[รีวิวที่ 259] แสงกระสือ: อเวนเจอร์คนแรก
คะแนน: 7/10
(โดม สิทธิศิริ, 2019)
.
by ตั๋วหนังมันแพง
.
“กระสือ” ในจักรวาลของแสงกระสือ เป็นศีรษะมนุษย์ที่มาพร้อมหัวใจเรืองแสงสีแดง และใช้ลำไส้ที่คล้ายหนวดปลาหมึกแทนมือจับและอาวุธต่อสู้ มีพละกำลังมหาศาลเหนือมนุษย์ กินเนื้อสดเป็นอาหาร
.
1.เนื้อเรื่อง ⭐⭐⭐
คือในอดีตเนี่ย เรามักจะเห็นภาพของกระสือในฐานะผีสางน่าเกลียดน่ากลัว ที่ชอบกินของสกปรกและมารังควานชีวิตพระเอก-นางเอกของเราจนคุ้นตากันอยู่แล้ว
.
แต่หนังเลือกนำเสนออีกมุมหนึ่ง ว่าเอ๊ะ ก่อนจะถอดหัวออกมาเนี่ย คนคนนั้นมันก็เป็นมนุษย์เหมือนกันนี่หว่า แล้วเขาจะอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆยังไง?, เขาจะรู้สึกยังไงที่ต้องกินของดิบสกปรกทุกคืน? และเขาจะมีความรักได้ไหม? … ทีนี้มันก็เริ่มน่าสนใจแล้ว
.
ผมยังสังเกตเห็นอีกว่าหนังพยายามเอาตัวเองห่างออกจากศาสนามาก คือวัดและพระสงฆ์ในเรื่องนี้ไม่ใช่ที่พึ่งและศูนย์กลางของชุมชน วัดดูโทรม และหลวงพ่อคนเดียวของหมู่บ้านก็ไม่มีบารมีน่าเลื่อมใส -- มันจึงเกิดเคมีใหม่เกี่ยวกับการเผชิญหน้าและแก้ปัญหาของชาวบ้านหมู่บ้านนี้ที่ไม่เหมือนหนังผีเรื่องไหน
.
หนังยังมีข้อบกพร่องในการหาจุดจบที่เหมาะสมให้ตัวเอง โดยเฉพาะฉากจบของเรื่องที่มันดูประหลาดและจักจี้สิ้นดี จะเรียกว่า ‘ตายตอนจบ’ ก็เป็นได้ และยังมีประเด็นการเปลี่ยนองก์ (phase) ของหนังที่ยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร เดี๋ยวพีคเดี๋ยวดร็อป ถ้าเทียบเป็นชีพจรคนก็เหมือนคนไข้ที่โดนปั๊มหัวใจไปหนึ่งที แล้วหมอก็ขอพักจิบกาแฟแป๊บนึง อะไรประมาณนั้น
.
พึ่งมาทราบทีหลังว่าหนังเรื่องนี้เป็นการร่วมทุนและร่วมสร้างกับทางเกาหลีด้วย สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดก็คือ ‘การคุมโทน’ ที่ค่อนข้างเนี้ยบ โดยเฉพาะฉากเค้นอารมณ์ที่หนังทำได้ค่อนข้างดี
.
แต่ในขณะเดียวกันก็แอบพกข้อเสียมาด้วย นั่นก็คือ ‘จังหวะเดินเรื่อง’ (pacing) ที่ค่อนข้างช้าาาาาา ในหลายฉาก จนทำให้หนังมันยืดยาวเกินความจำเป็นในบางครั้ง
.
2.ตัวละคร/นักแสดง ⭐⭐⭐
ต้องขอชม “มินนี่” ที่รับบทเป็น “สาย/กระสือ” ได้อย่างน่าประทับใจ คือในแง่ของการแสดงอาจไม่มีซีนไหนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่จุดขายสำคัญก็คือ ‘สายตา’ ของน้องที่สื่ออารมณ์ได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นความกังวล, ความประหม่า และความเครียดในฐานะคนที่ต้องแอบ ‘เป็นกระสือ’ น้องส่งออกมาได้หมด ดีงามมากๆ
.
แต่กับทีมแสดงคนอื่นกลับไม่ได้เฉียบแบบนี้ สิ่งที่ผมรู้สึกได้ก็คือทีมนักแสดงสมทบและพระเอกทั้งสองคนยังมีปัญหา ‘แสดงแข็ง’ มากอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งบางไดอะล็อกนี่เหมือนเปิดโทรโข่งรีรันให้เราฟัง เลยกลายเป็นเพิ่มภาระแบกหนังให้ตัวนางเอกโดยที่ไม่จำเป็นเลย
.
3.ความบันเทิง ⭐⭐⭐⭐⭐
ผมอยากย้ำเป็นพิเศษว่า ‘นี่ไม่ใช่หนังผีสยองขวัญ’ แบบที่หลายๆ คนอาจเข้าใจผิดจากตัวอย่างที่คลุมเครือได้ แต่มันเป็นหนัง ‘ปริศนา+แฟนตาซี’ มากกว่า หนังมีความเป็น ‘กึ่งก้าวข้ามพ้นวัย’ เพราะเราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครที่เดิมเป็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มจนกลายมาเป็น ‘กระสือมืออาชีพ’ ในที่สุด
.
อาจจะไม่ได้ลงลึกนักแต่ก็เล่าได้ลื่นไหล มันจึงไม่ได้เป็นความบันเทิงที่หวือหวา แต่เป็น ‘ความเพลิน’ ที่ทำให้เราอยากรู้เรื่องตอนต่อไปเรื่อยๆ มากกว่า
.
.
สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจโยนห้าดาวให้ก็คือ ‘ฉากไคลแม็กซ์’ ที่เป็นฉากต่อสู้ที่โคตรว้าว!
.
ใช่ครับ มี ‘ฉากต่อสู้’ ในหนังผีกระสือว่ะคุณ แถมสู้กันจริงจังด้วย มีพลังพิเศษ สู้กันโครมครามประดุจหนังอเมริกันฮีโร่
.
มันเป็นโมเมนต์ที่หนังมันโยนของพีคๆ เข้ามาทำเราอ้าปากค้างอย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ -- คือถ้า A ว่าเจ๋งแล้ว หนังมันก็โยน B C D E F มาใส่เราอย่างบ้าคลั่ง จนเราต้องอุทานว่า ‘เชี่ยเอ๊ย’ ออกมาดังๆ
.
ไม่ได้แหกปากเชียร์หนังและขำจนท้องแข็งไปพร้อมๆ กันมานานมากแล้ว นี่คือจุดสูงสุดของความบันเทิงที่กาวเท่านั้นจะพาเราไปถึง และหนังมันก็ทำออกมาได้ดีมากๆ
.
ผมเชื่อว่า ‘ฉากยิงปืน’ นั้นจะกลายเป็นตำนานของหนังไทยแน่ ที่ผมพูดไว้ว่า “แคปฯ มาร์เวลควรมาดูงานวิธีทำฉาก climax จากหนังเรื่องนี้” จึงไม่ใช่คำพูดที่โอ้อวดเกินความจริงแต่อย่างใด
.
ลองไปสัมผัสดูแล้วคุณจะเข้าใจ.
.
#ตั๋วหนังมันแพง #แสงกระสือ #InhumanKiss
[รีวิวที่ 259] แสงกระสือ: อเวนเจอร์คนแรก by ตั๋วหนังมันแพง