สวัสดีค่า : กลับมาเจอกับ #Thongbualovelove #เพจชีพจรลงteen ต้องขอบอกก่อนนะค่ะว่าครั้งเป็นรีวิวที่ 2 จ้าของทองบัว
หากข้อมูลยังไม่ครบถ้วนหรืออ่านไปแล้วภาษการเขียนยังติดๆขัดยังไงก็ขออภัยไว้มา ณ ที่นี้นะค่ะ ^^
#เราจะ Planไปเที่ยวกับก๊วนเพื่อนๆที่สนิทกัน ปีละ 1 ครั้ง ก็เลยคิดว่าไปทั้งที่ต้องเก็บให้ครบทุกซอกทุกมุม
และสถานที่ที่ได้รับการโหวตครั้งนี้ก็ คือ... เที่ยวทะเลใต้ จังหวัด ภูเก็ตตต!!นั่นเอง
ซึ่งทุกคนตื่นเต้นมากเพราะเป็นการไปเที่ยวทะเลที่ไกลที่สุดที่เคยไป เรียกได้ว่าเตรียมตัวกันเป็นเดือนๆเลยจ้า
เอาละพอหาข้อมูลใน Internet ครบหมดแล้วก็เตรียมตัวไปกันเลยค่า
Go! Go! Go! .... Phuket
DAY. 1
เราเดินทางไป-กลับ โดยสายการบิน Airasia เครื่องออกจาก(ดอนเมือง) เวลา 06.20 น. ถึง ภูเก็ต 07.45 น.
โดยประมาณ ส่วนการเดินทางที่ภูเก็ตทองบัวเช่ารถสำหรับการเที่ยวครั้งนี้
ความสะดวกสบาย ไปได้ทุกที่ที่เราอย่างจะไป และที่สำคัญมันคุ้มมากกว่าใช้รถสาธารณะ
รถยนต์เช่าของ คนท้องที่เมืองภูเก็ต ชื่อพี่ลูกนก เบอร์โทร 095-256 3426 พี่เค้าน่ารัก บริการดี รถใหม่ ภายในสะอาด>>>
สเป๊กรถที่เช่าเป็น โตโยต้า วีออส ราคาต่อวัน 900 บาท เกินวันคิดชั่วโมงละ 100 บาท ไม่เสียค่ามัดจำ
ตอนไปรับรถพี่เค้าจะถ่ายรูปบัตรประชาชนไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วยนะค้าบ
และนี่คือโฉมหน้ารถของเรา.. ป้ายแดงมาเลยจ้า ได้รถมาแล้วจะช้าอยู่ใย... รีบเปิดพี่ G (google maps) ละไปหาดไม้ขาว Landmark ที่ปังที่สุดอีกที่หนึ่งของภูเก็ตเลย
**และมันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ** 555 ต้องมาสัมผัสนะทุกคน... เครื่องบินแลนดิ้งระยะประชิดเลย ถ้าอยากได้รูปสวยๆแนะนำให้มาช่วงเช้า
เพราะจะเป็นช่วงที่เครื่องบินแลนดิ้งเยอะมาก
ถึงช่วงเวลาประเดิมอาหารมื้อแรกที่ภูเก็ต ชื่อร้าน ค ว า ย ฮั บ !! เป็นอาหารพื้นบ้าน ร้านตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไหลกับหาดไม้ขาว
สั่งมาทั้งหมด 4 อย่าง มีขนมจีนน้ำยาปูด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายไว้ น้ำผลไม้ปั่นอีกคนละ 1 แก้ว รสชาติแต่ละอย่างอร่อยและราคาสมเหตุสมผลค่าอาหารมื้อนี้ตกคนละ 172 บาท
ลุย!! สถานที่ต่อไปคือ วัดพระทอง(พระผุด) ตั้งอยู่ที่ อำเภอกลาง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของภูเก็ต ควรมาสักการะเป็นอย่างยิ่งศักดิ์สิทธิมากค่ะ
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไป Check in ที่ โรงแรม บลู มังกี้ ฮับ แอนด์ โฮเต็ล ภูเก็ต (Blu Monkey Hub and Hotel Phuket) ตัวโรงแรมและมีการใช้สัญลักษณ์และรูปภาพต่างๆที่เกี่ยวกับลิงเป็นคอนเซปในการตกแต่ง ห้องเราราคาอยู่ที่ 2,800 บาท ด้วยความที่ขี้เกียจเก็บของย้ายไปย้ายมา เราพักที่นี่ 3 คืนเลย ที่สำคัญคือมีที่จอดรถด้วยสะดวกดีและมีอาหารเช้าพร้อมให้บริการ โรงแรมตั้งอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต หาของกินง่ายมากมีทั้งร้านอาหารที่ดังๆและอาหารทานของท้องถิ่นในภูเก็ต ณ.ถนนพังงา ติดกับ บขส.เก่า
ในความเห็นส่วนตัวเลยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
**ข้อดี**
1.ราคาถูก (พอรับได้)
2.ห้องตกแต่งดูดีและสะอาด
เตียงใหญ่มาก นุ่มนอนหลับสบายสุดๆ
4.พื้นที่จอดรถสะดวก
5.อาหารเช้าน่าตาน่าทาน
6.มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนหลายมุม
7.น้ำในตู้และผลไม้บริเวณCheck in สามารถหยิบทานได้ตลอด
**ข้อเสีย**
1.เวลาในการรอเซ็คอินนานไปหน่อย
2.ห้องน้ำมีกลิ่นอับ
3.สระว่ายน้ำอยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะกับการเล่น
ห้องฟิตเนสแคบและมีเครื่องเล่นแค่ 3 ชิ้น
*ขออภัยด้วยที่เราถ่ายรูปมาได้เพียงเท่านี้...เนื่องจากเราห่วงเที่ยวกลัวจะไม่ได้เที่ยว
ได้เข้าห้องพักประมาณ 14:30 น.ที่ต่อไปของเรา แหลมพรหมเทพ!! ออกจากโรงแรม 16:00 น. ถึงประมาณ 17:00 น. แดดเปรี้ยงปร้างเลย บนแหลมพรหมเทพเต็มไปด้วยผู้คนเยอะมาก เราเลยเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งจะมีจุดให้ถ่ายรูปมากมาย
วิวด้านล่างก็จะประมาณนี้... วิวดีล้านแปดมากกกก
ระหว่างทางลงเราก็ถ่ายรูปเก็บไปเรื่อยๆ แต่ละมุมสวยมาก
**พระอาทิตย์ตกแล้ว** กลับที่พัก เตรียมตัวพรุ่งนี้เราจะไปดำน้ำกัน หมู่เกาะสิมิลัน
DAY.2 วันแห่งการอยู่กับท้องทะเล เตรียมพลีชีพ พลีผิวให้กับแดดและน้ำทะเล
ทริปดำน้ำครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของบริษัท seestar ราคาคนละ 2,300 บาท ซึ่งเป็นทริปดำน้ำหมู่เกาะสิมิลัน โปรแกรมตามนี้เลยค่ะ
อาหารอร่อยมาก บริการเยี่ยม คือ ทีมงานดูแลและใส่ใจลูกทัวร์ดีจริงๆค่ะ สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นไม่ต้องกังวลว่าคุณจะได้อยู่แต่บนเรือ เพราะ seestar จะไม่ปล่อยให้คุณเหงาอยู่บนเรือแน่นอน ทีมงานจะพาคุณลงไปดำน้ำดูปะการังและปลาสวยๆเหมือนกับคนอื่นๆ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
(เราไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดนะ เพียงแต่ว่าเราเจอบริษัททัวร์ดีๆเราก็อยากจะบอกต่อ )
ไปถึงท่าเรือ เซ็นชื่อเช็คอิน แล้วก็ไปรับอุปกรณ์การดำน้ำ ที่นี่มีอาหารเช้า และยาแก้เมาเรือให้ทานด้วยนะค่ะ
ก่อนขึ้นเรือ ทาง seestar จะแจกแจง ข้อควรระวังที่ทำได้และไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ที่เราจะไปดำน้ำกันแบบละเอียดยิบ
ถึงแล้ว** อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน** ถ่ายคู่กับป้ายซะหน่อย เดี๋ยวจะมาไม่ถึง สิมิลัน 555555
ทะเลสวย แดดดี น้ำใสมากกกก!!
ถ่ายบนหัวเรือ!! ภาพมันต้องมี
อาหารมื้อกลางวันของพวกเรา น่าทานมั้ยค่ะ เราจะได้รับอาหารคนละ 2 กล่อง + ผลไม้
และ มีพนักงานเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เราตลอดเลยจ้ะ
รับประทานอาหารกลางวันแล้วก็เตรียมตัวไปดำน้ำกันต่อค่ะ เรากลับถึงท่าเรือประมาณ 17:00 น. ระหว่างนี้ก่อนแยกย้ายกันกับโรงแรม
ทาง seestar ก็จะมีอาหารว่างแบบหนักหน่วงให้ทานอีก ไม่ต้องกลัวอดเลย 555
ถึงโรงแรมประมาณ 20:00 น.กว่าๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเดินเล่นเมืองเก่าและ ตามรอย รีวิว ^^ ร้านข้าวต้มแห้ง โกเบ็นซ์ ^^
ถามถึงรสชาติเราว่างั้นๆนะ ชามนี้ราคา 50 บาท น้ำเก๊กฮวย ราคา 25 บาท ราคาแพงไปหน่อย เมื่อเทียบกับรสชาติ แต่คืออยากมาตามรีวิวไง 555
(ถ้ามาครั้งน่าเราสัญญาว่าจะไม่ตามรีวิวละจ้า)
เพื่อไม่ให้เสียโอกาสและเวลา ระหว่างทางเดินกลับโรงแรมก็ แวะถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ถ่ายตอนกลางคืนภาพก็จะสวยไปอีกแบบว่ามั้ยค่ะ
ขอแอบถ่ายกับโรงแรมออนออน สักหน่อย
DAY 3. ตื่นกันตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อไปทานติ่มซำเจ้าแรกที่เราจะไปทานคือ ร้านจ่วย
ง รสชาติดี ชาร้อนอร่อย ราคาไม่แพงค่ะ ตกคนละ 100 บาท
เตรียมตัว Go to the beach ! กัน
มุมนี้คือหน้าลิฟของแต่ละชั้น เราพักชั้น 5 จ้า โรงแรมนี้หมายเลขห้องจะอยู่บนเพดาน! นะจ้ะ
ถ่ายรูปคู่กะเจ้าของโรงแรมสักหน่อย 55555
ที่แรกที่เราจะไปนั่นก็คือ “ Welcome to Paradise beach”
ที่นี่เป็นหาดส่วนตัวนะค่ะ ถ้าต่างชาติมาจะเสียค่าเข้า ส่วนพี่ไทยนั้น ฟรี!!! ค่ะ แต่ก่อนที่จะลงไปชายหาด เค้าจะมีรถสองแถวให้เรานั่งเข้าไป
ในที่สุดก็ถึงซะที่ !สำหรับมุมถ่ายรูปนั้นบอกได้คำเดียว เยอะแยะตาแป๊ะไก่มาก ดีงาม!
จุดนั่งรอรถสองแถว เผลอเก่งงง 555
next station >> ร้าน Cafe Kantary
ร้านอยู่ที่ แหลมพันวา มองเห็นทะล วิวสวยมาก ร้านมีพื้นที่กว้างสะอาดสะอ้าน มุมถ่ายรูปเพียบ เมนูขนมและเครื่องดื่มมีให้เลือกเยอะพอสมควร
แต่แอบบอกว่า ราคาแรง ใช้ได้ค่ะ ทองบัวสั่งสมูทตี้เบอรี่โยเกิร์ตมารสชาติดีค่ะ ราคา 105 บาท ( แก้วเดียวนั่งเล่น wifi คุ้มเลย 5555 )
มาเล่นน้ำกันเถอะ >< หลังจากที่แวะไปเยี่ยมชมหาดต่างๆ ก็พบว่า หาดยะนุ้ย!! น่าเล่นน้ำมากที่สุด ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินด้วย
หาดยะนุ้ยจะถึงก่อนแหลมพรหมเทพน๊า
DAY.4
วันสุดท้ายล้าววว ตื่นหกโมงเช้าเพื่อไปกินติ่มซำ
ร้านบุญรัตน์ เห็นรีวิวว่าเด็ดถ้าไปช้าจะอดกิน
เมนูเด็ดของที่นี่คือ>>บักกุ๊ดเต๋ ได้ลิ้มรสแล้วสุดยอดมากๆค่ะ ซุปอร่อยหอมยาตุ๋น รสชาติกลมกล่อม ติ่มซำ ก็อร่อยค่ะ จิ้มซอสพริกของทางร้านเด็ด! เมนูมีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ
ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 6.00-11.00 น นะจ๊ะ
กลับมาที่โรงแรมเตรียมอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์ แล้วขับรถไปวัดฉลองและวัดพระใหญ่กัน
**ช่วงที่มาวัดฉลองมีฝนตกลงมาเล็กน้อย
ถึงเวลาเดินเล่นที่เมืองเก่ากันล้าววแวะกินติมร้านดัง Torry’s ice cream ..รสชาติเฉยๆ (ตกเป็นทาสการตลาดย่อมไม่ค่อยได้กินของอร่อยสักเท่าไหร่ 5555)
ขอจบทริปด้วยภาพบรรยากาศเมืองเก่า...ครั้งนี้อย่างสมบูรณ์ และแถม ความดำ! ที่ไหม้เกรียมกลับมา แฮปปี้!
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปภูเก็ต 4 วัน 3 คืน (28/2/62-3/3-62)
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ คนละ 1,753.26 บาท
ค่าที่พัก จำนวน 3 คืน คนละ 2,100 บาท (ราคาห้องพักคืนละ 2,800 บาท รวมอาหารเช้า)
ค่าเช่ารถ+น้ำมัน คนละ 935 บาท (จำนวน 4 วัน)
ค่าดำน้ำหมู่เกาสิมิลัน คนละ 2,300 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่มตลอดทั้ง 4 วัน (ส่วนตัว) 1,494 บาท
ค่าของฝาก 380 บาท
ค่าเช่าพระผุด 150 บาท
ค่ารถเข้าไปหาดไม้ข้าว 40 บาท
อื่นๆๆ 265 บาท
รวมทั้งหมด 9,417.26 บาท
[CR] ภูเก็ต ..ไปทั้งทีต้องเที่ยวให้คุ้ม . . 4 วัน 3 คืน !!
สวัสดีค่า : กลับมาเจอกับ #Thongbualovelove #เพจชีพจรลงteen ต้องขอบอกก่อนนะค่ะว่าครั้งเป็นรีวิวที่ 2 จ้าของทองบัว
หากข้อมูลยังไม่ครบถ้วนหรืออ่านไปแล้วภาษการเขียนยังติดๆขัดยังไงก็ขออภัยไว้มา ณ ที่นี้นะค่ะ ^^
#เราจะ Planไปเที่ยวกับก๊วนเพื่อนๆที่สนิทกัน ปีละ 1 ครั้ง ก็เลยคิดว่าไปทั้งที่ต้องเก็บให้ครบทุกซอกทุกมุม
และสถานที่ที่ได้รับการโหวตครั้งนี้ก็ คือ... เที่ยวทะเลใต้ จังหวัด ภูเก็ตตต!!นั่นเอง
ซึ่งทุกคนตื่นเต้นมากเพราะเป็นการไปเที่ยวทะเลที่ไกลที่สุดที่เคยไป เรียกได้ว่าเตรียมตัวกันเป็นเดือนๆเลยจ้า
เอาละพอหาข้อมูลใน Internet ครบหมดแล้วก็เตรียมตัวไปกันเลยค่า
Go! Go! Go! .... Phuket
DAY. 1
เราเดินทางไป-กลับ โดยสายการบิน Airasia เครื่องออกจาก(ดอนเมือง) เวลา 06.20 น. ถึง ภูเก็ต 07.45 น.
โดยประมาณ ส่วนการเดินทางที่ภูเก็ตทองบัวเช่ารถสำหรับการเที่ยวครั้งนี้
ความสะดวกสบาย ไปได้ทุกที่ที่เราอย่างจะไป และที่สำคัญมันคุ้มมากกว่าใช้รถสาธารณะ
รถยนต์เช่าของ คนท้องที่เมืองภูเก็ต ชื่อพี่ลูกนก เบอร์โทร 095-256 3426 พี่เค้าน่ารัก บริการดี รถใหม่ ภายในสะอาด>>>
สเป๊กรถที่เช่าเป็น โตโยต้า วีออส ราคาต่อวัน 900 บาท เกินวันคิดชั่วโมงละ 100 บาท ไม่เสียค่ามัดจำ
ตอนไปรับรถพี่เค้าจะถ่ายรูปบัตรประชาชนไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วยนะค้าบ
และนี่คือโฉมหน้ารถของเรา.. ป้ายแดงมาเลยจ้า ได้รถมาแล้วจะช้าอยู่ใย... รีบเปิดพี่ G (google maps) ละไปหาดไม้ขาว Landmark ที่ปังที่สุดอีกที่หนึ่งของภูเก็ตเลย
**และมันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ** 555 ต้องมาสัมผัสนะทุกคน... เครื่องบินแลนดิ้งระยะประชิดเลย ถ้าอยากได้รูปสวยๆแนะนำให้มาช่วงเช้า
เพราะจะเป็นช่วงที่เครื่องบินแลนดิ้งเยอะมาก
ถึงช่วงเวลาประเดิมอาหารมื้อแรกที่ภูเก็ต ชื่อร้าน ค ว า ย ฮั บ !! เป็นอาหารพื้นบ้าน ร้านตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไหลกับหาดไม้ขาว
สั่งมาทั้งหมด 4 อย่าง มีขนมจีนน้ำยาปูด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายไว้ น้ำผลไม้ปั่นอีกคนละ 1 แก้ว รสชาติแต่ละอย่างอร่อยและราคาสมเหตุสมผลค่าอาหารมื้อนี้ตกคนละ 172 บาท
ลุย!! สถานที่ต่อไปคือ วัดพระทอง(พระผุด) ตั้งอยู่ที่ อำเภอกลาง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของภูเก็ต ควรมาสักการะเป็นอย่างยิ่งศักดิ์สิทธิมากค่ะ
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไป Check in ที่ โรงแรม บลู มังกี้ ฮับ แอนด์ โฮเต็ล ภูเก็ต (Blu Monkey Hub and Hotel Phuket) ตัวโรงแรมและมีการใช้สัญลักษณ์และรูปภาพต่างๆที่เกี่ยวกับลิงเป็นคอนเซปในการตกแต่ง ห้องเราราคาอยู่ที่ 2,800 บาท ด้วยความที่ขี้เกียจเก็บของย้ายไปย้ายมา เราพักที่นี่ 3 คืนเลย ที่สำคัญคือมีที่จอดรถด้วยสะดวกดีและมีอาหารเช้าพร้อมให้บริการ โรงแรมตั้งอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต หาของกินง่ายมากมีทั้งร้านอาหารที่ดังๆและอาหารทานของท้องถิ่นในภูเก็ต ณ.ถนนพังงา ติดกับ บขส.เก่า
ในความเห็นส่วนตัวเลยมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
**ข้อดี**
1.ราคาถูก (พอรับได้)
2.ห้องตกแต่งดูดีและสะอาด
เตียงใหญ่มาก นุ่มนอนหลับสบายสุดๆ
4.พื้นที่จอดรถสะดวก
5.อาหารเช้าน่าตาน่าทาน
6.มีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนหลายมุม
7.น้ำในตู้และผลไม้บริเวณCheck in สามารถหยิบทานได้ตลอด
**ข้อเสีย**
1.เวลาในการรอเซ็คอินนานไปหน่อย
2.ห้องน้ำมีกลิ่นอับ
3.สระว่ายน้ำอยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะกับการเล่น
ห้องฟิตเนสแคบและมีเครื่องเล่นแค่ 3 ชิ้น
*ขออภัยด้วยที่เราถ่ายรูปมาได้เพียงเท่านี้...เนื่องจากเราห่วงเที่ยวกลัวจะไม่ได้เที่ยว
ได้เข้าห้องพักประมาณ 14:30 น.ที่ต่อไปของเรา แหลมพรหมเทพ!! ออกจากโรงแรม 16:00 น. ถึงประมาณ 17:00 น. แดดเปรี้ยงปร้างเลย บนแหลมพรหมเทพเต็มไปด้วยผู้คนเยอะมาก เราเลยเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งจะมีจุดให้ถ่ายรูปมากมาย
วิวด้านล่างก็จะประมาณนี้... วิวดีล้านแปดมากกกก
ระหว่างทางลงเราก็ถ่ายรูปเก็บไปเรื่อยๆ แต่ละมุมสวยมาก
**พระอาทิตย์ตกแล้ว** กลับที่พัก เตรียมตัวพรุ่งนี้เราจะไปดำน้ำกัน หมู่เกาะสิมิลัน
DAY.2 วันแห่งการอยู่กับท้องทะเล เตรียมพลีชีพ พลีผิวให้กับแดดและน้ำทะเล
ทริปดำน้ำครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของบริษัท seestar ราคาคนละ 2,300 บาท ซึ่งเป็นทริปดำน้ำหมู่เกาะสิมิลัน โปรแกรมตามนี้เลยค่ะ
อาหารอร่อยมาก บริการเยี่ยม คือ ทีมงานดูแลและใส่ใจลูกทัวร์ดีจริงๆค่ะ สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นไม่ต้องกังวลว่าคุณจะได้อยู่แต่บนเรือ เพราะ seestar จะไม่ปล่อยให้คุณเหงาอยู่บนเรือแน่นอน ทีมงานจะพาคุณลงไปดำน้ำดูปะการังและปลาสวยๆเหมือนกับคนอื่นๆ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
(เราไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใดนะ เพียงแต่ว่าเราเจอบริษัททัวร์ดีๆเราก็อยากจะบอกต่อ )
ไปถึงท่าเรือ เซ็นชื่อเช็คอิน แล้วก็ไปรับอุปกรณ์การดำน้ำ ที่นี่มีอาหารเช้า และยาแก้เมาเรือให้ทานด้วยนะค่ะ
ก่อนขึ้นเรือ ทาง seestar จะแจกแจง ข้อควรระวังที่ทำได้และไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ที่เราจะไปดำน้ำกันแบบละเอียดยิบ
ถึงแล้ว** อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน** ถ่ายคู่กับป้ายซะหน่อย เดี๋ยวจะมาไม่ถึง สิมิลัน 555555
ทะเลสวย แดดดี น้ำใสมากกกก!!
ถ่ายบนหัวเรือ!! ภาพมันต้องมี
อาหารมื้อกลางวันของพวกเรา น่าทานมั้ยค่ะ เราจะได้รับอาหารคนละ 2 กล่อง + ผลไม้
และ มีพนักงานเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เราตลอดเลยจ้ะ
รับประทานอาหารกลางวันแล้วก็เตรียมตัวไปดำน้ำกันต่อค่ะ เรากลับถึงท่าเรือประมาณ 17:00 น. ระหว่างนี้ก่อนแยกย้ายกันกับโรงแรม
ทาง seestar ก็จะมีอาหารว่างแบบหนักหน่วงให้ทานอีก ไม่ต้องกลัวอดเลย 555
ถึงโรงแรมประมาณ 20:00 น.กว่าๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปเดินเล่นเมืองเก่าและ ตามรอย รีวิว ^^ ร้านข้าวต้มแห้ง โกเบ็นซ์ ^^
ถามถึงรสชาติเราว่างั้นๆนะ ชามนี้ราคา 50 บาท น้ำเก๊กฮวย ราคา 25 บาท ราคาแพงไปหน่อย เมื่อเทียบกับรสชาติ แต่คืออยากมาตามรีวิวไง 555
(ถ้ามาครั้งน่าเราสัญญาว่าจะไม่ตามรีวิวละจ้า)
เพื่อไม่ให้เสียโอกาสและเวลา ระหว่างทางเดินกลับโรงแรมก็ แวะถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ ถ่ายตอนกลางคืนภาพก็จะสวยไปอีกแบบว่ามั้ยค่ะ
ขอแอบถ่ายกับโรงแรมออนออน สักหน่อย
DAY 3. ตื่นกันตั้งแต่ 06.00 น. เพื่อไปทานติ่มซำเจ้าแรกที่เราจะไปทานคือ ร้านจ่วยง รสชาติดี ชาร้อนอร่อย ราคาไม่แพงค่ะ ตกคนละ 100 บาท
เตรียมตัว Go to the beach ! กัน
มุมนี้คือหน้าลิฟของแต่ละชั้น เราพักชั้น 5 จ้า โรงแรมนี้หมายเลขห้องจะอยู่บนเพดาน! นะจ้ะ
ถ่ายรูปคู่กะเจ้าของโรงแรมสักหน่อย 55555
ที่แรกที่เราจะไปนั่นก็คือ “ Welcome to Paradise beach”
ที่นี่เป็นหาดส่วนตัวนะค่ะ ถ้าต่างชาติมาจะเสียค่าเข้า ส่วนพี่ไทยนั้น ฟรี!!! ค่ะ แต่ก่อนที่จะลงไปชายหาด เค้าจะมีรถสองแถวให้เรานั่งเข้าไป
ในที่สุดก็ถึงซะที่ !สำหรับมุมถ่ายรูปนั้นบอกได้คำเดียว เยอะแยะตาแป๊ะไก่มาก ดีงาม!
จุดนั่งรอรถสองแถว เผลอเก่งงง 555
next station >> ร้าน Cafe Kantary
ร้านอยู่ที่ แหลมพันวา มองเห็นทะล วิวสวยมาก ร้านมีพื้นที่กว้างสะอาดสะอ้าน มุมถ่ายรูปเพียบ เมนูขนมและเครื่องดื่มมีให้เลือกเยอะพอสมควร
แต่แอบบอกว่า ราคาแรง ใช้ได้ค่ะ ทองบัวสั่งสมูทตี้เบอรี่โยเกิร์ตมารสชาติดีค่ะ ราคา 105 บาท ( แก้วเดียวนั่งเล่น wifi คุ้มเลย 5555 )
มาเล่นน้ำกันเถอะ >< หลังจากที่แวะไปเยี่ยมชมหาดต่างๆ ก็พบว่า หาดยะนุ้ย!! น่าเล่นน้ำมากที่สุด ได้ดูพระอาทิตย์ตกดินด้วย
หาดยะนุ้ยจะถึงก่อนแหลมพรหมเทพน๊า
DAY.4
วันสุดท้ายล้าววว ตื่นหกโมงเช้าเพื่อไปกินติ่มซำ ร้านบุญรัตน์ เห็นรีวิวว่าเด็ดถ้าไปช้าจะอดกิน เมนูเด็ดของที่นี่คือ>>บักกุ๊ดเต๋ ได้ลิ้มรสแล้วสุดยอดมากๆค่ะ ซุปอร่อยหอมยาตุ๋น รสชาติกลมกล่อม ติ่มซำ ก็อร่อยค่ะ จิ้มซอสพริกของทางร้านเด็ด! เมนูมีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ
ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 6.00-11.00 น นะจ๊ะ
กลับมาที่โรงแรมเตรียมอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์ แล้วขับรถไปวัดฉลองและวัดพระใหญ่กัน
**ช่วงที่มาวัดฉลองมีฝนตกลงมาเล็กน้อย
ถึงเวลาเดินเล่นที่เมืองเก่ากันล้าววแวะกินติมร้านดัง Torry’s ice cream ..รสชาติเฉยๆ (ตกเป็นทาสการตลาดย่อมไม่ค่อยได้กินของอร่อยสักเท่าไหร่ 5555)
ขอจบทริปด้วยภาพบรรยากาศเมืองเก่า...ครั้งนี้อย่างสมบูรณ์ และแถม ความดำ! ที่ไหม้เกรียมกลับมา แฮปปี้!
สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปภูเก็ต 4 วัน 3 คืน (28/2/62-3/3-62)
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ คนละ 1,753.26 บาท
ค่าที่พัก จำนวน 3 คืน คนละ 2,100 บาท (ราคาห้องพักคืนละ 2,800 บาท รวมอาหารเช้า)
ค่าเช่ารถ+น้ำมัน คนละ 935 บาท (จำนวน 4 วัน)
ค่าดำน้ำหมู่เกาสิมิลัน คนละ 2,300 บาท
ค่าอาหารและเครื่องดื่มตลอดทั้ง 4 วัน (ส่วนตัว) 1,494 บาท
ค่าของฝาก 380 บาท
ค่าเช่าพระผุด 150 บาท
ค่ารถเข้าไปหาดไม้ข้าว 40 บาท
อื่นๆๆ 265 บาท
รวมทั้งหมด 9,417.26 บาท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้