านชมวิวที่ลานสฟิงซ์ (Sphinx Terrace) จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป ที่ระดับความสูงถึง 3,571 เมตร สามารถมองเห็นได้กว้างไกลที่ถึงชายแดนสวิส สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม.และหนาถึง 700 เมตร โดยไม่เคยละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานกับการถ่ายรูป เล่นหิมะบนยอดเขาและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขาและที่ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ดโดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป นำคณะเดินทางลงจากยอดเขาโดยไม่ซ้ำเส้นทางเดิม ให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและแตกต่างกันจนถึง สถานีรถไฟเมืองลาวท์เทอบรุนเนิน(Lauterbrunnen) จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองอินเทอร์ลาเกน (Interlaken) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (สวิสฟองดูร์ชีส)
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก CITY OBERLAND หรือเทียบเท่า
(เพื่อความสะดวกของท่าน กรุณาเตรียมกระเป๋าสำหรับค้างคืนที่เซอร์แมน 1 คืน ในคืนถัดไป)
วันที่ 4 อินเทอลาเกน – เบิร์น – กลาเซียร์ 3000 – เซอร์แมท
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่กรุงเบิร์น (Bern) ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ.2010 นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านชมมาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และ บูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี ชมนาฬิกาไซ้ท์ คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
บ่าย - นำท่านเดินทางสู่เมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) เมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน นำท่านขึ้นกระเช้ายักษ์ ขึ้นสู่เขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) นำท่านเดินข้าม" The Peak Walk by Tissot" สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ท่านจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ อันสวยงามแบบกว้างไกลสุดสายตา ***หมายเหตุ: เขากลาเซียร์ 3000 จะปิดทำการ ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน คณะจะเปลี่ยนไปขึ้นกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat) แทน*** จากนั้นนำท่านสู่เมืองเซอร์แมท(Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิส จากนั้นนำท่านสู่เมืองเซอร์แมท(Zermatt)เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิส
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก DERBY หรือเทียบเท่า
*** ในกรณีที่ไม่ได้พักในเมืองเซอร์แมท ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์นำพาท่านไปเดินเล่นที่เมืองเซอร์แมทและย้ายไปพักที่เมืองข้างเคียงแทน***
วันที่ 5 เซอร์แมท – โลซานน์ - ศาลาไทย
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม อิสระครึ่งวันช่วงเช้า โดยมีหัวหน้าทัวร์ให้ข้อมูล หรือ คำแนะนำ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของตัวท่านเอง ให้ท่านอิสระเดินเที่ยวชมเมือง หรือ เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย หรือจะเลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้าเพื่อสัมผัสกับความงดงามของยอดเขาไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น (Klien Matterhorn) ที่สูงถึง 4,478 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดของเทือกเขาแอลป์ ชื่นชมกับทิวทัศน์ที่สวยงาม ณ จุดสูงที่สุดบริเวณไคลน์แมทเทอร์ฮอร์น เข้าชมถ้ำน้ำแข็งที่อยู่สูงที่สุดในสวิส หรือนั่งรถไฟฟันเฟืองสู่สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway) ทำท่านเดินทางสู่จุดชมวิวที่ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ที่สวยงาม นำท่านเดินเท้าสู่บริเวณทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,757 เมตร โดยบริเวณทะเลสาบนี้เป็นเงาสะท้อนภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn's reflect) อันสุดสวยงามยิ่งนัก ( โดยปกติน้ำในทะเลสาบ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และ สภาพอากาศ ช่วงเวลาที่เดินทางไปชมอยู่ในช่วงกลางปี (พฤษภาคม – ตุลาคม) ถ้าช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง)
กลางวัน - อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย - นำท่านเดินทางโดยรถไฟสู่เมืองแทซ (Teasch) นำท่านเดินทางสู่เมืองโลซานน์ (Lausanne) ซึ่งตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทยเนื่องจากเป็นเมืองที่เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จย่า นำท่านชมชมสวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ และถ่ายรูปกับ ศาลาไทย ที่รัฐบาลไทยส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
ค่ำ - รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
ที่พัก - เดินทางเข้าสู่ที่พัก NOVOTEL LAUSANNE BUSSIGNY หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 โลซานน์ – มองเทรอซ์ - เข้าชมปราสาทชิลยอง - เวเว่ย์ - เจนีวา – สนามบิน
เช้า - รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่าริเวียร่าของสวิส ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ นำท่านเข้าชมปราสาทชิลยอง (Chillon castle) ปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY จากนั้นเดินทางสู่เมืองเวเว่ย์ (Vevey) คือเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐโว ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา ต่างก็ขนานนามให้เมืองเวเว่ย์ เป็น "ไข่มุกแห่งริเวียร่าสวิส"Pearls of the Swiss Riviera) ที่แม้แต่ศิลปินตลกชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด “ชาลี แชปลิน” ยังหลงไหลและได้อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ในบั้นปลายชีวิต
กลางวัน - รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
บ่าย - นำท่านชมเมืองและถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นชาลี แชปลิน (Charlie Chaplin's statue) ตั้งบริเวณด้านหน้า Food Museum โดยที่มีซ้อมขนาดยักษ์ตั้งอยู่ในทะเลสาบ ทำให้มีการกล่าวติดตลกกันว่าเป็นรูปปั้นชาลี แชปลินกำลังหิว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล,แรงงานสากล ฯลฯ ถ่ายรูปกับ น้ำพุเจทโดที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับ นาฬิกาดอกไม้ สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา
20.40 น. - ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK 084
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 21.40 น. และถึงดูไบ เวลา 06.10 น.***
วันที่ 7 ดูไบ - กรุงเทพฯ
07.05 น. - เดินทางถึงสนามบินดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น. - ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372
***คณะเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 62 เป็นต้นไป ออกเดินทาง เวลา 09.40 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.55 น.***
***คณะเดินทางวันที่ 12-18 เม.ย. 62 ออกเดินทางโดยเที่ยวบินที่ EK 418 เวลา 08.45 น. และถึงกรุงเทพฯ เวลา 18.15 น.***
18.40 น. - ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ