กลับมาพบกันอีกแล้ววันศุกร์ขึ้นเขาวันเสาร์ลงห้วย 
วันนี้เราจะพาทุกคนเก็บกระเป๋า ยื่นใบลา 
แล้วมาล่องใต้ในวันธรรมดา สงขลา-สตูลกัน
♥️
♥️
♥️

ขอเกริ่นเล็กๆ น้อยก่อนจะออกไปเที่ยวกัน 
ขอขอบคุณกิจกรรมดีดีจาก
♥️ ppantip.com
♥️ Amazing ไทยเท่
♥️  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 
♥️ และ Airasia

ที่ทำให้เราได้มีโอกาสได้กลับมาเยือนถิ่นสงขลาและสตูลอีกครั้ง ในฐานะนักท่องเที่ยวคนนึง >< ...เพราะครั้งนึงเราเองก็มีโอกาสได้มาเรียนได้มาใช้ชีวิตที่จังหวัดสงขลาถึง 4 ปีเต็มๆ ตอนเด็กๆ ก็มาเที่ยวสงขลาบ่อยมากๆ เพราะบ้านพ่อเฒ่าเราอยู่ที่นี่ค่ะ ก็ขอแอบเนียนๆ เป็นคนสงขลาอีกคนนึงนะคะ ส่วนจังหวัดสตูลนั้นเรามีโอกาสได้ไปแค่ไม่กี่ครั้งเอง จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว 

ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีดีที่จะเป็นคนปักษ์ใต้ที่ได้ลองรักปักษ์ใต้ ในมุมมองอื่นๆ ดูสักครั้ง ♥️

เจ้านายอนุมัติใบลาแล้ว
ไปเที่ยวกันนนน ♥️

แพลนการเดินทางของทริปนี้
วันที่ 1
- ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง โดยสารการบินแอร์เอเชียร์ เที่ยวบินที่ FD 3102 เวลา 06.30-08.05 น.
- เดินเล่นชมย่านเมืองเก่าสงขลา
- เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และ พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์
- ทานมื้อเที่ยงที่ร้านแต้งอิ๊ว ร้านอาหารเก่าแก่ของจังหวัดสงขลา
- เที่ยวแหลมสมิหลา รูปปั้นนางเงือก
- พักที่โรงแรมเซ็นทาราหาดใหญ่

วันที่ 2
- เดินทางไปจังหวัดสตูล
- เที่ยวสวนควนข้อง สวนหม้อข้าวหม้อแกงลิง
- ทานอาหารท้องถิ่นที่ อบต.ทุ่งหว้า
- ชมพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า
- ล่องคายักเข้าชมถ้ำเลสเตโกดอน
- ชมพระอาทิตย์ตกที่เขตข้ามกาลเวลา เขาโต๊ะหงาย  ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา
- ทานเมนูดึกดำบรรพ์ที่ร้านริมเล
- โรตีชาชัก ร้านชาชักปากบารา
- พักที่โรงแรมเลค เทอเรส จังหวัดสตูล

วันที่ 3
- เดินทางไปบ้านบ่อเจ็ดลูก ชมโบราณสถานบ้านบ่อเจ็ดลูก
- นั่งเรือหัวโทงชมทะเลแหวก สันหลังมังกร ผาใช้หนี้
- ถ้ำลอดพบรัก
- ล่องแคนนูชมปราสาทหินพันยอด
- ตามหาหัวใจของเกาะเขาใหญ่
- ทานเมนูตามมีตามเกิดที่ชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก
- ทำขนมผูกรัก บ้านเจ๊ะบิลัง
- เดินทางกลับหาดใหญ่ เพื่อกลับกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD 3111 เวลา 19.40-21.05 น.

เรานั่งแท็กซี่มาสนามบินดอนเมืองตอนตี 3  แน่นอนว่า ยังไม่ได้นอน ตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลยจะหกโมงเช้า แฮร!!! ทีมงานนัดเจอที่สนามบินตอนตี 5 หลังจากลงทะเบียนรับเสื้อ และของที่ระลึกเป็นหมอนรองคอ เช็คอิน โหลดกระเป๋า ขึ้นเครื่องเรียบร้อย เราก็พร้อมนอนแล้วค่ะ ตื่นอีกทีคือตอนทานข้าวไก่เทอริยากิ ใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงสนามบินหาดใหญ่ แล้วมุ่งหน้าสู่ย่านเมืองเก่า ของ อ.เมือง จ.สงขลา ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ 


กาลครั้งหนึ่ง ณ สงขลา
3 ถนน 2 ทะเล ล้านความทรงจำ

อย่างที่เราได้เกริ่นไว้ในตอนต้นว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้มาเรียนได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ค่ะ (ประมาณเมื่อ 6 ปีก่อน) ในสมัยนั้นบริเวณย่านเมืองเก่าสงขลา หรือสงขลาบ่อยาง ยังไม่เจริญและพัฒนาเท่าปัจจุบันนี้ ยังไม่มี Street Art ให้เรามาเดินถ่ายรูป มีร้านกาแฟอยู่เพียงไม่กี่ร้าน เมื่อก่อนเราชอบขับมอเตอร์ไซค์มากินไอติมโอ่งกับเพื่อนๆ มาครดกระดูกหมูต้มยำที่ร้านเจ๊นิ นานทีจะได้มานั่งจิบกาแฟทานเค้กกันที่ร้าน Secret Gardent หรือ EP เพราะด้วยเป็นนิสิตนักศึกษาที่เบี้ยน้อยหอยน้อยยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ ซึ่งเราจะเรียกย่านเมืองเก่าแห่งนี้กันติดปากว่า “หนนนางงาม” แต่จริงๆ แล้ว หนนนางงาม หรือ ถนนนางงาม เป็นเพียงชื่อถนนเส้นนึงของย่านเมืองเก่าสงขลาเท่านั้น ซึ่งแต่เดิมถนนหลักจะมีอยู่สองสายคือ ถนนนครนอก และ ถนนนครในค่ะ ต่อมาได้มีการตัดถนนเก้าห้องเพิ่ม เพื่อใช่เฉลิมฉลองงานสมโภชเสาหลักเมือง ภายหลักเรียกกันว่า ถนนนางงาม
ส่วนชื่อถนนนางงามนี้มาจากไหนไม่แน่ใจเลยค่ะ บางคนก็เล่าว่า มีสาวสวยไปประกวดนางงาม แล้วบ้านอยู่แถวนี้ ก็เลยได้ชื่อเป็นถนนนางงาม บ้างก็บอกว่า สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นท่าเทียบเรือ แล้วจะมีร้านรวงที่เต็มไปด้วยสาวๆ สวยๆ มานั่งอยู่หน้าร้าน เลยได้ชื่อว่า ถนนนางงาม 

ซึ่งปัจจุบัน ถนนนครนอก นครใน และ ถนนนางงาม เปลี่ยนแปลงไปมากค่ะ มีร้านค้า ร้านกาแฟน่ารักๆ มากมาย มีภาพ Street Art ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนสงขลาในอดีตและเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในนี่ ร้านที่เก่าแก่ดั้งเดิมก็ยังคงอยู่ ทำให้นึกถึงช่วงชีวิตสมัยเรียนมหาลัยมากๆ 

ย่านเมืองเก่าสงขลาเต็มไปด้วยตึกแถวแบบจีนดั้งเดิม หรือแบบที่ได้รับอิทธิพลศิลปะอาร์ตเดโคอาร์ตนูโว มีอาคารสไตล์ไทยมุสลิมที่ตกแต่งด้วยไม้ฉลุลาย รวมทั้งอาคารโคโลเนียนที่ผสมศิลปะจีนและพื้นถิ่นอีกด้วยค่ะ


จากแผนที่เราเริ่มออกสำรวจย่านเมืองเก่าสงขลา เริ่มเดินเท้า จาก หับ โห้ หิ้น

หับ โห้ หิ้น หรือโรงหินแดง 
สร้างในปี 2464 โดยขุนราชกิจการีย์ (ซุ่นเลี่ยง เสาวพฤกษ์) ในอดีตคือโรงสีข้าวขนาดใหญ่ มีปล่องไฟสูง 34 เมตร ใช้สังกะสีเนื้อหนาสีแดงจากไอร์แลนด์ 
ปัจจุบันด้านในเป็นสำนักงานของภาคีคนรักเมืองสงขลาสมาคม

อาคารหมออัมพร
เป็นตึกปูนสองชั้น เป็นสถาปัตยกรรมอย่างฝรั่ง ปัจจุบันเป็นร้าน Songkhla Station ที่เป็นทั้งร้านกาแฟและจุดข้อมูลท่องเที่ยว เห็นตึกนี้แล้วก็คล้ายๆ กับอาคารเก่าๆ ในเมืองหลวงพระบาง หรือ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต

บ้านนครใน
บ้านโบราณเก่าทรงจีนอายุกว่า 100 ปี และอาคารสีขาวสร้างใหม่ สไตล์ชิโนยูโร  เป็นของกระจ่าง จารุพฤกษ์พันธ์ ซึ่งตั้งใจทำขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัว ภายในมีการจัดแสดงข้าวของโบราณแบบจีน ถ้วยจาน โต๊ะและมานั่งแบบจีน
นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงรูปปั้นและพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 9 อีกด้วยค่ะ 



ศาลเจ้าพ่อกวนอู
สร้างเมื่อ พ.ศ.2538 ด้วยเงินบริจาคของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่นับถือศาสนาพุทธ
แมวดำตัวน้อยกำลังแอบอยู่ที่มุมหนึ่งของศาล


ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา
สร้างเมื่อปี 2385 เป็นโบราณสถานสมัยรัตนโกสินทร์ ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยเชื้อสายจีนทั้งในจังหวัดสงขลา มีการอัญเชิญ เซ่งอ๋องเหล่าเอี๋ย มาประดิษฐาน  
และที่สำคัญกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนศาลเจ้าหลักเมืองเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 อีกด้วยค่ะ

มาในโซน Street Art ที่เราตามเก็บกันบ้างค่ะ

ร้านกาแฟรถเข็น คือร้านโกตุ้นเจ้าเก่า คนในภาพล้วนมีชีวิตอยู่จริงในชุมชน บนรถเข็นวางขายอย่างในอดีต รวมถึงต้มสามเหลี่ยมใบกระพ้อ

ติดกับภาพกาแฟรถเข็นจะมีประตูศักดิ์สิทธิ์พิทักษ์
เป็นกำแพงและประตูเมืองสงขลาที่เป็นโบราณสถานที่สำตัญของจังหวัดสงขลาค่ะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นการสร้างแบบจีน ข้างบนมีหลังคาแบบหอรบ โดยมีจะมีประตูเมืองทั้งหมด 10 ประตู
นางเอกงิ้ว เธอกำลังตกใจเพราะเก้าอี้ที่นั่งกระดก ช่วงเทศกาลบริเวณหลังกำแพงศาลเจ้านี้เป็นจุดชมงิ้วได้ถนัดตา

สภากาแฟ วาดบนอาคารร้านกาแฟฟุเจาเก่า ชาย 3 คนในภาพเป็นบุคคลจริงซึ่งมีอาชีพต่างกัน แต่มานั่งคุยในร้านกาแฟเดียวกัน มุมนี้ถือเป็นมุมยอดฮิตของคนที่มาเที่ยวย่านเมืองเก่าสงขลาเลยก็ว่าได้ค่ะ