ดิฉันกับแฟนรู้จักกันมาตั้งแต่ดิฉันเรียนอยู่มัธยม เรา 2 คนอายุต่างกัน 4 ปี แฟนจบการศึกษา ม.6 กศน. ส่วนดิฉันเรียนโรงเรียนมีชื่อระดับจังหวัด ฐานะทางครอบครัว บ้านดิฉันถือว่ายากจน เมื่อเราสองคนตัดสินใจที่จะคบหาดูใจกัน พ่อแม่ฝ่ายผู้ชายก็ไม่เห็นด้วย เพราะฐานนะทางบ้านแฟนดีกว่าบ้านของดิฉัน บ้านเราอยู่ไม่ห่างกันมากนักแฟนเลยมักจะชวนไปเที่ยวบ้านเสมอ ชวนไปทำกับข้าวให้แม่แฟนทานบ้าง ไปกวาดบ้าน ซักเสื้อผ้าให้บ้าง เพื่อที่ให้แม่แฟนและดิฉันเข้ากันได้ ดิฉันทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยเลย เพราะการได้ทำสิ่งเหล่านั้นมันคือความสุข ถึงแม้ว่าดิฉันจะทำดีสักแค่ไหน ดิฉันไม่เคยได้รับคำชม จะมีเพียงการพูดให้กระทบกระเทือนจิตใจอยู่เสมอ เช่น แกงเค็มไป จะทำกับข้าวหลายอย่างทำไมเปลือง ทั้งที่ค่ากับข้าวแฟนดิฉันเป็นคนจ่าย และแฟนดิฉันไม่เคยขอเงินแม่แฟนเลยแม้แต่บาทเดียว ตอนแรกที่เริ่มรู้จักแฟนไม่มีทรัพย์สมบัติใดเลยติดตัว พอเริ่มคบกันเป็น แฟนก็ตัดสินใจซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ดิฉันยังจำได้ผ่อน ธกส.เดือนละ 1,100 บาท ส่วนดิฉันหาเงินส่งตัวเองเรียน ด้วยการแอบขาย ขนม มะม่วงในห้องเรียนจำได้เลยถุงละ 5 บาท ต่อวันได้200-300 บาท ส่วนค่าเทอม มีทุนตรงไหนดิฉันก็จะรีบไปขอทันที และก็ได้เสมอ จึงทำให้ดิฉันได้ทุนฟรีค่าเทอมจนจบปริญญาตรี
พอจบ ม.6 ดิฉันอยากเรียนต่อแต่เนื่องจากแม่ไม่สามารถส่งให้เรียนต่อได้เพราะไม่มีเงิน ดิฉันร้องให้หนักมากเพราะอยากเรียนแฟนเห็นเขาเลยไปคุยกับแม้ดิฉันว่า “ผมคงไม่มีเงินมาสู่ขอลูกแม่เป็นแสนๆ แต่ผมจะส่งเสียเท่าที่น้องเขาอยากจะเรียน” และแล้วแฟนดิฉันก็ทำงานทุกอย่าง กรีดยางจ้าง รับเหมา รับจ้างเพื่อส่งเสียดิฉันจนจบปริญญาตรี ดิฉันและครอบครัวไม่เคยอายหรือปิดบังใครว่าแฟนดิฉันส่งดิฉันเรียนจนจบ จนมีคนไปพูดให้เขาหูแม่แฟนทำให้แม่แฟนไม่พอใจจนทะเลาะกัน แฟนก็บอกแม่เขาว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ผมไม่เคยขอแม่ มันได้มาจากการใช้แรงงานของผมทำไมผม ผมจะทำอะไรก็ได้ เมื่อเมื่อดิฉันเรียนจบ ดิฉันได้ทำงานช่วยอาจารย์ในมอ. และรับจ้างทำงานทุกอย่าง เช่นรับจ้างคีย์ข้อมูลงานวิจัย ออลืมบอกไปคะนอกจากได้ทุนเรียนฟรีแล้ว ดิฉันกู้เงิน กยศ.และทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยด้วยคะ เงินเดือนยังจำได้เลยคะ 4,500 เพราะฉนั้นชีวิตในมหาลัยของดิฉันเลยไม่ลำบากแถมยังมีเงินมาให้แม่ดูแลน้อง ตอนนั้นแฟนโทรมาบอกว่าแม่แฟนไปดูดวงให้บอกว่าเราสองคนไม่ใช่เนื้อคู่กัน หลังจากดิฉันเรียนจบก็จะทิ้งแฟนไปมีคนที่ดีกว่า หลังเรียนจบเงินเดือน เดือนแรก ของดิฉัน10,000 บาท ตอนนั้นราคายางเริ่มไม่ดี แฟนก็เลยอยากหาอาชีพใหม่ จึงไปสมัครเป็น อาสาสมัครทหารพรานที่ปัตตานี เพื่อจะได้อยู่ใกล้กัน ตอนนั้นแฟนมีเงินติดตัวแค่ 500 บาทจ่ายค่ารถ 200 ถ่ายรูปสำหรับสมัคร 100 เหลือเงินแค่200 ติดตัวไปฝึกเป็นเวลา 45 วัน ตอนนั้นวันเสาร์อาทิตย์เขาอนุญาตให้ญาตเยึ่ยมได้ ดิฉันขับมอเตอร์ไชคะ ซื้อของกิน ของใช้ขนมไปเยี่ยมทุกอาทิตย์ ระยะทางที่ไปมีแต่คนบอกว่ามันอันตราย มีระเบิด คนโดนยิง แต่นั้นมันไม่ได้ทำให้ดิฉันรู้สึกกลัวเลย ดิฉันคิดแต่เพียงว่าแฟนรออยู่ความกลัวต่างๆเลยไม่มี คนอื่นมีพ่อแม่มาเยี่ยมแต่แฟนดิฉันแม้แต่โทรถามข่าวก็ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียว และแล้วสามีก็ฝึกและทำงานมีเงินเดือน
ต่อมาเมื่อการทำงานของดิฉันอยู่ในวงการ การศึกษาทำให้อยากเรียนต่อ เลยสมัครสอบเรียนต่อ ปริญาโท เสาร์-อาทิตย์ แต่ด้วยงานที่หนักประกอบกับการเดินทางจะรู้สึกว่าไม่ไหว จึงตัดสินใจเรียนอย่างเดียว โดยแฟนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตั้งแต่ทำงานแฟนไม่เคยถือบัตร atm จะยกเงินในบัตรทั้งหมดให้ดิฉันส่วนแฟนจะใช้เงินเบี้ยเลี้ยงไม่กี่พันเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ดิฉันถามว่าพอไม่แฟนบอกเสมอพี่อยู่ที่ทำงานมีข้าวกินฟรีที่นอนฟรีสบายมาก
หลังจากดิฉันเรียนจบ ปริญญาโท ดิฉันก็ทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยใน มหาลัย เพราะการทำงานไม่มีเวลา เข้างาน แต่งานที่ได้รับมอบหมายต้องเสร็จ แฟนดิฉันทำงาน 30 วันพัก 10 วัน อาชีพนี้ดิฉันคิดว่ามันจึงเหมาะกับดิฉันเพราะรีบเครียงานให้เสร็จ พอแฟนกลับก็สามารถไปพัก หรือเที่ยวกับแฟนได้
เมื่อการงานของเราสองคนเริ่มเข้าที่ แฟนก็ได้รับบรรจุเป็นข้าราชการทหาร จุดปัญหาเลยเริ่มขึ้น เมื่อแฟนรับราชการแต่ทางบ้านแฟนคิดไปเองว่าดิฉันไม่ทำงานแต่เกาะลูกชายของเขากิน แม่แฟนเรียกไปคุยส่วนตัวขณะที่แฟนดิฉันออกไปข้างนอก ว่าทำไมไม่ยอมทำงานทำการ ทำไมไม่สอบงานอะไรเลย ดิฉันตอบไปว่าไม่อยากชอบงานราชการ การพูดจบลงเมื่อแม่แฟนห็นว่าแฟนดิฉันเดินมา แม่แฟนเปลี่ยนเรื่องพูดทันที ดิฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ดิฉันซึมไปอย่างเห็นได้ชัดจนแฟนถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันจึงเล่าให้ฟังแฟนเลยบอกว่าไม่ต้องสนใจใคร ตัวเรา เรารู้ดีที่สุด และวันหนึ่งขณะที่ดิฉันไปเที่ยวบ้านแฟน แต่แม่แฟนไม่รู้ว่าดิฉันอยู่ในห้องด้านบน แม่แฟนจึงเรียกแฟนไปพูดว่าทำไมไม่หาคนที่ดีกว่านี้ ดูเด็กข้างบ้านเลี้ยงวัวแต่แฟนเขาขับรถคันเป็นล้าน คนสวยรวยเยอะแยะทำไมไม่เอามาทำเมีย ดิฉันได้ยินน้ำตาไหล ไม่หยุด คิดในใจเราผิดขนาดนั้นเลยหรือที่เราเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน มันจึงเป็นแรงผลักดันให้ดิฉันทำงาน คิดเสมอว่าเราต้องมีรถ มีเงินให้ได้ ตามบุคคลิกและนิสัยของดิฉันจะเป็นพูดตรง และไม่ยอมใครถ้าเราไม่ผิด แต่กับที่บ้านแฟนดิฉันยอมทุกอย่างเพราะคิดเสมอว่า สักวันความดีจะเอาชนะทุกอย่าง แม่แฟนอยากได้อะไรฉันรีบจัดหาให้ทันที ไม่สบายดีเป็นคนไปเฝ้าที่โรงพยาบาล อยากไปเชียงใหม่ดิฉันทำงานสะสมเงินเพื่อพาแม่ดิฉันและแม่แฟนไปเที่ยว นั่งเครื่องจากหาดใหญ่ไปเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการนั่งเครื่องครั้งแรกของแม่แฟน ดิฉันมั่นใจว่าความดีที่ดิฉันทำมันจะชนะทุกอย่าง แต่ใช้ไม่ได้จริงกับครอบครัวนี้นอกจากหน้าที่การงานที่ดีและเงินเท่านั้น บ่อยครั้งที่ดิฉันถูกคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจอยู่เสมอ แต่ก็อดทนเพราะคือพ่อแม่ของคนที่เรารัก จนมีอยู่ครั้งหนึ่งดิฉันได้ยินแม่แฟนพูดถึงแม่ดิฉันสาดเสียเทเสีย บอกคนอื่นว่าแม่ดิฉันเป็นคนไม่ดี เล่นชู้จนต้องแยกทางกับพ่อของดิฉัน ซึ่งการเลิกกันของพ่อกับแม่ดิฉัน ดิฉันรู้ดีว่าเกิดจากอะไร พอดิฉันอธิบายแม่แฟนก็ไม่ฟัง เถียงแต่ว่ามันคือเรื่องจริงมีคนบอกมา ดิฉันทนไม่ไหวแล้วจึงระเบิดทุกอย่างออกมา คำที่ดิฉันพูดประโยคสุดท้ายคือนิสัยแบบนี้งัยผัวถึงไปมีเมียอื่น แฟนดิฉันยืนฟังทุกอย่าง แฟนดิฉันจึงพูดไปว่าแม่ใคร ใครก็รัก ถ้าเป็นแม่น้องเขาว่าแม่ผม ผมก็โกรธ และแม่แฟนก็ไปบอกพ่อแฟนว่าดิฉันนิสัยไม่ดีไม่มีมารยาท
เวลาผ่านไปเป็นปีแฟนอยากแต่งงานเพราะคิดว่าเราสองคนก็มีหน้าที่การงานและมีความมั่นคงระดับหนึ่งจากไม่มีอะไรเลย เรามีรถกระบะ 1คันซื้อมือสอง จึงไปบอกกับพ่อแม่แฟนว่า ผมจะแต่งงาน ดิฉันยืนอยู่บ้านใกล้ๆได้ยินชัดเจนทะเลาะกันเสียงดังมาก จะเอาใครก็ได้แต่กุไม่เอาคนคนนี้มาทำสะใภ้ ดิฉันไม่รรู้สึกอะไรเพราะคุยกับแฟนมาก่อนแล้วว่าพ่อแม่ของเขา คงไม่ยอม แต่แฟนยังยืนยันว่าพ่อแม่ต้องยอม แฟนน้ำตาไหลร้องไห้ พูดว่ายังงัยก็จะแต่งให้ได้ แฟนดิฉันจึงให้แม่ดิฉันไปดูฤกษ์ โดยมีญาติแฟนเป็นจัดเตรียมขันหมากอะไรให้ ก่อนวันงานพ่อแฟนประกาศทั่วหมู่บ้านใครไปร่วมงานกุยิง แต่ด้วยความสงสารสารแฟน และทุกคนรู้นิสัยพ่อแม่แฟนว่าเป็นคนอย่างไร จึงทำให้คนมาร่วมงานโดยไม่เกรงกลัว (พ่อแฟนเคยติดคุกข้อหาฆ่าคนตาย) ขยวนขันหมากมาด้วยรอยน้ำตาเพราะทุกคนสงสาร (ดิฉันเพิ่งทราบหลังจากงานเสร็จหลายวัน)ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ หลังจากนั้นแฟนอยากมีลูก เราพยายามนับวันไข่ตก ลุ้นกันทุกเดือนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันทำงานเก็บเงิน ชีวิตเราเริ่มดีขึ้น เราอยากมีอยากได้อะไรเราก็ซื้อเพราะเราถือว่าเราซื้อตามกำลัง จนดิฉันมีงานเสริมเงินเดือนเพิ่มขึ้น เริ่มมีเงินเก็บ เลยตัดสินใจซื้อรถ เนื่องจากจะได้สะดวกตอนทำงาน หลังจากนั้นบริษัทได้แก่ส่งตัวมาดูแลลูกค้าที่กทม.แต่สามีจะมาทุกครั้งที่หยุดงาน โดยบริษัทของดิฉันจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ทุกครั้งที่มา ณ ตอนนั้นทางบ้านสามีก็ไม่มีใครรู้ว่าดิฉันทำงาน มีเงินเดือน เขาคิดว่าเงินที่ดิฉันและสามีจ่ายอยู่คือเงินสามีดิฉันทำงานคนเดียว ทั้งที่เงินเดือนดิฉันเยอะกว่าเงินเดือนสามี ไม่ว่าสามีอยากได้อะไรดิฉันจะซื้อให้ เพราะเมื่อก่อนสามีจะซื้อให้เสมอโดยไม่บน พ่อสามีหาเมียใหม่ให้สามีดิฉัน เสมอเพราะพ่อสามีมีเมียเยอะหลายคน เพราะเขาว่าการมีเมียหลายคนเป็นสิ่งที่ดี หมายถึงมีบารมีและพฤติกรรมสามีก็เปลี่ยนไปจ่ายเงินมากขึ้น โทรไลน์ไปติดสายตลอด จนเราจับได้ว่ามีผู้หญิงคนอื่น ดิฉันขอหย่าแต่เพื่อนฝูงและหลายคนช่วยกันพูด และสามีก็บอกว่าไม่มีอะไรกันเลย ฉันไม่เชื่อ แต่ด้วยความที่นึกถึงตอนเราลำบากผู้ชายคนนี้ช่วยเหลือและรักเราเสมอจึงทำให้ฉันยอมครั้งที่ 1 แต่ก็พูดทั้งท้ายไว้ว่าทำอะไรไว้ระวังจะได้รับอย่างนั้นด้วย เพราะตามการทำงานดิฉันมีโอกาสที่จะเจอคนมากมาย หลากหลายระดับ แต่ดิฉันบอกเสมอว่าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว และไม่พลาดที่จะพาสามีไปแนะใครต่อใครใหรู้จักเสมอ และต่อมาดิฉันตั้งท้องขณะทำงานอยู่ กทม. วันหนึ่งดิฉันได้ยินพ่อสามีโทรหาสามีดิฉันพูดถึงผู้หญิงที่หาให้ แต่เมื่อฉันถามสามีบอกไม่มีอะไร ฉันไม่เชื่อแต่ก็ไม่อยากถามบ่อยดีกว่าถามไปก็แกตัวเปล่า ๆ และแล้วดิฉันก็คลอดลูกเป็นผู้ชายคลอดก่อนกำหนด ตอนเจ็บท้องฉันโทรบอกสามี แต่สามีบอกนายไม่ให้ลา ลาไม่ได้ ขณะที่เตียงใกล้ดิฉันสามีเป็นทหารเหมือนกันเขามานั่งจับมือภรรยาตลอด เขาจำดิฉันได้เพราะรู้จักกับสามีดิฉัน เขาถามว่าสามีดิฉันไม่มาหรือ ดิฉันบอกว่ามาไม่ได้นายห้ามลา เขาว่าจริงหรือ ทั้งๆที่เขาทำงานที่เดียวกัน ฉันนอนร้องไห้ตลอดเวลาไม่คิดว่าคนที่ฉันรักและยอมตายแทนเขาได้จะไทำกับฉันขนาดนี้ ฉันปวดท้องนอนโรงพยาบาล 3วัน ลูกรอพ่อมาหาถึงยอมออกมา พอลูกคลอด2-3วันแม่สามีมาเยี่ยม 3นาทีพร้อมทิ้งปัญหาไว้ให้ ไหนเห็นว่าคลอดก่อนกำหนดทำไม่แข็งแรง ทำไมถึงหน้าตาไม่เหมือนพ่อ พ่อขาวทำไมลูกดำ ฉันอึ้งชั่วขณะ และคืนนั้นที่โรงพยาบาลฉันสังเกต สามีคิดมาก เลยพูดกับสามีว่า ตรวจDNAนะทุกอย่างจบ ถ้าผลออกมาใช่ลูกพี่ พี่ต้องยอมเซ็นต์ใบหย่าและออกจากชีวิตเราสองคนแม่ลูก สามีไม่ยอมตรวจ แต่เมื่อ2-3วันที่ผ่านดิฉันจับได้สามีแอบซื้อโทรศัพท์อีกเครื่อง แอบไว้สำหรับคุยกับอีกคน ฉันควรจบทุกอย่างใช่หรือไม่คะ
เมื่อความรัก...ถึงทางตันควรทำอย่างไร ทท
พอจบ ม.6 ดิฉันอยากเรียนต่อแต่เนื่องจากแม่ไม่สามารถส่งให้เรียนต่อได้เพราะไม่มีเงิน ดิฉันร้องให้หนักมากเพราะอยากเรียนแฟนเห็นเขาเลยไปคุยกับแม้ดิฉันว่า “ผมคงไม่มีเงินมาสู่ขอลูกแม่เป็นแสนๆ แต่ผมจะส่งเสียเท่าที่น้องเขาอยากจะเรียน” และแล้วแฟนดิฉันก็ทำงานทุกอย่าง กรีดยางจ้าง รับเหมา รับจ้างเพื่อส่งเสียดิฉันจนจบปริญญาตรี ดิฉันและครอบครัวไม่เคยอายหรือปิดบังใครว่าแฟนดิฉันส่งดิฉันเรียนจนจบ จนมีคนไปพูดให้เขาหูแม่แฟนทำให้แม่แฟนไม่พอใจจนทะเลาะกัน แฟนก็บอกแม่เขาว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ผมไม่เคยขอแม่ มันได้มาจากการใช้แรงงานของผมทำไมผม ผมจะทำอะไรก็ได้ เมื่อเมื่อดิฉันเรียนจบ ดิฉันได้ทำงานช่วยอาจารย์ในมอ. และรับจ้างทำงานทุกอย่าง เช่นรับจ้างคีย์ข้อมูลงานวิจัย ออลืมบอกไปคะนอกจากได้ทุนเรียนฟรีแล้ว ดิฉันกู้เงิน กยศ.และทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยด้วยคะ เงินเดือนยังจำได้เลยคะ 4,500 เพราะฉนั้นชีวิตในมหาลัยของดิฉันเลยไม่ลำบากแถมยังมีเงินมาให้แม่ดูแลน้อง ตอนนั้นแฟนโทรมาบอกว่าแม่แฟนไปดูดวงให้บอกว่าเราสองคนไม่ใช่เนื้อคู่กัน หลังจากดิฉันเรียนจบก็จะทิ้งแฟนไปมีคนที่ดีกว่า หลังเรียนจบเงินเดือน เดือนแรก ของดิฉัน10,000 บาท ตอนนั้นราคายางเริ่มไม่ดี แฟนก็เลยอยากหาอาชีพใหม่ จึงไปสมัครเป็น อาสาสมัครทหารพรานที่ปัตตานี เพื่อจะได้อยู่ใกล้กัน ตอนนั้นแฟนมีเงินติดตัวแค่ 500 บาทจ่ายค่ารถ 200 ถ่ายรูปสำหรับสมัคร 100 เหลือเงินแค่200 ติดตัวไปฝึกเป็นเวลา 45 วัน ตอนนั้นวันเสาร์อาทิตย์เขาอนุญาตให้ญาตเยึ่ยมได้ ดิฉันขับมอเตอร์ไชคะ ซื้อของกิน ของใช้ขนมไปเยี่ยมทุกอาทิตย์ ระยะทางที่ไปมีแต่คนบอกว่ามันอันตราย มีระเบิด คนโดนยิง แต่นั้นมันไม่ได้ทำให้ดิฉันรู้สึกกลัวเลย ดิฉันคิดแต่เพียงว่าแฟนรออยู่ความกลัวต่างๆเลยไม่มี คนอื่นมีพ่อแม่มาเยี่ยมแต่แฟนดิฉันแม้แต่โทรถามข่าวก็ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียว และแล้วสามีก็ฝึกและทำงานมีเงินเดือน
ต่อมาเมื่อการทำงานของดิฉันอยู่ในวงการ การศึกษาทำให้อยากเรียนต่อ เลยสมัครสอบเรียนต่อ ปริญาโท เสาร์-อาทิตย์ แต่ด้วยงานที่หนักประกอบกับการเดินทางจะรู้สึกว่าไม่ไหว จึงตัดสินใจเรียนอย่างเดียว โดยแฟนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตั้งแต่ทำงานแฟนไม่เคยถือบัตร atm จะยกเงินในบัตรทั้งหมดให้ดิฉันส่วนแฟนจะใช้เงินเบี้ยเลี้ยงไม่กี่พันเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ดิฉันถามว่าพอไม่แฟนบอกเสมอพี่อยู่ที่ทำงานมีข้าวกินฟรีที่นอนฟรีสบายมาก
หลังจากดิฉันเรียนจบ ปริญญาโท ดิฉันก็ทำงานเป็นผู้ช่วยนักวิจัยใน มหาลัย เพราะการทำงานไม่มีเวลา เข้างาน แต่งานที่ได้รับมอบหมายต้องเสร็จ แฟนดิฉันทำงาน 30 วันพัก 10 วัน อาชีพนี้ดิฉันคิดว่ามันจึงเหมาะกับดิฉันเพราะรีบเครียงานให้เสร็จ พอแฟนกลับก็สามารถไปพัก หรือเที่ยวกับแฟนได้
เมื่อการงานของเราสองคนเริ่มเข้าที่ แฟนก็ได้รับบรรจุเป็นข้าราชการทหาร จุดปัญหาเลยเริ่มขึ้น เมื่อแฟนรับราชการแต่ทางบ้านแฟนคิดไปเองว่าดิฉันไม่ทำงานแต่เกาะลูกชายของเขากิน แม่แฟนเรียกไปคุยส่วนตัวขณะที่แฟนดิฉันออกไปข้างนอก ว่าทำไมไม่ยอมทำงานทำการ ทำไมไม่สอบงานอะไรเลย ดิฉันตอบไปว่าไม่อยากชอบงานราชการ การพูดจบลงเมื่อแม่แฟนห็นว่าแฟนดิฉันเดินมา แม่แฟนเปลี่ยนเรื่องพูดทันที ดิฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ดิฉันซึมไปอย่างเห็นได้ชัดจนแฟนถามว่าเกิดอะไรขึ้น ดิฉันจึงเล่าให้ฟังแฟนเลยบอกว่าไม่ต้องสนใจใคร ตัวเรา เรารู้ดีที่สุด และวันหนึ่งขณะที่ดิฉันไปเที่ยวบ้านแฟน แต่แม่แฟนไม่รู้ว่าดิฉันอยู่ในห้องด้านบน แม่แฟนจึงเรียกแฟนไปพูดว่าทำไมไม่หาคนที่ดีกว่านี้ ดูเด็กข้างบ้านเลี้ยงวัวแต่แฟนเขาขับรถคันเป็นล้าน คนสวยรวยเยอะแยะทำไมไม่เอามาทำเมีย ดิฉันได้ยินน้ำตาไหล ไม่หยุด คิดในใจเราผิดขนาดนั้นเลยหรือที่เราเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน มันจึงเป็นแรงผลักดันให้ดิฉันทำงาน คิดเสมอว่าเราต้องมีรถ มีเงินให้ได้ ตามบุคคลิกและนิสัยของดิฉันจะเป็นพูดตรง และไม่ยอมใครถ้าเราไม่ผิด แต่กับที่บ้านแฟนดิฉันยอมทุกอย่างเพราะคิดเสมอว่า สักวันความดีจะเอาชนะทุกอย่าง แม่แฟนอยากได้อะไรฉันรีบจัดหาให้ทันที ไม่สบายดีเป็นคนไปเฝ้าที่โรงพยาบาล อยากไปเชียงใหม่ดิฉันทำงานสะสมเงินเพื่อพาแม่ดิฉันและแม่แฟนไปเที่ยว นั่งเครื่องจากหาดใหญ่ไปเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการนั่งเครื่องครั้งแรกของแม่แฟน ดิฉันมั่นใจว่าความดีที่ดิฉันทำมันจะชนะทุกอย่าง แต่ใช้ไม่ได้จริงกับครอบครัวนี้นอกจากหน้าที่การงานที่ดีและเงินเท่านั้น บ่อยครั้งที่ดิฉันถูกคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจอยู่เสมอ แต่ก็อดทนเพราะคือพ่อแม่ของคนที่เรารัก จนมีอยู่ครั้งหนึ่งดิฉันได้ยินแม่แฟนพูดถึงแม่ดิฉันสาดเสียเทเสีย บอกคนอื่นว่าแม่ดิฉันเป็นคนไม่ดี เล่นชู้จนต้องแยกทางกับพ่อของดิฉัน ซึ่งการเลิกกันของพ่อกับแม่ดิฉัน ดิฉันรู้ดีว่าเกิดจากอะไร พอดิฉันอธิบายแม่แฟนก็ไม่ฟัง เถียงแต่ว่ามันคือเรื่องจริงมีคนบอกมา ดิฉันทนไม่ไหวแล้วจึงระเบิดทุกอย่างออกมา คำที่ดิฉันพูดประโยคสุดท้ายคือนิสัยแบบนี้งัยผัวถึงไปมีเมียอื่น แฟนดิฉันยืนฟังทุกอย่าง แฟนดิฉันจึงพูดไปว่าแม่ใคร ใครก็รัก ถ้าเป็นแม่น้องเขาว่าแม่ผม ผมก็โกรธ และแม่แฟนก็ไปบอกพ่อแฟนว่าดิฉันนิสัยไม่ดีไม่มีมารยาท
เวลาผ่านไปเป็นปีแฟนอยากแต่งงานเพราะคิดว่าเราสองคนก็มีหน้าที่การงานและมีความมั่นคงระดับหนึ่งจากไม่มีอะไรเลย เรามีรถกระบะ 1คันซื้อมือสอง จึงไปบอกกับพ่อแม่แฟนว่า ผมจะแต่งงาน ดิฉันยืนอยู่บ้านใกล้ๆได้ยินชัดเจนทะเลาะกันเสียงดังมาก จะเอาใครก็ได้แต่กุไม่เอาคนคนนี้มาทำสะใภ้ ดิฉันไม่รรู้สึกอะไรเพราะคุยกับแฟนมาก่อนแล้วว่าพ่อแม่ของเขา คงไม่ยอม แต่แฟนยังยืนยันว่าพ่อแม่ต้องยอม แฟนน้ำตาไหลร้องไห้ พูดว่ายังงัยก็จะแต่งให้ได้ แฟนดิฉันจึงให้แม่ดิฉันไปดูฤกษ์ โดยมีญาติแฟนเป็นจัดเตรียมขันหมากอะไรให้ ก่อนวันงานพ่อแฟนประกาศทั่วหมู่บ้านใครไปร่วมงานกุยิง แต่ด้วยความสงสารสารแฟน และทุกคนรู้นิสัยพ่อแม่แฟนว่าเป็นคนอย่างไร จึงทำให้คนมาร่วมงานโดยไม่เกรงกลัว (พ่อแฟนเคยติดคุกข้อหาฆ่าคนตาย) ขยวนขันหมากมาด้วยรอยน้ำตาเพราะทุกคนสงสาร (ดิฉันเพิ่งทราบหลังจากงานเสร็จหลายวัน)ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ หลังจากนั้นแฟนอยากมีลูก เราพยายามนับวันไข่ตก ลุ้นกันทุกเดือนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดิฉันทำงานเก็บเงิน ชีวิตเราเริ่มดีขึ้น เราอยากมีอยากได้อะไรเราก็ซื้อเพราะเราถือว่าเราซื้อตามกำลัง จนดิฉันมีงานเสริมเงินเดือนเพิ่มขึ้น เริ่มมีเงินเก็บ เลยตัดสินใจซื้อรถ เนื่องจากจะได้สะดวกตอนทำงาน หลังจากนั้นบริษัทได้แก่ส่งตัวมาดูแลลูกค้าที่กทม.แต่สามีจะมาทุกครั้งที่หยุดงาน โดยบริษัทของดิฉันจะออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ทุกครั้งที่มา ณ ตอนนั้นทางบ้านสามีก็ไม่มีใครรู้ว่าดิฉันทำงาน มีเงินเดือน เขาคิดว่าเงินที่ดิฉันและสามีจ่ายอยู่คือเงินสามีดิฉันทำงานคนเดียว ทั้งที่เงินเดือนดิฉันเยอะกว่าเงินเดือนสามี ไม่ว่าสามีอยากได้อะไรดิฉันจะซื้อให้ เพราะเมื่อก่อนสามีจะซื้อให้เสมอโดยไม่บน พ่อสามีหาเมียใหม่ให้สามีดิฉัน เสมอเพราะพ่อสามีมีเมียเยอะหลายคน เพราะเขาว่าการมีเมียหลายคนเป็นสิ่งที่ดี หมายถึงมีบารมีและพฤติกรรมสามีก็เปลี่ยนไปจ่ายเงินมากขึ้น โทรไลน์ไปติดสายตลอด จนเราจับได้ว่ามีผู้หญิงคนอื่น ดิฉันขอหย่าแต่เพื่อนฝูงและหลายคนช่วยกันพูด และสามีก็บอกว่าไม่มีอะไรกันเลย ฉันไม่เชื่อ แต่ด้วยความที่นึกถึงตอนเราลำบากผู้ชายคนนี้ช่วยเหลือและรักเราเสมอจึงทำให้ฉันยอมครั้งที่ 1 แต่ก็พูดทั้งท้ายไว้ว่าทำอะไรไว้ระวังจะได้รับอย่างนั้นด้วย เพราะตามการทำงานดิฉันมีโอกาสที่จะเจอคนมากมาย หลากหลายระดับ แต่ดิฉันบอกเสมอว่าแต่งงานมีครอบครัวแล้ว และไม่พลาดที่จะพาสามีไปแนะใครต่อใครใหรู้จักเสมอ และต่อมาดิฉันตั้งท้องขณะทำงานอยู่ กทม. วันหนึ่งดิฉันได้ยินพ่อสามีโทรหาสามีดิฉันพูดถึงผู้หญิงที่หาให้ แต่เมื่อฉันถามสามีบอกไม่มีอะไร ฉันไม่เชื่อแต่ก็ไม่อยากถามบ่อยดีกว่าถามไปก็แกตัวเปล่า ๆ และแล้วดิฉันก็คลอดลูกเป็นผู้ชายคลอดก่อนกำหนด ตอนเจ็บท้องฉันโทรบอกสามี แต่สามีบอกนายไม่ให้ลา ลาไม่ได้ ขณะที่เตียงใกล้ดิฉันสามีเป็นทหารเหมือนกันเขามานั่งจับมือภรรยาตลอด เขาจำดิฉันได้เพราะรู้จักกับสามีดิฉัน เขาถามว่าสามีดิฉันไม่มาหรือ ดิฉันบอกว่ามาไม่ได้นายห้ามลา เขาว่าจริงหรือ ทั้งๆที่เขาทำงานที่เดียวกัน ฉันนอนร้องไห้ตลอดเวลาไม่คิดว่าคนที่ฉันรักและยอมตายแทนเขาได้จะไทำกับฉันขนาดนี้ ฉันปวดท้องนอนโรงพยาบาล 3วัน ลูกรอพ่อมาหาถึงยอมออกมา พอลูกคลอด2-3วันแม่สามีมาเยี่ยม 3นาทีพร้อมทิ้งปัญหาไว้ให้ ไหนเห็นว่าคลอดก่อนกำหนดทำไม่แข็งแรง ทำไมถึงหน้าตาไม่เหมือนพ่อ พ่อขาวทำไมลูกดำ ฉันอึ้งชั่วขณะ และคืนนั้นที่โรงพยาบาลฉันสังเกต สามีคิดมาก เลยพูดกับสามีว่า ตรวจDNAนะทุกอย่างจบ ถ้าผลออกมาใช่ลูกพี่ พี่ต้องยอมเซ็นต์ใบหย่าและออกจากชีวิตเราสองคนแม่ลูก สามีไม่ยอมตรวจ แต่เมื่อ2-3วันที่ผ่านดิฉันจับได้สามีแอบซื้อโทรศัพท์อีกเครื่อง แอบไว้สำหรับคุยกับอีกคน ฉันควรจบทุกอย่างใช่หรือไม่คะ