DAY 1
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม ผมเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเดินทางโดยที่รายละเอียดคร่าวๆมีดังนี้
ออกเดินทางวันที่ 6 ตุลาคม กลับ 15 ตุลาคม
ไป 3 ประเทศ เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี โดยมีเมืองหลักๆดังนี้
Munich -> Salzburg -> Vieanna -> Budapest
สมาชิกมีทั้งหมด 4 คน
ผมตัดสินใจ ตกลง เข้าร่วมทริปวันที่ 2 กันยายน ซึ่งผมมีเวลา 1 เดือนในการ เตรียมตัวทำให้ราคาค่อนข้างสูง จึงได้ราคาดังนี้
ขาไป : Eurowings : บินตรงจาก Bangkok, Thailand -> Munich, Germany : ราคาประมาณ 10,000 บาทพร้อมเศษเล็กน้อยผมเองก็จำไม่ได้ แต่ราคานี้รวมกระเป๋าแล้ว
ขากลับ : UIA (Ukraine International Airlines) : Budapest, Hungary -> Kiev, Ukraine ต่อเครื่อง Kiev, Ukraine -> Bangkok, Thailand ราคาประมาณ 17,000 บาท
กลับมากันต่อที่สนามบิน ใช้เวลาไม่นานผมก็ได้เจอกับเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน (โดยอีก 1 คน จะไปเจอกันที่ Munich) ความรู้สึกแรกที่เจอคือ รู้สึกเฮฮาดี กลับกลายเป็นว่าถึงแม้เราจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแต่กลับคุยกันได้อย่างลงตัว จนกระทั่งได้เวลาขึ้นเครื่อง
เครื่องบินออกจากสนามบิน 11.35 โดยจะมีใช้เวลาทั้งหมด… 11 ชั่วโมง …
สำหรับ 11 ชั่วโมงนี้ท่านจะได้พบกับ
ข้าวหมกไก่ ที่รสชาติใช้ได้ไม่เลวๆ
โยเกิรต์รสชาติหวาน หอม สตรอเบอร์รี่ และ น้ำแร่ใส่กล่อง.. อ่านไม่ผิดหรอกครับ น้ำแร่ใส่กล่อง…
ขนมปังอะไรสักอย่าง ที่รสชาติแปลกๆ ไม่สามารถกินหมดได้จริงๆ
ผู้โดยสารที่ค่อนข้างเมื่อยขา..
เป็น 11 ชั่วโมงที่ผมหลับบ้างตื่นบ้าง แต่จริงๆผมก็เป็นคนหลับยากนิดๆอยู่แล้ว ก็นั่งคิดไรเพลินๆ ฟังเพลงในมือถือ หยิบ magazine บนเครื่องมาอ่าน ดูรูปวนไปวนมา
Eurowings ค่อนข้างนั่งสบาย มีอาหารให้ 1 มื้อใหญ่ พร้อม snack อีก 1 มื้อ แต่มีข้อเสียคือ ไม่มีอะไรให้ดูเลย หนัง ทีวี บลาๆ ต้องเสียเงินเพิ่ม แนะนำให้โหลด netflix ไปดู offline
ในที่สุด… ก็มาถึง Munich…
หมดไป 1 วันแรกกับการเดินทาง เวลา 18.45 ที่เยอรมัน ณ ตอนนั้น ก็คือ 23.45 ที่เมืองไทย (ณ ปัจุบันที่เขียนโพสนี้ ยุโรปได้ปรับเวลาไปอีก 1 ชั่วโมง ทำให้ห่างเป็น 6 ชั่วโมงแล้วครับ ตอนที่ผมไปยังห่างเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น)
DAY 2
วันนี้ตื่นแต่เช้ามากประมาณตี 5 จุดมุ่งหมายหลักของเราวันนี้คือ
Neuschwanstein Castle.. เป็นหนึ่งใน landmark สำคัญของเยอรมันทางตอนใต้เลยก็ว่าได้ ประสาทสร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิจที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก มาถึงที่ทั้งที่ต้องไปถ่ายรูปประสาทแห่งนี้กันหน่อยแล้ว
สำหรับเช้านี้ที่เราต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะต้องเอาของไปฝากที่อีกโรงแรมหนึ่งในเมืองเนื่องจากโรงแรมคืนแรกนั้นเป็นโรงแรมที่จองไว้ใกล้สนามบิน ชื่อว่า
Moxy Munich Airport โรงแรมอยู่ใกล้ๆสนามบินมากราคาสูงเล็กน้อย แต่เนื่องจากเป็นช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเทศกาล Oktoberfest ด้วย ทำให้ราคาที่พักแพงขึ้นจากราคาปกติ สำหรับที่นี้ห้องขนาดใหญ่ 4 คน เสียเงินไป 6,240 บาท
ส่วนที่พักคืนถัดไปนั้นคือ
Hostel Haus International ซึ่งเป็นห้องนอน 4 คน เตียง 2 ชั้น ราคาตอนนั้นประมาณห้องละ 5,600 บาท ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับป้ายรถประจำทางเลย ผมพลาดจริงๆเพราะทุกคืนที่กลับมาถึงที่พักค่อนข้างเหนื่อยมาก จนไม่ได้ถ่ายรูปที่พักไว้เลย…
บรรยากาศช่วงเช้ามืดในเมืองก็จะประมาณนี้ครับ
บรรยากาศประมาณช่วงก่อน 6 โมงเช้า
หลังจากฝากกระเป๋าก็ได้เวลาไปยังจุดหมายหลักของเราวันนี้ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองลงไป ต้องไปขึ้นรถไฟจากสถานี
München Hauptbahnhof ไป
Füssen
สำหรับรายละเอียดเรื่องตั๋วคร่าวๆจะเป็นดังนี้
เนื่องจากพวกเรามี 4 คน ตั๋วที่เหมาะที่สุดก็คงจะเป็น Bayern Ticket ซึ่งคร่าวๆคือเป็นตั๋วกลุ่มรายวัน
สามารถขึ้นรถไฟหรือรถรางได้ทั่วโดยสามารถซื้อตั๋วได้จากเครื่องซึ้อตั๋วเลย 4 คนราคาประมาณ 43 euro
http://www.munich-touristinfo.de/Bavaria-Ticket.htm
Application ที่ใช้ในการดูเส้นทางผมแนะนำตัวนี้เลย OBB ใช้คู่กับ Google map
รถไฟฟ้าช่วงเช้ามืดที่ไม่มีคนนั่งเลย
เพื่อนร่วมทริปในชุดพื้นเมือง เตรียมตัวเที่ยวกันพร้อมมากๆครับ
บรรยากาศที่สถานีครับ คนน้อยมากๆเช้านี้
ระหว่างทางเราเสียเวลานิดหน่อยเรื่องจากหลงทาง แต่ Google map ก็ช่วยพวกเราไว้เนื่องจากมันง่ายมากที่จะดูว่าเราต้องกลับไปที่สถานีไหนและไปขึ้นรถไฟอะไร ผมได้ถ่ายวิดีโอบรรยากาศด้านในรถไฟไว้ด้วย ลองดูกันได้ครับ
https://www.youtube.com/embed/LoFNTFlqTSY
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง.. เราก็มาถึง Füssen จากตรงนี้ง่ายมากแค่เดินตามนักท่องเที่ยวไปก็จะเจอรถที่พาไปยังด้านล่างปราสาททันที ซึ่งแน่นอนค่าตั๋วนั้นรวมอยู่ใน Bayern Ticket แล้วนั่งรถอีกแปปเดียวเราก็จะเข้าถึงส่วนปราสาท ซึ่งพื้นที่โดยรอบนี้มีชื่อว่า Scwangau
ปรากฏว่าพอมาถึง ฝนตกลงมาเล็กน้อย ฟ้าครึ้มๆ แต่โชคดีที่ไม่ตกหนักมาก แปปๆก็หยุดแล้ว
ครึ้มฟ้าครึ้มฝน
นี่คือประสาท Hohenschawangau ซึ่ง เป็นปราสาทที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียประทับเมื่อยังทรงพระเยาว์ เดี๋ยวเราจะลงมาแวะเที่ยวหลังจากที่ไปเยี่ยมชมประสาท Neuschawanstein กันนะครับ
เมื่อมาถึงจะมีบริการรถรับส่งเพื่อขึ้นไปยังตัวปราสาทด้านบนค่ารับส่งจะราคาประมาณคนละ 2.5 euro และเมื่อขึ้นไปถึง สื่งที่ควรจะไปเลยยังไม่ใช่ตัวปราสาท แต่เป็นจุดที่มองเห็นปราสาทเต็มๆต่างหาก เพราะนั้นทำให้พวกเราได้ไปเห็นความสวยงามของปราสาทนี้…
ซึ่งตำแหน่งนี้จะเป็นสะพานที่อยู่ด้านบนของปราสาท ไม่ต้องกลัวเรื่องสถานที่ เมื่อไปถึงแล้วละก็เดินตามป้ายได้เลยไปถูกแน่นอน นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ และนอกจากนั้นยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆอีกด้วย
ถ่ายรูปกันพอใจเราก็เดินไปหน้าปราสาท ระหว่างทางก็มีวิวสวยงามที่มองเห็นพื้นที่ข้างล่าง และยังคงความเป็นธรรมชาติไว้
ทั้งปราสาท Neuschwanstein และ Hohenscwangau จริงๆแล้วมีประวัติที่น่าสนใจมากซึ่งเกี่ยวข้องกับ พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้สร้างปราสาท สามารถลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้<a></a>
ปรากฏว่าพอเราเดินไปถึงทางเข้า ช่วงนี้มีการปิดปรับปรุงบางส่วนอยู่พวกเราเลยตัดสินใจไม่เข้าชมปราสาทด้วยความที่ผมเองและเพื่อนๆในทริปก็ไม่ได้ศึกษาประวัติมาอย่างละเอียดด้วย เข้าไปแล้วอาจจะไม่อินเท่าไร เราเลยตัดสินใจลงไปข้างล่างเพื่อจะหาอะไรกินกันก่อน เพราะมาถึงปราสาทนี่ก็ประมาณบ่ายโมงแล้ว
ตัวประสาทมองจากด้านล่างแล้ว พวกเราตัวเล็กไปเลยครับ
พอลงไปข้างล่างก็แวะหาอะไรกินที่ร้าน เลยลองสั่งขาหมูเยอรมันมากินดู อยากรู้รสชาติจะเป็นยังไง
เพื่อนร่วมทริปของผมลองสั่งเป็นไส้กรอก และก็ไก่ชุบแป้งทอด (เมนูที่เป็นชุบแป้งทอดจะมีชื่อว่า Schnitzel) แต่สำหรับผมขาหมูไม่อร่อยเท่าไร ตัวน้ำราดรสชาติเฉยๆมันๆ มันบดเป็นมันบดผสมอะไรสักอย่างกินแล้วจะออกเปรี้ยวๆ โดยรวมผมเชื่อว่าไม่ถูกลิ้นคนไทยเท่าไร แต่ผมว่าน่าจะเป็นเพราะร้านนี้ทำไม่อร่อยด้วย (เพราะหลายๆมื้อหลังจากนี้มีที่อร่อยๆอีกเยอะ) ส่วนขนมหวานนั้นจัดว่าใช้ได้
ราคาอาหารตามร้านจะอยู่ประมาณจานละ 10-20 Euros นั้นคือประมาณ 370 – 700 บาท แล้วแต่เมนู ซึ่งเป็นราคาปกติสำหรับโซนยุโรปหากนั่งกินตามร้าน
เติมพลัง พักเหนื่อยกันเรียบร้อย เราก็แวะไปชมปราสาท Hohenschwangau ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่มาถึงตอนเช้านั้นเอง
ปราสาทนี้ใช้เวลาไม่นานเราก็ถ่ายรูปและลงมาด้านล่าง สรุปแล้วสถานที่นี้จัดว่าคุ้มมากเพราะเป็นเหมือน Landmark อย่างหนึ่งเลยว่าถ้ามาเที่ยว Munich แล้วควรมาชมปราสาทแห่งนี้ด้วย จัดว่าคุ้มค่า ยิ่งถ้าเป็นคนที่สนใจประวัติศาสตร์ผมว่าน่าจะใช้เวลาเที่ยวที่นี้ได้หนึ่งวันเต็ม
สำหรับผมแล้ว ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ที่นี้จัดว่าถูกใจผมเลย เพราะภาพที่ตาเห็นและภาพที่ถ่ายมานั้นสวยงามจริงๆ อากาศที่นี่เย็นสบายดีด้วย ถึงแม้ตอนที่แดดออกแล้วก็เดินได้ชิวๆไม่รู้สึกร้อนเลย
เที่ยวเสร็จประมาณสามโมงเย็นเราก็เริ่มเดินทางกลับไปยังเมือง Munich ด้วยรถไฟเส้นเดิมที่นั่งมา สำหรับ Part นี้ผมขอพักไว้ตรงนี้ก่อน ไว้ตอนหน้า ผมจะพาท่านไปดื่มเบียร์เย็นๆในงาน Oktoberfest กัน
[CR] รีวิว เที่ยวยุโรป 10 วัน 3 ประเทศ! เยอรมัน - ออสเตรีย - ฮังการี Part 1
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม ผมเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเดินทางโดยที่รายละเอียดคร่าวๆมีดังนี้
ออกเดินทางวันที่ 6 ตุลาคม กลับ 15 ตุลาคม
ไป 3 ประเทศ เยอรมัน ออสเตรีย ฮังการี โดยมีเมืองหลักๆดังนี้
Munich -> Salzburg -> Vieanna -> Budapest
สมาชิกมีทั้งหมด 4 คน
ผมตัดสินใจ ตกลง เข้าร่วมทริปวันที่ 2 กันยายน ซึ่งผมมีเวลา 1 เดือนในการ เตรียมตัวทำให้ราคาค่อนข้างสูง จึงได้ราคาดังนี้
ขาไป : Eurowings : บินตรงจาก Bangkok, Thailand -> Munich, Germany : ราคาประมาณ 10,000 บาทพร้อมเศษเล็กน้อยผมเองก็จำไม่ได้ แต่ราคานี้รวมกระเป๋าแล้ว
ขากลับ : UIA (Ukraine International Airlines) : Budapest, Hungary -> Kiev, Ukraine ต่อเครื่อง Kiev, Ukraine -> Bangkok, Thailand ราคาประมาณ 17,000 บาท
กลับมากันต่อที่สนามบิน ใช้เวลาไม่นานผมก็ได้เจอกับเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน (โดยอีก 1 คน จะไปเจอกันที่ Munich) ความรู้สึกแรกที่เจอคือ รู้สึกเฮฮาดี กลับกลายเป็นว่าถึงแม้เราจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนแต่กลับคุยกันได้อย่างลงตัว จนกระทั่งได้เวลาขึ้นเครื่อง
เครื่องบินออกจากสนามบิน 11.35 โดยจะมีใช้เวลาทั้งหมด… 11 ชั่วโมง …
สำหรับ 11 ชั่วโมงนี้ท่านจะได้พบกับ
ข้าวหมกไก่ ที่รสชาติใช้ได้ไม่เลวๆ
โยเกิรต์รสชาติหวาน หอม สตรอเบอร์รี่ และ น้ำแร่ใส่กล่อง.. อ่านไม่ผิดหรอกครับ น้ำแร่ใส่กล่อง…
ขนมปังอะไรสักอย่าง ที่รสชาติแปลกๆ ไม่สามารถกินหมดได้จริงๆ
ผู้โดยสารที่ค่อนข้างเมื่อยขา..
เป็น 11 ชั่วโมงที่ผมหลับบ้างตื่นบ้าง แต่จริงๆผมก็เป็นคนหลับยากนิดๆอยู่แล้ว ก็นั่งคิดไรเพลินๆ ฟังเพลงในมือถือ หยิบ magazine บนเครื่องมาอ่าน ดูรูปวนไปวนมา
Eurowings ค่อนข้างนั่งสบาย มีอาหารให้ 1 มื้อใหญ่ พร้อม snack อีก 1 มื้อ แต่มีข้อเสียคือ ไม่มีอะไรให้ดูเลย หนัง ทีวี บลาๆ ต้องเสียเงินเพิ่ม แนะนำให้โหลด netflix ไปดู offline
ในที่สุด… ก็มาถึง Munich…
หมดไป 1 วันแรกกับการเดินทาง เวลา 18.45 ที่เยอรมัน ณ ตอนนั้น ก็คือ 23.45 ที่เมืองไทย (ณ ปัจุบันที่เขียนโพสนี้ ยุโรปได้ปรับเวลาไปอีก 1 ชั่วโมง ทำให้ห่างเป็น 6 ชั่วโมงแล้วครับ ตอนที่ผมไปยังห่างเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น)
DAY 2
วันนี้ตื่นแต่เช้ามากประมาณตี 5 จุดมุ่งหมายหลักของเราวันนี้คือ Neuschwanstein Castle.. เป็นหนึ่งใน landmark สำคัญของเยอรมันทางตอนใต้เลยก็ว่าได้ ประสาทสร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิจที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก มาถึงที่ทั้งที่ต้องไปถ่ายรูปประสาทแห่งนี้กันหน่อยแล้ว
สำหรับเช้านี้ที่เราต้องตื่นแต่เช้ามืด เพราะต้องเอาของไปฝากที่อีกโรงแรมหนึ่งในเมืองเนื่องจากโรงแรมคืนแรกนั้นเป็นโรงแรมที่จองไว้ใกล้สนามบิน ชื่อว่า Moxy Munich Airport โรงแรมอยู่ใกล้ๆสนามบินมากราคาสูงเล็กน้อย แต่เนื่องจากเป็นช่วงเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเทศกาล Oktoberfest ด้วย ทำให้ราคาที่พักแพงขึ้นจากราคาปกติ สำหรับที่นี้ห้องขนาดใหญ่ 4 คน เสียเงินไป 6,240 บาท
ส่วนที่พักคืนถัดไปนั้นคือ Hostel Haus International ซึ่งเป็นห้องนอน 4 คน เตียง 2 ชั้น ราคาตอนนั้นประมาณห้องละ 5,600 บาท ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับป้ายรถประจำทางเลย ผมพลาดจริงๆเพราะทุกคืนที่กลับมาถึงที่พักค่อนข้างเหนื่อยมาก จนไม่ได้ถ่ายรูปที่พักไว้เลย…
บรรยากาศช่วงเช้ามืดในเมืองก็จะประมาณนี้ครับ
บรรยากาศประมาณช่วงก่อน 6 โมงเช้า
หลังจากฝากกระเป๋าก็ได้เวลาไปยังจุดหมายหลักของเราวันนี้ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองลงไป ต้องไปขึ้นรถไฟจากสถานี München Hauptbahnhof ไป Füssen
สำหรับรายละเอียดเรื่องตั๋วคร่าวๆจะเป็นดังนี้
เนื่องจากพวกเรามี 4 คน ตั๋วที่เหมาะที่สุดก็คงจะเป็น Bayern Ticket ซึ่งคร่าวๆคือเป็นตั๋วกลุ่มรายวัน
สามารถขึ้นรถไฟหรือรถรางได้ทั่วโดยสามารถซื้อตั๋วได้จากเครื่องซึ้อตั๋วเลย 4 คนราคาประมาณ 43 euro
http://www.munich-touristinfo.de/Bavaria-Ticket.htm
Application ที่ใช้ในการดูเส้นทางผมแนะนำตัวนี้เลย OBB ใช้คู่กับ Google map
เพื่อนร่วมทริปในชุดพื้นเมือง เตรียมตัวเที่ยวกันพร้อมมากๆครับ
บรรยากาศที่สถานีครับ คนน้อยมากๆเช้านี้
ระหว่างทางเราเสียเวลานิดหน่อยเรื่องจากหลงทาง แต่ Google map ก็ช่วยพวกเราไว้เนื่องจากมันง่ายมากที่จะดูว่าเราต้องกลับไปที่สถานีไหนและไปขึ้นรถไฟอะไร ผมได้ถ่ายวิดีโอบรรยากาศด้านในรถไฟไว้ด้วย ลองดูกันได้ครับ
https://www.youtube.com/embed/LoFNTFlqTSY
ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 2 ชั่วโมง.. เราก็มาถึง Füssen จากตรงนี้ง่ายมากแค่เดินตามนักท่องเที่ยวไปก็จะเจอรถที่พาไปยังด้านล่างปราสาททันที ซึ่งแน่นอนค่าตั๋วนั้นรวมอยู่ใน Bayern Ticket แล้วนั่งรถอีกแปปเดียวเราก็จะเข้าถึงส่วนปราสาท ซึ่งพื้นที่โดยรอบนี้มีชื่อว่า Scwangau
ปรากฏว่าพอมาถึง ฝนตกลงมาเล็กน้อย ฟ้าครึ้มๆ แต่โชคดีที่ไม่ตกหนักมาก แปปๆก็หยุดแล้ว
ครึ้มฟ้าครึ้มฝน
นี่คือประสาท Hohenschawangau ซึ่ง เป็นปราสาทที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียประทับเมื่อยังทรงพระเยาว์ เดี๋ยวเราจะลงมาแวะเที่ยวหลังจากที่ไปเยี่ยมชมประสาท Neuschawanstein กันนะครับ
เมื่อมาถึงจะมีบริการรถรับส่งเพื่อขึ้นไปยังตัวปราสาทด้านบนค่ารับส่งจะราคาประมาณคนละ 2.5 euro และเมื่อขึ้นไปถึง สื่งที่ควรจะไปเลยยังไม่ใช่ตัวปราสาท แต่เป็นจุดที่มองเห็นปราสาทเต็มๆต่างหาก เพราะนั้นทำให้พวกเราได้ไปเห็นความสวยงามของปราสาทนี้…
ซึ่งตำแหน่งนี้จะเป็นสะพานที่อยู่ด้านบนของปราสาท ไม่ต้องกลัวเรื่องสถานที่ เมื่อไปถึงแล้วละก็เดินตามป้ายได้เลยไปถูกแน่นอน นักท่องเที่ยวเยอะมากครับ และนอกจากนั้นยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆอีกด้วย
ถ่ายรูปกันพอใจเราก็เดินไปหน้าปราสาท ระหว่างทางก็มีวิวสวยงามที่มองเห็นพื้นที่ข้างล่าง และยังคงความเป็นธรรมชาติไว้
ทั้งปราสาท Neuschwanstein และ Hohenscwangau จริงๆแล้วมีประวัติที่น่าสนใจมากซึ่งเกี่ยวข้องกับ พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้สร้างปราสาท สามารถลองหาข้อมูลเพิ่มเติมได้<a></a>
ปรากฏว่าพอเราเดินไปถึงทางเข้า ช่วงนี้มีการปิดปรับปรุงบางส่วนอยู่พวกเราเลยตัดสินใจไม่เข้าชมปราสาทด้วยความที่ผมเองและเพื่อนๆในทริปก็ไม่ได้ศึกษาประวัติมาอย่างละเอียดด้วย เข้าไปแล้วอาจจะไม่อินเท่าไร เราเลยตัดสินใจลงไปข้างล่างเพื่อจะหาอะไรกินกันก่อน เพราะมาถึงปราสาทนี่ก็ประมาณบ่ายโมงแล้ว
ตัวประสาทมองจากด้านล่างแล้ว พวกเราตัวเล็กไปเลยครับ
พอลงไปข้างล่างก็แวะหาอะไรกินที่ร้าน เลยลองสั่งขาหมูเยอรมันมากินดู อยากรู้รสชาติจะเป็นยังไง
เพื่อนร่วมทริปของผมลองสั่งเป็นไส้กรอก และก็ไก่ชุบแป้งทอด (เมนูที่เป็นชุบแป้งทอดจะมีชื่อว่า Schnitzel) แต่สำหรับผมขาหมูไม่อร่อยเท่าไร ตัวน้ำราดรสชาติเฉยๆมันๆ มันบดเป็นมันบดผสมอะไรสักอย่างกินแล้วจะออกเปรี้ยวๆ โดยรวมผมเชื่อว่าไม่ถูกลิ้นคนไทยเท่าไร แต่ผมว่าน่าจะเป็นเพราะร้านนี้ทำไม่อร่อยด้วย (เพราะหลายๆมื้อหลังจากนี้มีที่อร่อยๆอีกเยอะ) ส่วนขนมหวานนั้นจัดว่าใช้ได้
ราคาอาหารตามร้านจะอยู่ประมาณจานละ 10-20 Euros นั้นคือประมาณ 370 – 700 บาท แล้วแต่เมนู ซึ่งเป็นราคาปกติสำหรับโซนยุโรปหากนั่งกินตามร้าน
เติมพลัง พักเหนื่อยกันเรียบร้อย เราก็แวะไปชมปราสาท Hohenschwangau ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่มาถึงตอนเช้านั้นเอง
ปราสาทนี้ใช้เวลาไม่นานเราก็ถ่ายรูปและลงมาด้านล่าง สรุปแล้วสถานที่นี้จัดว่าคุ้มมากเพราะเป็นเหมือน Landmark อย่างหนึ่งเลยว่าถ้ามาเที่ยว Munich แล้วควรมาชมปราสาทแห่งนี้ด้วย จัดว่าคุ้มค่า ยิ่งถ้าเป็นคนที่สนใจประวัติศาสตร์ผมว่าน่าจะใช้เวลาเที่ยวที่นี้ได้หนึ่งวันเต็ม
สำหรับผมแล้ว ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ที่นี้จัดว่าถูกใจผมเลย เพราะภาพที่ตาเห็นและภาพที่ถ่ายมานั้นสวยงามจริงๆ อากาศที่นี่เย็นสบายดีด้วย ถึงแม้ตอนที่แดดออกแล้วก็เดินได้ชิวๆไม่รู้สึกร้อนเลย
เที่ยวเสร็จประมาณสามโมงเย็นเราก็เริ่มเดินทางกลับไปยังเมือง Munich ด้วยรถไฟเส้นเดิมที่นั่งมา สำหรับ Part นี้ผมขอพักไว้ตรงนี้ก่อน ไว้ตอนหน้า ผมจะพาท่านไปดื่มเบียร์เย็นๆในงาน Oktoberfest กัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้