กำลังจะแต่งงานแต่เราขอยกเลิกการแต่งงานเขาไม่ยอมเลิก เหตุผลเพราะเราไม่พร้อมและรู้สึกว่าเขาไม่ใช่และเรายังรักแฟนเก่า

ยาวหน่อย อย่าเพิ่งว่าเรานะคะ ตอนนี้เรากำลังสับสน ซึ่งเราก็คิดว่าเราไตร่ตรองอย่างดีแล้ว และทำทุกอย่างตามแผนแต่มันไม่ใช่แบบที่คิดค่ะ
เม่าฝนตก
เริ่มแรกค่ะ เรามีแฟนที่คบกันมา 7-8 ปี ให้ชื่อว่าหนึ่งนะคะ แทบจะเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน เพราะคบกันมาเรื่อยๆเจอช่วงเปลี่ยนผ่านในหลายๆจังหวะชีวิต เรากับหนึ่งเข้ากันได้ทุกอย่าง เราสไตล์เดียวกันคือชอบเที่ยว เที่ยวแบบสายลุย เราทั้งคู่ต่างดูแลซึ่งกันและกันมาอย่างดีมาก อยู่ด้วยกันมีความสุขมากๆ ไปเที่ยว ไปไหนมาไหนด้วยกัน ขึ้นรถลงเรือ ไม่ใช่แค่เรื่องเที่ยว เรายังช่วยกันผลักดันเพิ่มพลังบวกให้กันไม่ว่าจะเรื่องเรียน จนทำงานเราก็ช่วยเหลือผลักดันเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันในทุกๆเรื่อง เราผ่านอะไรร่วมกันมาเยอะ ทุกข์ด้วยกัน สุขด้วยกัน ลำบากมาด้วยกัน จนเริ่มสบาย มีแพลนจะแต่งงานกันอีก 2 ปีข้างหน้า
แต่ข้อเสียอย่างนึงคือหนึ่งเขาเจ้าชู้ค่ะ ระยะวลาตลอด 7-8 ปี อยู่ด้วยกัน เขามักจะต้องมีสาวๆคุยด้วยตลอด ด้วยความที่เขาเป็นคนสุภาพเทคแคร์เก่งมีสเน่ห์ หน้าที่การงานดี ใครๆอยู่ด้วยต้องชอบ แน่นอนล่ะ มีทั้งจับได้และจับไม่ได้ เราก็ให้อภัยมาตลอด จนล่าสุด เขามีอีกคนนึงจริงจัง ให้ชื่อว่าAนะคะ โดยเอาเวลาที่อยู่กับเราทั้งหมดไปให้Aอีกคนจะกลับมาก็แค่นอนเท่านั้น แต่บางคืนก็ไปค้างกับ A บ้างค่ะ Aพยายามทุกๆวิธีที่จะทำให้เรากับหนึ่งเลิกกันค่ะไม่ว่าจะแชทส่งมาบอกเราว่าหนึ่งนอกใจตอนนี่นอนอยู่กับA แชทมาด่าเราโง่บ้างล่ะ ขอให้เราเลิกกับหนึ่งบ้างล่ะ รายงานตลอดว่าทำอะไรกันบ้าง บลาๆ จนเราเบื่อรำคาญและเจ็บปวดทรมานมากๆค่ะ เรารู้สึกว่าหนึ่งควรจะปกป้องเราไม่ให้ Aมายุ่งกับเราค่ะ และหากหนึ่งอยากคบA ก็ควรเลิกกับเราไปค่ะไม่ควรคบซ้อนแบบนี้ จังหวะนั้นหนึ่งก็บอกว่าจะเลิกกับA แต่ก็ให้อภัยค่ะ แต่สุดท้ายเราก็จับได้ทุกทีว่ายังยุ่งกันโดย A มาบอกเราค่ะ จึงตัดสินใจถอยค่ะ เหตุการณ์นี้ที่ทำให้เราต้องเลิกกัน (เราเป็นคนบอกเลิกหนึ่ง) และย้ายข้าวของออกมาค่ะ แต่หลังจากนั้น หนึ่งก็เลิกกับAไปค่ะเพราะAไม่ได้ดีอย่างที่หนึ่งคิดค่ะ

นี่แค่เกริ่นค่ะ
ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เรากลุ้มใจค่ะ เนื่องจากว่า... ตอนนั้นเราเจ็บหนัก สภาพเราแย่มากๆ และมีผู้ชายอีกคนซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแฟนคนปัจจุบันค่ะให้ชื่อว่าสองนะคะ เขาเข้ามาในช่วงนั้นพอดี และคอยดูแลเราค่ะ พาเราไปทานข้าว พาเราออกไปข้างนอก เราบอกสองว่าเราไม่พร้อมคบกับสองเพราะเราเข็ดกับการฝากใจไปไว้กับอีกคนค่ะ ยังไม่อยากมีใคร อยากอยู่คนเดียว แต่สองบอกว่าจะรอค่ะ จนสุดท้ายเราแพ้ความพยายาม ความดี ของสองค่ะ เราจึงตกลงคบกับสอง ระยะเวลาเกือบ 2 ปี ดำเนินมาเรื่อยๆ ครอบครัวสองรักเราและชอบเรามาก แต่ยอมรับค่ะ ว่า...ก็ยังรู้สึกว่าสองไม่ใช่ สองเป็นคนค่อนข้างเครียดค่ะ เขามักจะมีความขี้หงุดหงิดขมวดคิ้วและถอนหายใจอยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยค่ะ เราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกชีวิตเครียดไปด้วยค่ะ อีกอย่างความคิดไม่ค่อยตรงกันค่ะ แถมไลฟ์สไตล์คนละขั้วเลยค่ะ เราชอบเที่ยว เราชอบลุย เราดำน้ำ เดินป่า ปีนภูเขา เรามองว่าซื้อประสบการณ์ค่ะ แต่สองชอบเดินห้าง ชอบอยู่บ้าน นอนดูหนังสบายๆของเขาค่ะ เพราะเขามองว่าการเที่ยวคือเปลืองเงินค่ะ และอีกอย่างแฟนเก่าของสองยังมาวุ่นวายอยู่ค่ะ ให้ชื่อว่าB เราเคยบอกเลิกสองเพราะเรื่องความต่าง และตัดรำคาญเรื่องBไปด้วย แต่สองไม่ยอมเลิกกับเราค่ะ เรื่องความเครียดในตัว สองก็พยายามที่จะระงับอารมไม่แสดงออกมาแต่ก็มีเผลอมาบ้างค่ะเนื่องจากมันเป็นตัวเขาค่ะ เรื่องเที่ยวสองให้คำยืนยันว่าคนละครึ่งทางค่ะ สองยอมไปเที่ยวกับเราบ้าง แต่ก็เที่ยวไม่ลุยอะไร เราก็ยอมอยู่บ้าน ไปเดินห้างกับสอง แต่ก็ทำได้แค่ช่วงแรกๆค่ะ สุดท้ายเราก็ยังไปเที่ยวคนเดียวอยู่ดีค่ะ ซึ่งสองก็ไม่ได้มีปัญหากับการที่เราจะไปเที่ยวค่ะช่วงเวลานั้นสองมีเกริ่นเรื่องการแต่งงานค่ะ เราบอกว่าการแต่งงานต้องใชัชีวิตคู่ ซึ่งการใช้ชีวิตคู่คือการทำอะไรคู่กัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำค่ะ เราตัดสินใจบอกเลิกสองอีกครั้งค่ะ ครั้งนี้เราไตรตรองอีกครั้งและเรารู้สึกตัวเองว่าไม่ได้อาการดีขึ้น แต่เราก็ทำเป็นเหมือนโอเค เราเหยียบความอึดอัดเจ็บปวดไว้เบื้อลึกที่สุดไม่ให้ใครรู้เลยว่าเรายังเจ็บ แม้แต่เพื่อนสนิทเราก็ไม่เคยบอก เราบอกเหตุผลไปแต่ก็เหมือนเดิมค่ะสองไม่เลิก เราก็เห็นใจอีกตามเคย
จนในที่สุดสองขอเราแต่งงานค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าเราจิตใจเข้มแข็งดีแล้ว เราคิดว่าเรื่องความต่างคงไม่ได้เป็นอุปสรรค์อะไรมากมาย เรื่องความคิดก็คงต้องค่อยๆปรับตัวกันไป และเรื่องBก็เริ่มห่างๆออกไปแล้วแต่ก็ยังมีวุ่นวายบ้าง สองก็บอกไม่ต้องไปสนใจอะไร เราจึงตอบตกลงไปค่ะ แต่เอาเข้าจริง ใกล้วันแต่งงานเข้าไปทุกที เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ค่ะ เราไม่พร้อม ประเด็นไม่ใช่แค่ความต่างค่ะ เมื่อแต่งงานเราต้องเข้าไปอยู่บ้านสองค่ะ ซึ่งเราอยากแยกออกมาสร้างครอบครัวเองค่ะ แต่สองบอกว่าเป็นไปไม่ได้ค่ะ และยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกว่ายังรักหนึ่งอยู่ค่ะ  เรากับหนึ่งติดต่อกันบ้างเรื่อยมาเพราะมีเรื่องหลายๆเรื่องที่ยังจำเป็นต้องคุยกันค่ะเป็นเรื่องธุรกิจ ก่อนหน้าตอนที่บอกเลิกหนึ่งเราพยายามเคลียร์ทุกอย่างของหนึ่งให้หมด แล้วเริ่มชีวิตใหม่ จนจบเคลียร์เรื่องธุรกิจไปเรียบร้อย แต่สุดท้าย เราก็ทำไม่ได้ค่ะ เรายังรักหนึ่งอยู่ และหนึ่งก็บอกกับเรามาเองค่ะ ว่าหนึ่งยังรักเราอยู่และรู้สึกผิดกับเรามาตลอด แต่ตอนนี้หนึ่งก็มีแฟนใหม่แล้ว ซึ่งก็ดูจะไปด้วยกันได้ดีค่ะ
สำหรับเรา เรายอมรับค่ะว่าเรารู้สึกชัดเจนกับความคิดของเรา เราจึงไปขอยกเลิกงานแต่งกับสองค่ะ แต่สองไม่ยอมอีกตามเคยค่ะ สองบอกชีวิตเขาไม่ได้มีเวลาเยอะ มันถึงเวลาที่เขาจะต้องสร้างครอบครัวแล้ว ซึ่งสองก็เลือกเราแล้วว่าอยากสร้างครอบครัวใช้ชีวิตมีลูกด้วยกันค่ะ แต่มันก็มีเรื่องทำให้เราสับสนค่ะ เช่น ตั้งแต่คบกันมา สองไม่เคยโพสเฟสบุ๊กหรือมีอะไรสื่อว่าคบกับเราบนโซเชียลเลยค่ะ เราเคยถามว่าไม่ภูมิใจที่คบกับเราเลยหรอ ถึงไม่เคยมีเราในโซเชียลเลยค่ะ สองตอบว่าไม่ใช่ แต่เป็นเพราะว่าเขาไม่ชอบโพส นี่คือคำตอบที่ได้รับค่ะ แต่เราเคยเห็นสองโพสสมัยคบแฟนเก่าๆนะคะ แต่ถ้านอกโซชียลก็มีพาไปเจอเพื่อนๆเขาบ้างค่ะ ถ้าชีวิตนอกโซเชียลคือจะปกติมากค่ะ และที่สำคัญใกล้วันแต่งงานแล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่างเรื่องงานแต่งเลยค่ะ เราจึงไม่ค่อยแน่ใจค่ะ ว่าเขายังไงกันแน่ สรุปงานแต่งก็ยังไม่เริ่มซักอย่างเลยค่ะ เราคิดได้แค่ว่า...เขาก็คงไม่แน่ใจกับเรามั้ง แต่ทำไมสองไม่ยอมเลิกกับเราล่ะ เรายอมรับค่ะว่าเราโอเคในชีวิตที่เราเคยอยู่กับหนึ่ง (หากตัดเรื่องเจ้าชู้นอกใจทิ้งไปค่ะ เพราะมันลงตัวมาก) แต่เราไม่ได้คาดหวังการกลับไปคบกันค่ะ เพราะเราเป็นคนตัดสินใจเองว่าเราต้องการเดินออกมา ทุกอย่างมันต้องเดินหน้าต่อไป และเราก็ไม่เคยคาดหวังให้สองมาแทนที่หนึ่งเลยค่ะ แต่เราชอบสไตล์แบบนี้ ถ้าไม่ได้เป็นแบบที่เราชอบ หากเราจะไปเปลี่ยนแปลงสอง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยค่ะ ส่วนเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลิกเที่ยว หรือเที่ยวให้น้อยลงมันได้นะคะ แต่ประเด็นมันคือความรู้สึกจริงๆเลยค่ะ รู้สึกว่าสองไม่ใช่และไม่อยากให้สองมาทรมานกับเรา บางทีเราก็อยากหายไปจากชีวิตเขาเลย เราอยากหักดิบ แต่เราก็เห็นใจสองค่ะ หนักใจมากค่ะ เราไม่ได้ขวนขวายต้องการใครที่เป็นแบบที่เราต้องการ เราต้องการออกมาอยู่คนเดียว หากไม่เจอใครที่มันตรงกันเราคิดว่าเราสามารถอยู่คนเดียวได้ค่ะ เราควรทำอย่างไรดีคะ เราเห็นใจสองที่ต้องมาเสียเวลากับเรา ในเมื่อเราก็ไม่พร้อม เราอยากเคลียร์ตัวเราให้พร้อมจริงๆก่อนค่ะ เราเหมือนกับว่าจะหาทางออกให้ตัวเองได้ แต่มันก็ออกไม่ได้ เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป มันค้างคาอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
สุดท้ายนี้ ขอบคุณพื้นที่นี้ให้เราได้ระบายออกมาเพราะเราไม่รู้จะไปปรึกษาใครจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่