น่าน เมืองเล็กๆ ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ผู้คนน่ารัก คือเหตุผลของเราสำหรับการเดินทางครั้งนี้ในช่างเดือน ตุลาคม 2561 เป็นทริป 5 วัน 4 คืน
ประมาณว่ากางเต็นท์บนดอย 2 คืน แล้วก็พักรีสอทร์ 2 คืน เด็กๆจะได้ไม่เหนื่อยมากนัก
ว่าแล้วก็ตามมาเลยครับ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ จุดหมายคือ ดอยเสมอดาวครับ ระยะทางกำลังดี 643 km. คำนวณจาก GPS ก็ประมาณ 9 ชั่วโมงครับ เราใช้ทางหลวงเส้น 1047
คาดว่าน่าจะถึง ดอยเสมอดาวเวลา 15.00 น  เอาเข้าจริงกว่าจะไปถึงปาไป 16.30 ต้องจอดรถข้างล่างแล้วต้องขนของสำหรับกางเต๊นท์และทำอาหารขึ้นไปตรงลานกางเต๊นท์ของอุทยานครับ เจ้าหน้าที่บอกว่านักท่องเที่ยวมากันเยอะมากครับลานจอดรถด้านบนเต็มหมดแล้ว งานเข้าแล้ว
สุดท้ายก็มาถึงจนได้ครับ ภาพโดยรวมครับ

ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ของเอกชนครับ จะอยู่ด้านหลังของอุทยานครับ

คืนนี้ก็นอนดูดาวที่นี้ 1 คืนครับ สำหรับแผนวันพรุ่งนี้ก็เขาตัวเมืองน่าน แล้วก็ไปนอนที่ดอยภูคาครับ
เช้าวันที่ 2 ของเราครับ ออกจากดอยเสมอดาว 9.30 น ระยะทางถึงตัวเมืองน่าน 80 km. ระหว่างทางก็หาร้านข้างทางรองท้องมื้อเช้าก่อนกว่าจ ถึงตัวเมืองน่านประมาณ 11.00 น ครับ 
ถึงแล้วครับ จุดหมายแรกของเรา วัดภูมินทร์ครับ อยากไปกระซิบรักเสียหน่อย สวยงามมากครับ
 
วัดภูมินทร์  ไม่ไกลกับวัดมากก็จะเป็นลานหน้าถนนคนเดิน แล้วก็พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน
มุมถ่ายรูปตรงลานแสดงข้างวัดภูมินทร์ครับ

ซุ้มอุโมงค์ลิลาวดี อยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ครับ

ภายในพิพิธภัณฑ์ เข้ามาถ่ายรูปได้ไม่เสียค่าเข้าครับ เราอยู่ได้ไม่นานมากเพราะเด็กๆ เสียงดังเกิน

ถึงตอนนี้ก็ได้เวลาเมื่อเที่ยงแล้วครับ อย่างที่เขาบอกกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลือกร้านเฮือนฮอมครับ คนจะเยอะแค่ไหนก็จะทานให้ได้ครับ
ตามที่เขาบอกมาใครมาเมืองน่าน ต้องกินร้านนี้ เป็นจริงตามคาดครับคนเยอะมาก ทัวร์ลงอีกต่างหาก

ในที่สุดก็ได้ทานสมใจอยาก บรรยากาศร้านครับ เป็นร้านเปิดโล่ง แต่ส่วนของผมได้เป็นห้องด้านหลัง มีแอร์ครับ ไม่สวยเหมือนด้านหน้า
จ่ายเงินเสดสับ เจ้าของร้านบอกว่าวันนี้มีงานที่ถนนคนเดิน อ่าวเหรอครับ แผนคือวันนี้ต้องไปนอนที่ดอยภูคา เหลือบเห็นหน้าแฟนเหมือนอยากเดินที่
งานนี้มากกว่า แผนมีก็เปลี่ยนได้ครับ หาที่พักซิครับ เราได้ที่พักในเมื่องเป็นอพาร์ทเม้นท์รายวันครับ คืนละ 500 ครับ เจ้าของเป็นป้าใจดีมากครับ
แวะเข้าที่พักก่อนครับ เอาแรงหน่อย
เราออกจากที่พักประมาณ 17.00 ครับ มาน่านก็ต้องไป วัดพระธาตุเขาน้อย  ถึงแล้วครับเร็วเกิน ขับรถมาประมาณ 20 นาทีเองครับ


พระอาทิตย์เริ่มตกดินแล้วครับ ดูเหมือนแฟนอยากไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินแล้วครับ ป้าเจ้าของที่พักบอกเราให้จอดรถที่โรงพักครับ เดินมาไม่ไกลก็จะถึงครับ ดีที่เราเชื่อป้า คนเยอะมากครับ ที่จอดรถไม่มีเลยครับต่างจากตอนกลางวันที่มามากครับ

บรรยากาศยามค้ำของถนนคนเดินหน้าวัดภูมินทร์ครับผม ส่วนใหญ่คนจะซื้อของกินมานั้งกินตามที่เจ้าหน้าทีจัดให้ครับ นั้งปูเสื่อ แบบขันโตก

หมดไปอีกหนึ่งคืน
เช้าวันที่ 3 ออกเดินทางจากตัวเมืองน่านไปอำเภอบ่อเกลือครับ จะไปดูบ่อเกลือโปราณครับผม ระยะทางประมาณ 100 km. ผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา
เราใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 เส้นนี้เขาบอกว่าวิวสวยครับ หรือเรียกว่าถนนลอยฟ้าครับ มาถึงบ่อเกลือก็ประมาณ 12.00 น หิวซิครับ
ร้านบ่อเกลือวิวคือแผนที่ปักหมุดไว้แล้วครับ

บรรยากาศร้านบ่อเกลือวิวครับ ภาพแรกขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะครับ

จุดหมายต่อไปเลยครับ น้ำตกสะปัน ขับเลยหมู่บ้านสะปันมาหน่อยครับ ห่างจากบ่อเกลือประมาณ 10 km ครับ.

แฟนใจไม่ถึงครับ เลยไปได้ไม่สุดเสียดายจัง วันนี้แค่นี้ก่อนครับ ค่อยมาต่อภาค 2 ต่อครับ น่านเหนือครับผม

หลังจากได้ลง Post แรกไป วันนี้ก็เลยมาต่อภาค 2 น่านเหนือ อำเภอเชียงกลาง ที่มาก็คือไปเดินงานไทยเที่ยวไทย เจอบูท ของแสงทองรีสอร์ท
หลงคารมของน้องคนขาย เลยซื้อ Package มา 2 คืน ราคา 2000 รวมอาคารเช้า 2 มือ 4 คน
เราออกเดินทางจากน้ำตกสะปั่น ประมาณ 15.00 ครับ จุดหมายต่อไปครับ กาแฟบ้านไทลื้อ ลำดวนผ้าทอ ระยะทาง 54 km กลับทางเดิมครับ เส้น1256
ถึงแล้วครับกาแฟบ้านไทลื้อ ไม่ค่อยจะได้ถ่ายรูปมากครับ มั่วแต่วื่งไล่จับตัวเล็ก
ได้เวลาเดินทางต่อขึ้นเหนือ อำเภอเชียงกลางตอนเหนือของน่านครับ จุดหมายคือแสงทองรีสอร์ทครับ
ระยะทาง 25 km. มาตามทางหลวงหมายเลข 101 ถึงแล้วครับผม
นอนพักเอาแรงได้หน่อย ตกเย็นเด็กๆก็ขอไปเล่นน้ำที่สระครับ
มื่อเย็นก็ฝากท้องที่ร้านอาหารของรีสอร์ทนี้แหละครับ
เช้าวันที่ 4 ครับ ตื่น 6 โมงเช้า ตื่นเร็วเพราะว่าที่นี้มีกิจกรรมปั่นจักรยาน โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางแสงทองเป็นผู้นำปั่นเที่ยวครับ
ไปกันเลย
ปั่นกลับมาถึงรีสอร์ท เด็กๆก็พร้อมพอดี ไปต่อกันเลยครับ โรงงานยาสูบเก่าครับ

สายๆก็กลับมาที่พัก เดินเล่นในที่พักครับ

สำหรับคืนนี้ก็นอนที่นี้อีก 1 คืน 
จบปริปเมืองน่าน อำเภอปัว อำบ่อเกลือ  สุดท้ายที่น่านเหนืออำเภอเชียงกลาง ขอบคุณที่พัก แสงทองรีสอร์ท