คืนวันที่ 19 มีนาคม 2562 ได้ดูเรื่อง "แสงกระสือ" เนื้อเรื่อง เท่าที่จำได้มี ดังนี้
1. เริ่มต้นภาพยนตร์ด้วย ภาพท้องทุ่งนา และนกสีขาวสองตัวบินเหนือทุ่งนา จากนั้นมีเด็ก 4 คน คือ "เด็กชายน้อย" "เด็กชายเจิด" "เด็กหญิงสาย" และ"เด็กหญิงทิ้ง" วิ่งตามกันเป็นแถวผ่านทุ่งนา ไปสู่ บ้านร้างกลางป่า (ในเรื่องเรียกว่า โคก) เด็กทั้งสี่ เล่นซ่อนหากัน โดย โอน้อยออก ว่าใครจะเป็นคนซ๋อน ใครจะเป็นคนหา ปรากฏว่า เด็กหญิงทิ้ง ได้เป็นผู้ปิดตา แล้วให้เด็กที่เหลือทั้งสามไปซ่อน ด.ช.น้อย กับ ด.ญ.สาย ตัดสินใจเข้าไปซ่อนบนเรือน น้อยกลัว ๆ สายจึงถอดตะกรุดให้น้อย เพื่อไว้ป้องกันภูติผี แล้วแยกกันไปซ่อน
2. เด็กหญิงสาย ไปซ่อนตัวในห้องบนเรือนร้าง ที่มีหีบใบใหญ่ แล้วก็มีควัน พวยพุ่งออกมาด้านหลัง ก่อตัวเป็นผี ด้านหลังของ "สาย"
แล้วก็มี อักษรตัวใหญ่ ขึ้นหน้าจอภาพยนตร์ว่า "แสงกระสือ"
3. เด็กทั้งสี่ โต เป็นหนุ่มสาวกันหมด โดย "เจิด" กับ "สาย" ยังอยู่ที่หมู่บ้านเดิม "น้อย" เข้าไปเรียนวิชาการแพทย์ที่พระนคร ส่วน "ทิ้ง" ก็๋ยังอาศัยที่หมู่บ้านเดิม แต่มีสามี มีลูกชายวัยแบเบาะ ชื่อ "ดำ"
4. ช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม ทิ้งระเบิดในพระนครอย่างหนัก ทำให้ หมอและพยาบาลที่สุขศาลา (สถานีอนามัยในหมู่บ้าน) ถูกเรียกตัวเข้าพระนคร โดย "สาย" ซึ่งมีความฝันอยากเป็นพยาบาล เดินทางมาที่สุขศาลา เพื่อช่วยปฐมพยาบาลรักษาคนไข้ที่เจ็บป่วย โดยมี "เจิด" มาเป็นเพื่อน แต่เจิดก็ไม่ได้ชอบใจที่จะมารักษาคนไข้ที่สุขศาลา แต่ที่มา เพราะ "เจิด" หลงรัก "สาย" ก็เลยมาเป็นเพื่อน
5. วันหนึ่ง "สาย" เข้าสู่วัยสาว เริ่มมีประจำเดือน เลอะที่นอน "สาย" รู้สึกเจ็บปวดทรมานที่ หน้าอกของเธอ เหมือนเป็นเส้นเลือดปูดโปน พองขึ้นเรื่อย ๆ และมักฝันถึง การไล่ล่ากระสือที่ "บ้านโคก" เป็นประจำ ในที่สุด ร่างของสายก็หลุดออกจากร่าง กลายเป็น กระสือ
6. "สาย" ปิดบังเรื่องที่เธอเป็นกระสือ ไม่ให้ใครรู้ จนกระทั่ง วันหนึ่ง "น้อย" เดินทางกลับมายังหมู่บ้าน พร้อมกับ พรรคพวกของ "ทัด" ซึ่งอ้างว่า ตนและคณะต้องอพยพมาจาก "ศาลายา" เพราะมีกระสือออกอาละวาด และได้ทราบข่าวว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มีผีกระสือ ก็เลยอาสา จะมาจับกระสือให้
7. พ่อของ "สาย" ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อว่า "น้อย" ที่พาพวกนี้เข้ามา "น้อย" อ้างว่า กุเรื่อง ผีกระสือขึ้นมา เพียงเพราะอยากหนีระเบิดจากพระนคร และได้ตามพวกนี้ กลับมาที่หมู่บ้าน
8. คืนหนึ่ง "สาย" ถอดร่างกลายเป็นกระสือ โดยมีพรรคพวกของ "ทัด" ตามไล่ล่า แล้วล่องลอยมาเรื่อย ๆ "น้อย" ซึ่งกำลังงมจับปลา อยู่กลางโคลนตม เห็นดังนั้น จึงวิ่งตาม กระสือตนนั้น ลอยเข้าไปในบ้านของ "สาย" "น้อย" จึง เอาบันไดปีนขึ้นไปที่หน้าต่าง ภาพที่ "น้อย" ได้เห็นแน่ชัดต่อสายตาแล้วว่า "สาย" เป็นกระสือ
9. "น้อย" หลงรัก "สาย" จึง พยายาม หาไก่สด ให้ "สาย" กิน โดยจะได้ไม่ต้อง ล่อยลอง ออกไปหาอาหาร
10. "ทัด" และพวก แปลกใจที่ กระสือ หายไปนับเดือน
11. "แก้ว" เด็กหญิงคนหนึ่ง ป่วยเป็นไข้ มารักษาที่ สุขศาลา โดยมี "สาย" และ "น้อย" ช่วยรักษา "เจิด" เข้ามาเห็น ก็เจ็บลึก ๆ ในใจ ที่รู้ว่า "สาย" มีใจให้ "น้อย" แต่ก็ให้ "สาย" ดื่มน้ำมะตูมแก้กระหาย "สาย" ดื่มน้ำ และเดินออกไป วางแก้วน้ำมะตูมทิ้งไว้ "แก้ว" เด็กที่เป็นไข้นึกอยากกินน้ำมะตูม ก็เลยติดน้ำลายของ "สาย" กลายเป็น "กระสือ" และถูก "ทัด" และพรรคพวก ไล่จับ ควักหัวใจ ต้องตายไป "ทัด" ถามว่า ก่อนหน้านี้ "แก้ว" ไปไหนมา พ่อแม่ของ "แก้ว" บอกว่าเพิ่ง ไปรับ "แก้ว" กลับมาจาก สุขศาลา "ทัด" จึงรู้ว่า คนที่แพร่เชื้อกระสือ คือ "สาย"
12. "น้อย" ได้ล่วงรู้ จากพระภิกษุ รูปหนึ่งว่า กระสือจะแพร่ไปสู่หญิงสาวโดยถ่ายทอดทางน้ำลาย แต่ถ้าผู้ชายได้รับน้ำลายของกระสือ จะเจ็บปวดทุรนทุรายทรมาน แต่จะมี ว่านชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ว่านกระสือ ซึ่งถ้ากระสือกินแล้ว จะช่วยยับยั้ง ไม่ให้กลายร่างเป็นกระสือ ดังนั้น "น้อย" และ "สาย" จึงพากันไป ที่ "บ้านโคก" เพื่อเก็บว่านชนิดนี้
13. "ทัด" แอบซุ่มดูความเคลื่อนไหวนี้ จึงสะกดรอยติดตาม "น้อย" และ "สาย" มาที่บ้านโคก
14. ที่บ้านโคก "น้อย" และ "สาย" ได้พบกับว่านกระสือ จึงช่วยกันเก็บใส่ห่อผ้า เพื่อนำไปไว้กิน เพราะจะได้ไม่ต้องกลายร่างเป็นกระสืออีก ณ บ้านโคก ทั้งสองรักกัน และจะจูบกัน แต่ "สาย" ก็เตือน "น้อย" ว่า "น้อย" จะเจ็บปวดและทรมานมากนะ แต่ด้วยความรักที่เต็มหัวใจ "น้อย" ยอมที่จะ จูบปาก แลกลิ้น กับ "สาย" อย่างดูดดื่ม
15. "เจิด" "ทัด" ตามมาทันได้เห็น ทั้งสองจูบกัน "เจิด" แค้นใจมาก ตรงเข้าชกต่อย "น้อย" ด้วยความแค้น ส่วน "ทัด" ติดตามไล่ล่า "กระสือสาย" ต่อไป
16. "น้อย" ได้รู้ประวัติกระสือ จากพระภิกษุ อีกว่า กระสือเป็นเมืย ของกระหัง แต่กระสือไปพบรักกับมนุษย์ กระหัง โกรธแค้น จึงต้อง ทำลายหัวใจของกระสือเรื่อยไป "น้อย" พยายามหาทางปลูก "ว่านกระสือ" และใช้วิชาการแพทย์ที่เขาเรียนมา ปรุงยา เพื่อจะช่วยเหลือ "สาย"
17. "ทัด" มาหาสายที่บ้าน "สาย" เจ็บหน้าอก ขึ้นมา พร้อมจะกลายร่างเป็นกระสือ จึงรีบเข้าไปหาห่อ "ว่านกระสือ" แต่หาไม่เจอ เพราะยายของเธอซึ่งแก่มากแล้วจำไม่ค่อยได้ ใช้เวลานึกอยู่พักใหญ่ จึงบอกว่า อยู่ในตะกร้าผ้า "สาย" รีบวิ่งไปค้นหา จนเจอ เสียงปืนดังขึ้น "สาย" ตกใจ ทำห่อสมุนไพร ตกใต้ถุนบ้าน เธอรีบลงไปงม หาว่าน ที่จมอยู่ในบ่อเกรอะ
18. พ่อของสาย ตะโกนเรียกให้สายออกมา พบ "ทัด" เพื่อพิสูจน์ว่า "สาย" ไม่ใช่กระสือ เรียกอยู่นาน "สาย" ออกมา แล้วอ้างว่า อาบน้ำอยู่ "ทัด" บอกว่า "สาย" เป็นกระสือ พยายาม คาบ "ไอ้ดำ" (ลูกของทิ้ง) ไปกิน แต่ "สาย" บอกว่า "ทัด" และพรรคพวก พยายามจะข่มขืนตน "สาย" ส่งสายตา ขอความเห็นใจจาก "เจิด" ในที่สุด "เจิด" จึงบอกว่า เรื่องที่ "สาย" พูดเป็นความจริง
19. "ทัด" (ซึ่งแท้ที่จริงเป็นกระหัง) แค้นใจ "เจิด" ที่หักหลังตน จีงตรงเข้ากัดคอ ของ "เจิด" ทำให้เจิดกลายเป็นกระหังไปด้วย "เจิด" ได้รับความเจ็บปวดที่ตนเองต้องกลายเป็นกระหัง "สาย" เข้าไปเยี่ยม "เจิด" กอดกันเพื่อปลอบใจ "เจิด" ขอสัญญาจาก "สาย" ว่า อย่าทิ้งกัน
20. "ว่านกระสือ" และ "สมุนไพร" ต่าง ๆ ที่ "น้อย" ค้นมา เพื่อจะรักษา "สาย" ถูก ไฟอาคม ของ "ทัด" ทำลายหมดสิ้น
21. พ่อของ "สาย" พา "สาย" มาดูหนังกลางแปลง เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่า "สาย" ไม่ใช่กระสือ สักพัก อาการทุรนทุรายที่กลางหน้าอก ของ "สาย" ก็เริ่มขึ้น สายดิ้นพราด ๆ และร่างหลุดออกมาเป็นกระสือ "ทัด" กลายร่างเป็น "กระหัง" ไล่ล่า เพื่อควักหัวใจกระสือ แต่ "เจิด" (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นกระหัง) เช่นกัน เข้ามาต่อสู้ กับ "ทัด" เพื่อปกป้อง "สาย"
22. กระหังเจิด พลาดท่า ถูก กระหังทัด ฆ่าตาย และกระสือสาย พลาดท่า กระหังทัด แต่ในที่สุด เสียงปืนดังขึ้น กระสุนเจาะเข้าที่ร่างของกระหังทัด ผู้ที่สังหารกระหังทัด ก็คือ "พระภิกษุ" รูปนั้น นั่นเอง (แท้ที่จริงแล้ว พระภิกษุรูปนี้ เคยเป็นคนรักของ "กระสือนวล" แล้วนำร่างของ "กระสือนวล" บรรจุขังไว้ในหีบ ที่บ้านโคก จนกระทั่ง "กระสือนวล" ได้พบกับ "สาย" จึง ถ่ายทอดน้ำลาย ให้ "สาย" เป็นกระสือต่อ)
23. "น้อย" นำร่างที่ไม่มีหัว ของ "สาย" หนี เพื่อที่จะข้ามฝั่งไปยัง พระนคร หัวและไส้ของกระสือของสาย ตามมาที่ ริมฝั่งน้ำ ณ ที่นั่น "สาย(ที่มีแต่หัวกับไส้)" และ "น้อย" จูบกันด้วยความรัก และซาบซึ้ง
24. "น้อย" อยู่บนเรือกับ ร่างที่ไร้หัว ของ "สาย" ลอยออกไป กลาง แม่น้ำ โดยหวังว่า จะให้ กระสือสาย ตามไป มีชีวิตใหม่ ด้วยกันที่พระนคร
25. ไม่ทันการณ์ เสียงปืน ดังขึ้น กระสุนเจาะกระโหลก ของ กระสือสาย ซึ่ง ผู้ที่ยิง ก็คือ "พ่อของเจิด" "น้อย" เสียใจมาก และกล่าวขอโทษ "สาย" ทั้งน้ำตาว่า ขอโทษที่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้ (เพราะก่อนหน้านี้ ทั้ง "เจิด" "สาย" และ "น้อย" สัญญากันว่า จะพากันไปเที่ยวพระนคร)
จบบริบูรณ์
ฉากที่ลุ้น และชอบ
1. ตอนเส้นเลือดปูดโปน จะกลายเป็นกระสือ
2. ตอนที่ "สาย" ทำห่อยา "ตกใต้ถุน"
3. หน้าตาของ "เจิด" ตอนที่เป็นกระหัง
4. ตอนที่ กระหังเจิด และ กระหังทัด สู้กันบนทัองฟ้า
5. ฉากจูบ และแลกลิ้น กันที่ ดงว่านกระสือ บ้านโคก
6. ฉากที่ "ทัด" เอาจิ้งจก ล่อ เพื่อให้ "กระสือแก้ว" ออกมา แล้วก็จับ ควักหัวใจ
7. ฉากอารมณ์ ของ "น้อย" และ "สาย" ที่รักกัน ช่วยเหลือกัน น้ำตาไหล
8. ฉากสุดท้ายหลังจาก กระสือสาย ถูกยิง เสียงในภาพยนตร์เงียบกริบ คนในโรงก็เงียบกริบ (กำลังอิน ฟิน เว่อร์ 555)
ฉากที่ดูขัด ๆ เชิน ๆ
1. ฉากพระภิกษุถือปืนยาว ยิงกระหังหัด (ฉากนี้ ผมขอเรียกว่า ฉาก พระแรมโบ้ คนดูทั้งโรงหนัง ส่งเสียง ฮือ ทั้งโรงเลย 5555)
ความสามารถในการแสดง
ผมว่า ทุกคน แสดงได้ดีมาก ทั้ง "น้อย" "สาย" "เจิด" เข้าถึงอารมณ์ เศร้า สุข ถึงบทบาท
"สาย" ก็สวยแบบชาวชนบทออกใส ๆ ผมรักในแววตา ที่ดู ซื่อ ๆ ใส ๆ จัง
"เจิด" คนนี้ หล่อ กล้ามได้รูปมาก
"น้อย" คนนี้ หล่อแบบซื่อ ๆ (ตอนแรกผมดูว่า หล่อน้อยกว่า "เจิด" พอดูไปเรื่อย ๆ หล่อไปอีกแบบ)
เสื้อผ้า เหมาะสมดีมาก ฉาก เหมาะกับยุคนั้น ๆ จริง ๆ ถือว่า เลือก Location ได้ดีเยียม นักแสดงหญิง ใส่เสื้อ นุ่งผ้าซิ่น
Computer Graphic ชอบที่ ทำกระหัง มากกว่า กระสือ
โดยรวมแล้ว เนื้อเรื่องสนุก ชวนติดตาม ดูแล้วไม่ งง ดำเนินเรื่องสนุก ผมชอบนะ ผมให้ 9/10 เลยครับ ครบรสเลย เศร้า สุข รัก โรแมนติก ทั้งความรักแบบหนุ่มสาว ความรักที่มีต่อลูก ฉากหลอน ๆ ก็ทำดีนะ ลองดูเพื่อความเพลิดเพลินครับ
สปอยล์ เนื้อเรื่อง "แสงกระสือ" และ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเรื่องนี้
1. เริ่มต้นภาพยนตร์ด้วย ภาพท้องทุ่งนา และนกสีขาวสองตัวบินเหนือทุ่งนา จากนั้นมีเด็ก 4 คน คือ "เด็กชายน้อย" "เด็กชายเจิด" "เด็กหญิงสาย" และ"เด็กหญิงทิ้ง" วิ่งตามกันเป็นแถวผ่านทุ่งนา ไปสู่ บ้านร้างกลางป่า (ในเรื่องเรียกว่า โคก) เด็กทั้งสี่ เล่นซ่อนหากัน โดย โอน้อยออก ว่าใครจะเป็นคนซ๋อน ใครจะเป็นคนหา ปรากฏว่า เด็กหญิงทิ้ง ได้เป็นผู้ปิดตา แล้วให้เด็กที่เหลือทั้งสามไปซ่อน ด.ช.น้อย กับ ด.ญ.สาย ตัดสินใจเข้าไปซ่อนบนเรือน น้อยกลัว ๆ สายจึงถอดตะกรุดให้น้อย เพื่อไว้ป้องกันภูติผี แล้วแยกกันไปซ่อน
2. เด็กหญิงสาย ไปซ่อนตัวในห้องบนเรือนร้าง ที่มีหีบใบใหญ่ แล้วก็มีควัน พวยพุ่งออกมาด้านหลัง ก่อตัวเป็นผี ด้านหลังของ "สาย"
แล้วก็มี อักษรตัวใหญ่ ขึ้นหน้าจอภาพยนตร์ว่า "แสงกระสือ"
3. เด็กทั้งสี่ โต เป็นหนุ่มสาวกันหมด โดย "เจิด" กับ "สาย" ยังอยู่ที่หมู่บ้านเดิม "น้อย" เข้าไปเรียนวิชาการแพทย์ที่พระนคร ส่วน "ทิ้ง" ก็๋ยังอาศัยที่หมู่บ้านเดิม แต่มีสามี มีลูกชายวัยแบเบาะ ชื่อ "ดำ"
4. ช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม ทิ้งระเบิดในพระนครอย่างหนัก ทำให้ หมอและพยาบาลที่สุขศาลา (สถานีอนามัยในหมู่บ้าน) ถูกเรียกตัวเข้าพระนคร โดย "สาย" ซึ่งมีความฝันอยากเป็นพยาบาล เดินทางมาที่สุขศาลา เพื่อช่วยปฐมพยาบาลรักษาคนไข้ที่เจ็บป่วย โดยมี "เจิด" มาเป็นเพื่อน แต่เจิดก็ไม่ได้ชอบใจที่จะมารักษาคนไข้ที่สุขศาลา แต่ที่มา เพราะ "เจิด" หลงรัก "สาย" ก็เลยมาเป็นเพื่อน
5. วันหนึ่ง "สาย" เข้าสู่วัยสาว เริ่มมีประจำเดือน เลอะที่นอน "สาย" รู้สึกเจ็บปวดทรมานที่ หน้าอกของเธอ เหมือนเป็นเส้นเลือดปูดโปน พองขึ้นเรื่อย ๆ และมักฝันถึง การไล่ล่ากระสือที่ "บ้านโคก" เป็นประจำ ในที่สุด ร่างของสายก็หลุดออกจากร่าง กลายเป็น กระสือ
6. "สาย" ปิดบังเรื่องที่เธอเป็นกระสือ ไม่ให้ใครรู้ จนกระทั่ง วันหนึ่ง "น้อย" เดินทางกลับมายังหมู่บ้าน พร้อมกับ พรรคพวกของ "ทัด" ซึ่งอ้างว่า ตนและคณะต้องอพยพมาจาก "ศาลายา" เพราะมีกระสือออกอาละวาด และได้ทราบข่าวว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มีผีกระสือ ก็เลยอาสา จะมาจับกระสือให้
7. พ่อของ "สาย" ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อว่า "น้อย" ที่พาพวกนี้เข้ามา "น้อย" อ้างว่า กุเรื่อง ผีกระสือขึ้นมา เพียงเพราะอยากหนีระเบิดจากพระนคร และได้ตามพวกนี้ กลับมาที่หมู่บ้าน
8. คืนหนึ่ง "สาย" ถอดร่างกลายเป็นกระสือ โดยมีพรรคพวกของ "ทัด" ตามไล่ล่า แล้วล่องลอยมาเรื่อย ๆ "น้อย" ซึ่งกำลังงมจับปลา อยู่กลางโคลนตม เห็นดังนั้น จึงวิ่งตาม กระสือตนนั้น ลอยเข้าไปในบ้านของ "สาย" "น้อย" จึง เอาบันไดปีนขึ้นไปที่หน้าต่าง ภาพที่ "น้อย" ได้เห็นแน่ชัดต่อสายตาแล้วว่า "สาย" เป็นกระสือ
9. "น้อย" หลงรัก "สาย" จึง พยายาม หาไก่สด ให้ "สาย" กิน โดยจะได้ไม่ต้อง ล่อยลอง ออกไปหาอาหาร
10. "ทัด" และพวก แปลกใจที่ กระสือ หายไปนับเดือน
11. "แก้ว" เด็กหญิงคนหนึ่ง ป่วยเป็นไข้ มารักษาที่ สุขศาลา โดยมี "สาย" และ "น้อย" ช่วยรักษา "เจิด" เข้ามาเห็น ก็เจ็บลึก ๆ ในใจ ที่รู้ว่า "สาย" มีใจให้ "น้อย" แต่ก็ให้ "สาย" ดื่มน้ำมะตูมแก้กระหาย "สาย" ดื่มน้ำ และเดินออกไป วางแก้วน้ำมะตูมทิ้งไว้ "แก้ว" เด็กที่เป็นไข้นึกอยากกินน้ำมะตูม ก็เลยติดน้ำลายของ "สาย" กลายเป็น "กระสือ" และถูก "ทัด" และพรรคพวก ไล่จับ ควักหัวใจ ต้องตายไป "ทัด" ถามว่า ก่อนหน้านี้ "แก้ว" ไปไหนมา พ่อแม่ของ "แก้ว" บอกว่าเพิ่ง ไปรับ "แก้ว" กลับมาจาก สุขศาลา "ทัด" จึงรู้ว่า คนที่แพร่เชื้อกระสือ คือ "สาย"
12. "น้อย" ได้ล่วงรู้ จากพระภิกษุ รูปหนึ่งว่า กระสือจะแพร่ไปสู่หญิงสาวโดยถ่ายทอดทางน้ำลาย แต่ถ้าผู้ชายได้รับน้ำลายของกระสือ จะเจ็บปวดทุรนทุรายทรมาน แต่จะมี ว่านชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ว่านกระสือ ซึ่งถ้ากระสือกินแล้ว จะช่วยยับยั้ง ไม่ให้กลายร่างเป็นกระสือ ดังนั้น "น้อย" และ "สาย" จึงพากันไป ที่ "บ้านโคก" เพื่อเก็บว่านชนิดนี้
13. "ทัด" แอบซุ่มดูความเคลื่อนไหวนี้ จึงสะกดรอยติดตาม "น้อย" และ "สาย" มาที่บ้านโคก
14. ที่บ้านโคก "น้อย" และ "สาย" ได้พบกับว่านกระสือ จึงช่วยกันเก็บใส่ห่อผ้า เพื่อนำไปไว้กิน เพราะจะได้ไม่ต้องกลายร่างเป็นกระสืออีก ณ บ้านโคก ทั้งสองรักกัน และจะจูบกัน แต่ "สาย" ก็เตือน "น้อย" ว่า "น้อย" จะเจ็บปวดและทรมานมากนะ แต่ด้วยความรักที่เต็มหัวใจ "น้อย" ยอมที่จะ จูบปาก แลกลิ้น กับ "สาย" อย่างดูดดื่ม
15. "เจิด" "ทัด" ตามมาทันได้เห็น ทั้งสองจูบกัน "เจิด" แค้นใจมาก ตรงเข้าชกต่อย "น้อย" ด้วยความแค้น ส่วน "ทัด" ติดตามไล่ล่า "กระสือสาย" ต่อไป
16. "น้อย" ได้รู้ประวัติกระสือ จากพระภิกษุ อีกว่า กระสือเป็นเมืย ของกระหัง แต่กระสือไปพบรักกับมนุษย์ กระหัง โกรธแค้น จึงต้อง ทำลายหัวใจของกระสือเรื่อยไป "น้อย" พยายามหาทางปลูก "ว่านกระสือ" และใช้วิชาการแพทย์ที่เขาเรียนมา ปรุงยา เพื่อจะช่วยเหลือ "สาย"
17. "ทัด" มาหาสายที่บ้าน "สาย" เจ็บหน้าอก ขึ้นมา พร้อมจะกลายร่างเป็นกระสือ จึงรีบเข้าไปหาห่อ "ว่านกระสือ" แต่หาไม่เจอ เพราะยายของเธอซึ่งแก่มากแล้วจำไม่ค่อยได้ ใช้เวลานึกอยู่พักใหญ่ จึงบอกว่า อยู่ในตะกร้าผ้า "สาย" รีบวิ่งไปค้นหา จนเจอ เสียงปืนดังขึ้น "สาย" ตกใจ ทำห่อสมุนไพร ตกใต้ถุนบ้าน เธอรีบลงไปงม หาว่าน ที่จมอยู่ในบ่อเกรอะ
18. พ่อของสาย ตะโกนเรียกให้สายออกมา พบ "ทัด" เพื่อพิสูจน์ว่า "สาย" ไม่ใช่กระสือ เรียกอยู่นาน "สาย" ออกมา แล้วอ้างว่า อาบน้ำอยู่ "ทัด" บอกว่า "สาย" เป็นกระสือ พยายาม คาบ "ไอ้ดำ" (ลูกของทิ้ง) ไปกิน แต่ "สาย" บอกว่า "ทัด" และพรรคพวก พยายามจะข่มขืนตน "สาย" ส่งสายตา ขอความเห็นใจจาก "เจิด" ในที่สุด "เจิด" จึงบอกว่า เรื่องที่ "สาย" พูดเป็นความจริง
19. "ทัด" (ซึ่งแท้ที่จริงเป็นกระหัง) แค้นใจ "เจิด" ที่หักหลังตน จีงตรงเข้ากัดคอ ของ "เจิด" ทำให้เจิดกลายเป็นกระหังไปด้วย "เจิด" ได้รับความเจ็บปวดที่ตนเองต้องกลายเป็นกระหัง "สาย" เข้าไปเยี่ยม "เจิด" กอดกันเพื่อปลอบใจ "เจิด" ขอสัญญาจาก "สาย" ว่า อย่าทิ้งกัน
20. "ว่านกระสือ" และ "สมุนไพร" ต่าง ๆ ที่ "น้อย" ค้นมา เพื่อจะรักษา "สาย" ถูก ไฟอาคม ของ "ทัด" ทำลายหมดสิ้น
21. พ่อของ "สาย" พา "สาย" มาดูหนังกลางแปลง เพื่อแสดงให้ผู้คนรู้ว่า "สาย" ไม่ใช่กระสือ สักพัก อาการทุรนทุรายที่กลางหน้าอก ของ "สาย" ก็เริ่มขึ้น สายดิ้นพราด ๆ และร่างหลุดออกมาเป็นกระสือ "ทัด" กลายร่างเป็น "กระหัง" ไล่ล่า เพื่อควักหัวใจกระสือ แต่ "เจิด" (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นกระหัง) เช่นกัน เข้ามาต่อสู้ กับ "ทัด" เพื่อปกป้อง "สาย"
22. กระหังเจิด พลาดท่า ถูก กระหังทัด ฆ่าตาย และกระสือสาย พลาดท่า กระหังทัด แต่ในที่สุด เสียงปืนดังขึ้น กระสุนเจาะเข้าที่ร่างของกระหังทัด ผู้ที่สังหารกระหังทัด ก็คือ "พระภิกษุ" รูปนั้น นั่นเอง (แท้ที่จริงแล้ว พระภิกษุรูปนี้ เคยเป็นคนรักของ "กระสือนวล" แล้วนำร่างของ "กระสือนวล" บรรจุขังไว้ในหีบ ที่บ้านโคก จนกระทั่ง "กระสือนวล" ได้พบกับ "สาย" จึง ถ่ายทอดน้ำลาย ให้ "สาย" เป็นกระสือต่อ)
23. "น้อย" นำร่างที่ไม่มีหัว ของ "สาย" หนี เพื่อที่จะข้ามฝั่งไปยัง พระนคร หัวและไส้ของกระสือของสาย ตามมาที่ ริมฝั่งน้ำ ณ ที่นั่น "สาย(ที่มีแต่หัวกับไส้)" และ "น้อย" จูบกันด้วยความรัก และซาบซึ้ง
24. "น้อย" อยู่บนเรือกับ ร่างที่ไร้หัว ของ "สาย" ลอยออกไป กลาง แม่น้ำ โดยหวังว่า จะให้ กระสือสาย ตามไป มีชีวิตใหม่ ด้วยกันที่พระนคร
25. ไม่ทันการณ์ เสียงปืน ดังขึ้น กระสุนเจาะกระโหลก ของ กระสือสาย ซึ่ง ผู้ที่ยิง ก็คือ "พ่อของเจิด" "น้อย" เสียใจมาก และกล่าวขอโทษ "สาย" ทั้งน้ำตาว่า ขอโทษที่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้ (เพราะก่อนหน้านี้ ทั้ง "เจิด" "สาย" และ "น้อย" สัญญากันว่า จะพากันไปเที่ยวพระนคร)
จบบริบูรณ์
ฉากที่ลุ้น และชอบ
1. ตอนเส้นเลือดปูดโปน จะกลายเป็นกระสือ
2. ตอนที่ "สาย" ทำห่อยา "ตกใต้ถุน"
3. หน้าตาของ "เจิด" ตอนที่เป็นกระหัง
4. ตอนที่ กระหังเจิด และ กระหังทัด สู้กันบนทัองฟ้า
5. ฉากจูบ และแลกลิ้น กันที่ ดงว่านกระสือ บ้านโคก
6. ฉากที่ "ทัด" เอาจิ้งจก ล่อ เพื่อให้ "กระสือแก้ว" ออกมา แล้วก็จับ ควักหัวใจ
7. ฉากอารมณ์ ของ "น้อย" และ "สาย" ที่รักกัน ช่วยเหลือกัน น้ำตาไหล
8. ฉากสุดท้ายหลังจาก กระสือสาย ถูกยิง เสียงในภาพยนตร์เงียบกริบ คนในโรงก็เงียบกริบ (กำลังอิน ฟิน เว่อร์ 555)
ฉากที่ดูขัด ๆ เชิน ๆ
1. ฉากพระภิกษุถือปืนยาว ยิงกระหังหัด (ฉากนี้ ผมขอเรียกว่า ฉาก พระแรมโบ้ คนดูทั้งโรงหนัง ส่งเสียง ฮือ ทั้งโรงเลย 5555)
ความสามารถในการแสดง
ผมว่า ทุกคน แสดงได้ดีมาก ทั้ง "น้อย" "สาย" "เจิด" เข้าถึงอารมณ์ เศร้า สุข ถึงบทบาท
"สาย" ก็สวยแบบชาวชนบทออกใส ๆ ผมรักในแววตา ที่ดู ซื่อ ๆ ใส ๆ จัง
"เจิด" คนนี้ หล่อ กล้ามได้รูปมาก
"น้อย" คนนี้ หล่อแบบซื่อ ๆ (ตอนแรกผมดูว่า หล่อน้อยกว่า "เจิด" พอดูไปเรื่อย ๆ หล่อไปอีกแบบ)
เสื้อผ้า เหมาะสมดีมาก ฉาก เหมาะกับยุคนั้น ๆ จริง ๆ ถือว่า เลือก Location ได้ดีเยียม นักแสดงหญิง ใส่เสื้อ นุ่งผ้าซิ่น
Computer Graphic ชอบที่ ทำกระหัง มากกว่า กระสือ
โดยรวมแล้ว เนื้อเรื่องสนุก ชวนติดตาม ดูแล้วไม่ งง ดำเนินเรื่องสนุก ผมชอบนะ ผมให้ 9/10 เลยครับ ครบรสเลย เศร้า สุข รัก โรแมนติก ทั้งความรักแบบหนุ่มสาว ความรักที่มีต่อลูก ฉากหลอน ๆ ก็ทำดีนะ ลองดูเพื่อความเพลิดเพลินครับ