https://www.share2trade.com/index.php?mod=talk&file=view&id=361
By... อินทรีบูรพา
หลายคนคงรู้จักกันดีกับคำว่าดัชนี MSCI หรือ MSCI Index ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงที่บริษัท Morgan Stanley Capital International (MSCI) จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้นำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทน โดยหุ้นแต่ละกลุ่มที่ถูกคัดเลือกเข้าไปจะมีการทบทวนเลือกเข้าหรือออกเป็นงวดตามเกณฑ์ที่กำหนด
เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนในหุ้นไทยแน่นอนก็คือ MSCI กำลังพิจารณาปรับเกณฑ์นำกระดาน NVDR (Non-Voting Depository Receipt) มาร่วมคำนวณดัชนี จากเดิมที่คิดคำนวนจาก Foreign Share ซึ่งบางหลักทรัพย์มีการถือโดยต่างชาติเต็มเพดานแล้ว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประเมินว่า ผลจากสิ่งนี้จะทำให้ MSCI อาจจะคำนวนเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยอีกราว 0.5% ในขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ค่ายต่างๆ ก็ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน
บล.บัวหลวง คาดว่า MSCI จะให้น้ำหนักหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จาก 2.5% โดยมีข้อมูลเบื้องต้นจากนักวิเคราะห์ว่า การพิจารณาจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ บล.โนมูระ พัฒนสิน (ประเทศไทย) ระบุว่า การเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของ MSCI ก่อนวันที่ 29 มี.ค.นี้ น่าจะรู้ผลแล้ว และผลของการปรับเกณฑ์จะสนับสนุนให้เม็ดเงินกองทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เข้ามาลงทุนใน MSCI Thailand
สำหรับตัวหุ้นที่ได้ประโยชน์น่าสนใจ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ชี้เสปกเป็นหุ้นใหญ่-สภาพคล่องดี แนะนำ BBL, KKP, AMATA, BEM, HMPRO, PTT, TOP, AOT และ CPALL
อีกประเด็นบวกที่ซ้อนขึ้นมาในเดือนนี้คือ FTSE (The Financial Times และ London Stock Exchange) ผู้จัดทำดัชนีในระดับสากลที่ได้รับความนิยมแพร่ทั่วโลกอีกเจ้าก็ยังจะปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยรอบเดือนมี.ค. และจะมีผลบังคับใช้โดยใช้ราคาปิด ณ สิ้นวันที่ 15 มีนาคม 62 โดยหุ้นไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักใน FTSE All Word Asia-Pacific จาก 1.83% เป็น 1.87% คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 5 พันล้านบาท โดยรอบนี้มีหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี Large Cap คือ HMPRO, GULF, EA, MINT, MAKRO, BEM, DIF และหุ้นที่เข้าดัชนี Mid Cap คือ MTC, GPSC
ดับเบิ้ลเฮง!! MSCI และ FTSE จ่อดันหุ้นไทย
By... อินทรีบูรพา
หลายคนคงรู้จักกันดีกับคำว่าดัชนี MSCI หรือ MSCI Index ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงที่บริษัท Morgan Stanley Capital International (MSCI) จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้นำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทน โดยหุ้นแต่ละกลุ่มที่ถูกคัดเลือกเข้าไปจะมีการทบทวนเลือกเข้าหรือออกเป็นงวดตามเกณฑ์ที่กำหนด
เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนในหุ้นไทยแน่นอนก็คือ MSCI กำลังพิจารณาปรับเกณฑ์นำกระดาน NVDR (Non-Voting Depository Receipt) มาร่วมคำนวณดัชนี จากเดิมที่คิดคำนวนจาก Foreign Share ซึ่งบางหลักทรัพย์มีการถือโดยต่างชาติเต็มเพดานแล้ว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประเมินว่า ผลจากสิ่งนี้จะทำให้ MSCI อาจจะคำนวนเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยอีกราว 0.5% ในขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ค่ายต่างๆ ก็ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกัน
บล.บัวหลวง คาดว่า MSCI จะให้น้ำหนักหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 3% จาก 2.5% โดยมีข้อมูลเบื้องต้นจากนักวิเคราะห์ว่า การพิจารณาจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ บล.โนมูระ พัฒนสิน (ประเทศไทย) ระบุว่า การเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของ MSCI ก่อนวันที่ 29 มี.ค.นี้ น่าจะรู้ผลแล้ว และผลของการปรับเกณฑ์จะสนับสนุนให้เม็ดเงินกองทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เข้ามาลงทุนใน MSCI Thailand
สำหรับตัวหุ้นที่ได้ประโยชน์น่าสนใจ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ชี้เสปกเป็นหุ้นใหญ่-สภาพคล่องดี แนะนำ BBL, KKP, AMATA, BEM, HMPRO, PTT, TOP, AOT และ CPALL
อีกประเด็นบวกที่ซ้อนขึ้นมาในเดือนนี้คือ FTSE (The Financial Times และ London Stock Exchange) ผู้จัดทำดัชนีในระดับสากลที่ได้รับความนิยมแพร่ทั่วโลกอีกเจ้าก็ยังจะปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยรอบเดือนมี.ค. และจะมีผลบังคับใช้โดยใช้ราคาปิด ณ สิ้นวันที่ 15 มีนาคม 62 โดยหุ้นไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักใน FTSE All Word Asia-Pacific จาก 1.83% เป็น 1.87% คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้าประมาณ 5 พันล้านบาท โดยรอบนี้มีหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี Large Cap คือ HMPRO, GULF, EA, MINT, MAKRO, BEM, DIF และหุ้นที่เข้าดัชนี Mid Cap คือ MTC, GPSC