"เอาจริงดิ? แกจะไปจีนคนเดียวเนี่ยนะ"
แอ้ถามฉันหลังจากที่เราคุยกันเรื่องวันหยุดช่วงวันพ่อ
ยอมรับว่าเป็นทริปที่ตัวเองก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน เพราะเดิมทีกะว่าจะเก็บชั่วโมงบินเดี่ยวของตัวเองให้เยอะกว่านี้ เพื่อไปตะลุยเมืองที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แถมหาข้อมูลก็แสนจะยากเย็นอย่างพี่จีน แต่ในเมื่อราคาค่าตั๋วมันล่อตาล่อใจ เหตุไฉนจึงต้องคิดมาก (ฮา)
5 ธันวาคม
ณ สนามบินดอนเมือง
ระหว่างที่เราต่อแถว check-in ตัวเองแอบเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้สาวชาวไทยข้างหน้าใส่ขาสั้น สั้นแบบเสมอ แบบเห็นแก้มเลย ส่วนผู้ชายอีกคนก็ใส่เสื้อกล้าม กางเกงมวยขาบาน ๆ พริ้ว ๆ ปักศิษย์ใครก็ว่าไป.. ซึ่งก่อนตัวเองมาคือเช็คพยากรณ์อากาศแล้วมันหนาวเลขตัวเดียว นี่ได้แต่สงสัยว่าเรากับเขากำลังจะไปเมืองเดียวกันจริง ๆ ใช่ไหม? แต่ก็ขาเขาอ่ะเนาะ เรานี่แหละที่เดือดร้อนเอง ฮาาา
อีกประมาณ 1ชั่วโมงจะถึงเวลา boarding time แต่ตัวเองขอหลบความวุ่นวายในมุมเงียบ ๆ สักแพร๊บ ต้องบอกว่าการจะมานอบน้อมไม่สู้คนเหมือนตอนไปญี่ปุ่นคงหาทำได้ไม่ เพราะพี่จีน(ที่พบเจอตอนนี้)ไม่สนใจผู้ใดเลย ฉันจะเดินก็เดิน ชนก็ชน แซงคิวก็จะแซง ซึ่งเราต้องปั้นหน้าตึงตลอดเวว่าอย่าแซงคิว (ฮาา) เกตที่เราต้องขึ้นเครื่องคือเกต 2 ซึ่งอยู่ชั้นล่าง เหมือนเป็นแหล่งศูนย์รวมไฟล์ทจีนที่แท้ทรู (นี่ตั้งใจจัดให้รวมกันอยู่ในรูหรอ ถามจริง) มวลมหาประชาชนล้นหลามจนเราหายใจไม่ออก คิดในใจตอกย้ำเหมือนข้างต้นว่า "ทริปนี้ไม่ง่ายจริง ๆ"
หลังจากถูกเรียกให้ขึ้นเครื่อง ซึ่งขนาดเล็ก แบ่งซ้ายขวาฝั่งละ 3 ที่ แต่ความฉองแฉงของผู้ร่วมทางช่างแตกต่าง โอ้โห!! แต่ละคนคือโคตรเม้ามอย บางกลุ่ม(ซึ่งนั่งอยู่หน้าเรานี่แหละ)ไล่ถ่ายวีดีโอสัมภาษณ์คนในกลุ่มไปเรื่อย ๆ รวมถึงข้ามหัวเราด้วย...
ค่ะ เอาที่สบายใจ
และความร้อนแรงของลุง ๆ ป้า ๆ ก็ยังไม่หมด เชื่อไหมว่าตลอด 4 ชั่วโมงที่นั่งเครื่อง ไม่มีวินาทีไหนที่เงียบ ทุกคนเม้ามอย เดินเหินอย่างอิสระตลอดทั้งเครื่อง บางจังหวะหยิบทุเรียนมากินกันอย่างสนุกสนาน...และก็แจ็คพอตมากินตรงแถว ๆ ที่เรานั่งจนแอร์ต้องเข้าไปเตือนและหันมาขอโทษเรา
ปวดหัวทั้งกลิ่น ปวดหัวทั้งเสียง
ในที่สุดเครื่องก็ landing!! อากาศข้างนอก 9 องศาพร้อมสายฝนซึ่งไม่ได้ตกเล่น ๆ ปรอย ๆ ต้อนรับเรา อีนี่รีบเดินสั่นงก ๆ ไปตม. ซึ่งแถวของต่างชาติมีเพียง 3 คนเท่านั้น...(แต่ตัวเองก็ออกจากเครื่องช้าด้วยแหละ) ไม่มีการถามอะไร และกงศุลก็ไม่ถามอะไร ผ่านมาใส ๆ ฉะนั้นแล..
เอาวะ!! อย่างน้อยก็มีอะไรที่ง่ายสำหรับที่นี่
เราจองเครื่องมาลงที่เมืองหนานจิงค่ะ แต่ที่นี่จะเป็นที่เที่ยวของเราก่อนกลับ เพราะเราจะไปหังโจวก่อน นี่คือบรรยากาศภายในสนามบิน Nanjing Lukou International Airport ของเมืองหนานจิงเขาแหละ ใหญ่โต สะอาด อลังการ และเราแอบดีใจตรงที่สิ่งที่เราเห็นตรงกับใน Google ฮาาา และเนื่องจากเราถึงที่นี่ค่อนข้างดึก และยังไม่กล้านอนในสนามบิน (เพราะเห็นว่าสนามบินบางที่ของจีนจะปิดด้วย) เราเลยนอนโรงแรมของสนามบินค่ะ หนึ่งคืน 2,7xx บาท เป็นค่าที่พักสำหรับหนึ่งคืนที่แพงที่สุดในชีวิตที่จองมา (ฮาาา ภายใต้เสียงฮามีน้ำตาซ่อนอยู่) แต่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี และช่วยชะนีไทยคนนี้ตอนเดินหลงในโรงแรมได้เป็นอย่างดี (เหอะ ๆ)
[CR] บันทึกการเดินทาง : Hangzhou-Wuxi-Nanjing ผู้หญิงคนเดียวต้องอดทน แม้ในวันที่ฝนพรำ??
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้