สวัสดีกันอีกครั้งค่ะหลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้เราได้รีวิวที่พักในโอซาก้าไป 1 ที่ วันนี้เราขอมารีวิวที่ที่ 2 ในจำนวนทั้งหมด 7 ที่ ที่ตั้งใจจะรีวิวในครั้งนี้ สำหรับที่พักนี้เราไปพักกันที่จังหวัดทตโตริ (Tottori)
ทตโตริเป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ในภูมิภาคชูโงกุ (Chugoku) ของญี่ปุ่น การเดินทางไปทตโตริ (Tottori) สามารถเดินทางง่ายๆจากโอซาก้า เจ้าของกระทู้มีพาส Kansai Wide Area Pass ก็เลยสามารถใช้นั่งไปได้จนถึงสถานี Tottori แต่หากจะไปไกลกว่าสถานี Tottori พาสนี้ก็ไม่ครอบคลุมแล้วนะคะ
แม้ทตโตริชื่ออาจไม่คุ้นหูเรานักแต่ก็เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่งน่าสนใจไม่น้อย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของทตโตริ ก็เช่น เนินทรายทตโตริ พิพิธภัณฑ์นักสืบจิ๋วโคนัน พิพิธภัณฑ์ผีน้อยคิทาโร่ ภูเขาไฟ Daisen เป็นต้น ซึ่งที่เขียนมาทั้งหมดเป็นสถานที่เด่นๆในจังหวัดทตโตริ แต่เชื่อไหมคะว่าเราไม่ได้ไปสักแห่ง 555 ฮาตัวเองจริงๆ
ที่พักในทตโตริ ที่จะรีวิวในครั้งนี้คือ The Beehive ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีทตโตริ (Tottori Station) เพียง 550 เมตร แถวๆสถานี Tottori มีที่พักอื่นที่ใกล้กว่า เช่น Drop Inn Tottori ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี Tottori เพียง 350 ม. แต่มันใกล้ไปค่ะเลยไม่พักอยากเดินไกลๆมีอะไรไหม555 ที่ Drop Inn Tottori ก็เป็นอีกที่ที่น่าไปพักนะคะเพราะจากรูปดูแล้วสะอาดเราชอบที่พักสไตล์แบบนี้อยู่แล้วด้วย และเกือบพักของเจ้านี้ที่โอซาก้าแล้วเหมือนกันแต่เปลี่ยนใจเสียก่อน นอกจากนี้ก็ยังมีโรงแรม APA ที่ก็อยู่ไม่ไกลจากกัน
สำหรับโรงแรม The Beehive หรืออีกชื่อคือ Bird Stay Hotel คือเราไม่รู้ว่ามันมี 2 ชื่อ หรืออะไรอย่างไร เราเจอโรงแรมนี้โดยบังเอิญไม่ได้อ่านรีวิวอะไรเจอจากแอพที่จองที่พักเนี่ยแหล่ะค่ะ ดูภาพแล้วชอบเลยจัดไปซะ ราคาดีงาม 2 คืน เพียง 5,000 Yen คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,500 บ. คิดเป็นราคาต่อคืนประมาณ 750 บ. แต่คุณภาพอยากจะบอกว่า เธอดีเกินไป ไปดูที่พักกันเลยดีกว่า
ที่พักน่าอยู่มากๆเลยค่ะ สงบ และสะอาด หน้าที่พักมีป้ายเขียนว่า The Beehive และ Bird-Stay Hotel ที่นี่เราว่ามีทั้งที่เป็นห้องรวม และห้องเดี่ยว เพราะเราเห็นเหมือนมีนักธุรกิจมาพักด้วย
ด้านหน้าประตูทางเข้ามีที่วางร่ม มีป้ายบอกจำนวนชั้นพร้อมระบุว่าแต่ละชั้นมีอะไร มีผังของชั้น 1 ซึ่งแต่ละชั้นจะมีผังบอกว่าตรงไหนเป็นอะไรนะคะ
ประตูด้านหน้าเป็นประตูอัตโนมัติ เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นโถงใหญ่ มีพนักงานต้อนรับคอยรับลูกค้าที่เค้าเตอร์ และมี Coffee Shop เล็กๆตรงด้านขวาของทางเข้า
ด้านในก็กว้างขวาง สะอาด และดูดีทีเดียว
หลังจากเช็คอินแล้วพนักงานก็จะให้ข้อมูล และให้คีย์การ์ด + กุญแจล็อคเกอร์ + สายคล้องกระเป๋า มาให้ เราจองที่พักแบบห้องรวมหญิงซึ่งอยู่ที่ชั้น 4 และเราสามารถลงมาที่ชั้น 2 ซึ่งจะเป็นห้อง Relaxation ห้อง Business Lounge และมีตู้กดน้ำ มีห้องซักผ้ารวมอยู่ในชั้นนี้ค่ะ ที่นี่มีลิฟท์ 2 ตัวนะคะ
ที่นี่มีทั้งหมด 7 ชั้น
เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 4 ก็จะมีผังบอกว่าชั้นนี้มีอะไรบ้าง เราชอบที่นี่มากๆเพราะเป็นโฮสเทลที่แยกแต่ละส่วนออกชัดเจน เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องที่รวมตู้ล็อคเกอร์ ห้องเก็บกระเป๋าซึ่งมีถึง 2 ห้อง คือไม่ให้นำกระเป๋าใบใหญ่เข้าไปในห้องนอน ซึ่งดีมากๆ เพราะจะได้ไม่มีเสียงจัดกระเป๋า เปิดปิดกระเป๋าให้ปวดหัว
บริเวณด้านหน้าห้องพัก
เราจะเข้าห้องได้ต้องใช้คีย์การ์ดแตะตรงป้ายด้านซ้ายหน้าประตูนี้นะคะ
นี่ค่ะคีย์การ์ดได้มาเป็นป้ายแขวนคอเลย สะดวกจริงๆ และได้กุญแจมา 2 ดอก เป็นกุญแจสำหรับตู้ล็อคเกอร์ กับกุญแจตู้เล็กๆที่อยู่ตรงเหนือหัวนอน
ไปดูด้านในห้องกันเลยดีกว่า ด้านในห้องรวมหญิงก็จะซอยออกเป็นส่วนใหญ่ๆ อีก 3 ส่วน และแบ่งเป็นตู้ๆ ดูไม่อึดอึดเลย ทางเดินภายในห้องปูพรม และกว้างขวาง ไม่มีกลิ่นอับของห้องหรือของพรมเลยแม้แต่น้อย
เตียงแต่ละเตียงถูกกั้นความเป็นส่วนตัวด้วยม่านกันที่ใช้ดึงลงมา
มาดูด้านในเตียงนอนกันบ้าง เตียงกว้างไม่อึดอัด
มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ครบ บนหัวเตียงมีนาฬิกาบอกเวลา ปุ่มสำหรับปิด หรือหรี่ไฟ ซึ่งไฟในห้องสามารถเปิดปิดได้จากตรงทางเข้า หรือจากหัวเตียง มีปุ่มสำหรับหรี่หรือเพิ่มเสียงเพลงซึ่งเป็นเพลงบรรเลงที่เปิดมาจากส่วนกลาง ด้านซ้านมือตรงหัวเตียงจะเป็นตู้เก็บของเล็กๆ มีกุญแจให้ และด้านซ้ายจะเป็นชั้นวางของ
ส่วนที่เป็นห้องน้ำ กับห้องล็อคเกอร์
ห้องล็อคเกอร์เป็นแบบสูงๆมากกว่า 160 เมตร
ในบริเวณเดียวกันมีห้องเล็กๆ หน้าห้องมีป้ายติดว่า Changing Room คงมีไว้ให้เปลี่ยนเสื้อผ้า
ไปดูห้องน้ำ และห้องอาบน้ำกันค่ะ เปิดประตูนี้เข้ามาก็จะเจอกับห้องสุขา และห้องอาบน้ำ ซึ่งสะอาดมากๆ พื้นปูด้วยลามิเนต
ดูความใส่ใจของเขาค่ะ ห้องสุขาทุกห้องมีผ้าอนามัยวางไว้ให้ใช้ห้องละ 2 แผ่น
มาดูห้องอาบน้ำกันบ้าง
ภายในห้องอาบน้ำก็แบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน มีไม้แขวนเสื้อให้ มีครีมอาบน้ำ ครีมล้างหน้า ยาสระผม และครีมนวด
และรู้สึกดีมากๆกับสิ่งนี้ คือด้านหน้าห้องอาบน้ำที่เป็นส่วนเปียกมีผ้าเช็ดเท้าที่วางไว้ให้หลายผืนเพื่อให้เราเปลี่ยนใช้ได้ตามความพอใจ
ด้านหน้าของห้องอาบน้ำ
ห้องเก็บกระเป๋าเดินทางมี 2 ห้อง
พาลงไปชั้น 2 ไปดูห้องอื่นๆกันบ้าง
บริเวณล็อบบี้ชั้น 2 กว้างขวางไม่หวงพื้นที่เลย
บริเวณชั้น 2 จะมีห้องที่ให้เราไว้นั่งทำงาน
ข้างๆกันเป็นห้องนั่งเล่น
[CR] รีวิวที่พักหลักร้อยในทตโตริ ราคาไม่สมคุณภาพเพราะเธอดีเกินไป
ทตโตริเป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ในภูมิภาคชูโงกุ (Chugoku) ของญี่ปุ่น การเดินทางไปทตโตริ (Tottori) สามารถเดินทางง่ายๆจากโอซาก้า เจ้าของกระทู้มีพาส Kansai Wide Area Pass ก็เลยสามารถใช้นั่งไปได้จนถึงสถานี Tottori แต่หากจะไปไกลกว่าสถานี Tottori พาสนี้ก็ไม่ครอบคลุมแล้วนะคะ
แม้ทตโตริชื่ออาจไม่คุ้นหูเรานักแต่ก็เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่งน่าสนใจไม่น้อย สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของทตโตริ ก็เช่น เนินทรายทตโตริ พิพิธภัณฑ์นักสืบจิ๋วโคนัน พิพิธภัณฑ์ผีน้อยคิทาโร่ ภูเขาไฟ Daisen เป็นต้น ซึ่งที่เขียนมาทั้งหมดเป็นสถานที่เด่นๆในจังหวัดทตโตริ แต่เชื่อไหมคะว่าเราไม่ได้ไปสักแห่ง 555 ฮาตัวเองจริงๆ
ที่พักในทตโตริ ที่จะรีวิวในครั้งนี้คือ The Beehive ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีทตโตริ (Tottori Station) เพียง 550 เมตร แถวๆสถานี Tottori มีที่พักอื่นที่ใกล้กว่า เช่น Drop Inn Tottori ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี Tottori เพียง 350 ม. แต่มันใกล้ไปค่ะเลยไม่พักอยากเดินไกลๆมีอะไรไหม555 ที่ Drop Inn Tottori ก็เป็นอีกที่ที่น่าไปพักนะคะเพราะจากรูปดูแล้วสะอาดเราชอบที่พักสไตล์แบบนี้อยู่แล้วด้วย และเกือบพักของเจ้านี้ที่โอซาก้าแล้วเหมือนกันแต่เปลี่ยนใจเสียก่อน นอกจากนี้ก็ยังมีโรงแรม APA ที่ก็อยู่ไม่ไกลจากกัน
สำหรับโรงแรม The Beehive หรืออีกชื่อคือ Bird Stay Hotel คือเราไม่รู้ว่ามันมี 2 ชื่อ หรืออะไรอย่างไร เราเจอโรงแรมนี้โดยบังเอิญไม่ได้อ่านรีวิวอะไรเจอจากแอพที่จองที่พักเนี่ยแหล่ะค่ะ ดูภาพแล้วชอบเลยจัดไปซะ ราคาดีงาม 2 คืน เพียง 5,000 Yen คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1,500 บ. คิดเป็นราคาต่อคืนประมาณ 750 บ. แต่คุณภาพอยากจะบอกว่า เธอดีเกินไป ไปดูที่พักกันเลยดีกว่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้