สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เฮ้ยย้า....
ชิวๆๆ หนุ่มเอ้ย สมัยก่อนผมก็อย่างนี้เลย เดียวนี้ยิ่งหนัก
ปริญญานี้กระจอกเลย มีหลายใบ
ทำได้หมด เหมือนจะรู้ทุกเรื่อง ศิลป กีฬา ดนตรี
ไม่มีใครทำ ไม่มีใครไป นายจะใช้ใคร ก็เรา ..... ฟลุ๊กทำออกมาดี ยิ่งไปใหญ่ ย้ายเราไปไหนต่อไหน
วาดสีน้ำมัน สีอะคริลิค ตั่งแต่มัธยมต้น แต่ไปจบช่างยนต์ แล้วมาต่ออนุปริญญาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยครูพระนคร สอบได้ ทั้งห้องมาจากศิลปะหมด ยกเว้นคนเดียวมาจากช่างยนต์ อาจารย์ก็งง สอบมาได้ไง
จากนั้นไปบวช บวชเป็นปี สาวไม่รอแล้ว ไม่มีกำหนด สอบนักธรรม เรียนบาลี อุปัฌาย์จะให้สืบทอด แย่แน่เลย จังหวะบุญน้อย ออกมาได้งาน ...แต่งานที่ว่า มันกระทบให้ไปจบ ปริญญาไปจบวิศวกรรมเครื่องกล มี กว.เครื่องกลด้วยน่ะ เพราะไปทำงานโรงงาน บริษัทให้ทุนเรียนต่อ แต่เขาบอกว่า ไม่ต้องการช่างศิลป์ ต้องการวิศวกรรมเครื่องกล อยากเรียนไหม อยากเรียนสอบให้ได้ เวรละสิ
เราเรียนปั้นหน้าพระมา เรียนลายเส้น สีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิค ทำออกแบบงานศิลป์ แล้วนี้ต้องมาเริ่มคำนวนใหม่เลยเหรอเนี่ย ต้องไปหาหนังสือวิทย์คณิต ม.ปลายมาอ่านใหม่หมด
ได้หมด ฝืนใจแม้ไม่ชอบ ในรุ่นร้อยกว่าคน จบ Lot แรก 8-9 คน ทำงานนายใช้หมด จบวิศวกรรมเครื่องกล นายแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกไฟฟ้า นั้นเป็นไง ให้ไปคุมงานก่อสร้างโรงงาน ไม่รู้เรื่องโยธา นายบอกว่าไปอ่านเอา เดียวหาที่ปรึกษาให้ ปริญญาคุณเขาเขียนเปล่า ว่าห้ามเรียนรู้เรื่องอื่น
นั้น วาทกรรมเจ้านาย เราก็ทำไป โรงงานเสร็จ แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนก QC อ้าว....
เจ้านายบอก ไม่ต้องอ้าว .... ไม่ต้องอ้าง ไปอบรม หาหนังสืออ่านเอา แล้วไปทำงาน
นี้เราเป็น Supper Duck ตั่งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่ใช่ Supervisor เหรอเนี่ย
วันหนึ่งย้ายงานไปทำประกันภัย เปลี่ยนงานไปด้านอื่น เลยไปเรียนโทเพิ่ม จบวิศวกรรมการจัดการ ใจอยากเรียนสาธารณสุข เลยไปเรียน จบสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิตมาอีก มาทำงานให้คำปรึกษาไปเรื่อยเปื่อย วันหนึ่งมีคนถามว่าจบการตลาดที่ไหนมา บอกเปล่าเลย ไม่รู้จะบอกว่าจบเป็นที่ไหนแทน มีช่วงหนึ่งอยากรู้เรื่องการเกษตร โดนคนดูถูกดูแคลน เลยไปจบ สาขาธุรกิจการเกษตรมาอีกใบ ทำงานไปเลยไปเรียน ป.เอก มาอีกใบ เป็นด้านการปกครอง มันพะยะค่ะ
เดียวนี้เหมือนตัวเองไม่รู้อะไรเท่าไหร่ ยิ่งเรียนรู้มาก ยิ่งเหมือนรู้น้อยลง
เป้าหมายในชีวิต อย่าทำเพื่อใคร ทำเพื่อตัวเอง ที่เอื้อต่อสังคม ประเทศชาติ
พวกเนี่ย ของสมมติ วันหนึ่งชีวิตเราก็จากไป ปริญญา 5-6 ใบ ที่หามายากเย็นแสนเข็ญ ใครจะเอา นอกจากเผาตามไป
บางคนบอกว่าลูกหลานเก็บไว้เป็นที่ระลึก ห่างอีกชั้นเดียวกัน มันไม่ผูกพันแล้ว เก็บใส่ลังดีกว่า
เล่นกีฬา เพื่อสุขภาพตัวเอง
เล่นดนตรี ไม่ถนัดก็เปิดฟัง เพื่อสุขภาพจิตตัวเอง
งานศิลป์ จะวาดรูป ถ่ายภาพ ก็เพื่อผ่อนคลาย สร้างสมาธิ บำบัดความขุ่นมัวในใจตนเอง เพื่อสุขภาพตนเอง
ทำงาน เป้าหมายคือ ทำแล้วมีความสุข เราอาจไม่ใช่พระเอกของเรื่อง แต่หากไม่มีเรา เรื่องนี้อาจไม่สมบูรณ์ก็ได้ เราก็สำคัญเหมือนกัน
สิ่งที่สำคัญ ต้องมีความศรัทธา คือ ต้องศรัทธาในตัวเอง เมื่อศรัทธาในตัวเอง ก็จะมีความเชื่อมั่น เชื่อว่า สิ่งที่เราทำมีคุณค่า
แม่บ้านที่ทำความสะอาดโรงแรม ไม่สำคัญหรือ งานเขาไม่มีคุณค่าหรอ PR ของโรงแรม จบสวิส แต่งตัวสวยเท่านั้นหรือที่เป็นผู้สร้างคุณค่า
เราไม่ได้กระจอก เพราะเราเป็น Supper Duck ได้หมดถ้าสดชื่น ฮิๆๆ (เชยไปแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่)
ชิวๆๆ หนุ่มเอ้ย สมัยก่อนผมก็อย่างนี้เลย เดียวนี้ยิ่งหนัก
ปริญญานี้กระจอกเลย มีหลายใบ
ทำได้หมด เหมือนจะรู้ทุกเรื่อง ศิลป กีฬา ดนตรี
ไม่มีใครทำ ไม่มีใครไป นายจะใช้ใคร ก็เรา ..... ฟลุ๊กทำออกมาดี ยิ่งไปใหญ่ ย้ายเราไปไหนต่อไหน
วาดสีน้ำมัน สีอะคริลิค ตั่งแต่มัธยมต้น แต่ไปจบช่างยนต์ แล้วมาต่ออนุปริญญาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยครูพระนคร สอบได้ ทั้งห้องมาจากศิลปะหมด ยกเว้นคนเดียวมาจากช่างยนต์ อาจารย์ก็งง สอบมาได้ไง
จากนั้นไปบวช บวชเป็นปี สาวไม่รอแล้ว ไม่มีกำหนด สอบนักธรรม เรียนบาลี อุปัฌาย์จะให้สืบทอด แย่แน่เลย จังหวะบุญน้อย ออกมาได้งาน ...แต่งานที่ว่า มันกระทบให้ไปจบ ปริญญาไปจบวิศวกรรมเครื่องกล มี กว.เครื่องกลด้วยน่ะ เพราะไปทำงานโรงงาน บริษัทให้ทุนเรียนต่อ แต่เขาบอกว่า ไม่ต้องการช่างศิลป์ ต้องการวิศวกรรมเครื่องกล อยากเรียนไหม อยากเรียนสอบให้ได้ เวรละสิ
เราเรียนปั้นหน้าพระมา เรียนลายเส้น สีน้ำ สีน้ำมัน สีอะคริลิค ทำออกแบบงานศิลป์ แล้วนี้ต้องมาเริ่มคำนวนใหม่เลยเหรอเนี่ย ต้องไปหาหนังสือวิทย์คณิต ม.ปลายมาอ่านใหม่หมด
ได้หมด ฝืนใจแม้ไม่ชอบ ในรุ่นร้อยกว่าคน จบ Lot แรก 8-9 คน ทำงานนายใช้หมด จบวิศวกรรมเครื่องกล นายแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกไฟฟ้า นั้นเป็นไง ให้ไปคุมงานก่อสร้างโรงงาน ไม่รู้เรื่องโยธา นายบอกว่าไปอ่านเอา เดียวหาที่ปรึกษาให้ ปริญญาคุณเขาเขียนเปล่า ว่าห้ามเรียนรู้เรื่องอื่น
นั้น วาทกรรมเจ้านาย เราก็ทำไป โรงงานเสร็จ แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนก QC อ้าว....
เจ้านายบอก ไม่ต้องอ้าว .... ไม่ต้องอ้าง ไปอบรม หาหนังสืออ่านเอา แล้วไปทำงาน
นี้เราเป็น Supper Duck ตั่งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่ใช่ Supervisor เหรอเนี่ย
วันหนึ่งย้ายงานไปทำประกันภัย เปลี่ยนงานไปด้านอื่น เลยไปเรียนโทเพิ่ม จบวิศวกรรมการจัดการ ใจอยากเรียนสาธารณสุข เลยไปเรียน จบสาธารณสุขศาสตร์บัณฑิตมาอีก มาทำงานให้คำปรึกษาไปเรื่อยเปื่อย วันหนึ่งมีคนถามว่าจบการตลาดที่ไหนมา บอกเปล่าเลย ไม่รู้จะบอกว่าจบเป็นที่ไหนแทน มีช่วงหนึ่งอยากรู้เรื่องการเกษตร โดนคนดูถูกดูแคลน เลยไปจบ สาขาธุรกิจการเกษตรมาอีกใบ ทำงานไปเลยไปเรียน ป.เอก มาอีกใบ เป็นด้านการปกครอง มันพะยะค่ะ
เดียวนี้เหมือนตัวเองไม่รู้อะไรเท่าไหร่ ยิ่งเรียนรู้มาก ยิ่งเหมือนรู้น้อยลง
เป้าหมายในชีวิต อย่าทำเพื่อใคร ทำเพื่อตัวเอง ที่เอื้อต่อสังคม ประเทศชาติ
พวกเนี่ย ของสมมติ วันหนึ่งชีวิตเราก็จากไป ปริญญา 5-6 ใบ ที่หามายากเย็นแสนเข็ญ ใครจะเอา นอกจากเผาตามไป
บางคนบอกว่าลูกหลานเก็บไว้เป็นที่ระลึก ห่างอีกชั้นเดียวกัน มันไม่ผูกพันแล้ว เก็บใส่ลังดีกว่า
เล่นกีฬา เพื่อสุขภาพตัวเอง
เล่นดนตรี ไม่ถนัดก็เปิดฟัง เพื่อสุขภาพจิตตัวเอง
งานศิลป์ จะวาดรูป ถ่ายภาพ ก็เพื่อผ่อนคลาย สร้างสมาธิ บำบัดความขุ่นมัวในใจตนเอง เพื่อสุขภาพตนเอง
ทำงาน เป้าหมายคือ ทำแล้วมีความสุข เราอาจไม่ใช่พระเอกของเรื่อง แต่หากไม่มีเรา เรื่องนี้อาจไม่สมบูรณ์ก็ได้ เราก็สำคัญเหมือนกัน
สิ่งที่สำคัญ ต้องมีความศรัทธา คือ ต้องศรัทธาในตัวเอง เมื่อศรัทธาในตัวเอง ก็จะมีความเชื่อมั่น เชื่อว่า สิ่งที่เราทำมีคุณค่า
แม่บ้านที่ทำความสะอาดโรงแรม ไม่สำคัญหรือ งานเขาไม่มีคุณค่าหรอ PR ของโรงแรม จบสวิส แต่งตัวสวยเท่านั้นหรือที่เป็นผู้สร้างคุณค่า
เราไม่ได้กระจอก เพราะเราเป็น Supper Duck ได้หมดถ้าสดชื่น ฮิๆๆ (เชยไปแล้ว แต่ยังใช้ได้อยู่)
ความคิดเห็นที่ 6
โลกยุคใหม่ เป็นโลกที่ต้องการคนที่บูรณาการทักษะความสามารถหลายๆ ด้านไปประยุกต์ใช้นะคะ เช่น วิศวกรรมผสมกับไอที เกษตรกรรมผสมกับวิทยาศาสตร์ เป็นต้น คำว่าความสามารถเหมือนเป็ด จึงไม่ได้มีความหมายในเชิงลบอีกต่อไปในโลกปัจจุบัน คุณอาจจะมีความสามารถอย่างละนิดหน่อยแต่หลากหลาย คุณก็สามารถนำทักษะนั้นไปผสมผสานต่อยอดได้หลากหลายค่ะ คุณอาจจะพบสิ่งที่แปลกใหม่กว่าการมีความสามารถเฉพาะทางด้านใดด้านหนึ่งก็ได้ค่ะ สำคัญ คือ สะสมความรู้เป็นต้นทุนชีวิตนะคะ อย่าคิดว่าเราไม่เก่งอะไรสักอย่าง
แสดงความคิดเห็น
มีใครเป็นเหมือนกันไหม ความสามารถเหมือนเป็ด! ไม่รู้ตัวเองเก่งหรือชอบเรื่องอะไร
แต่เราเนี่ยตั้งแต่เกิด จนตอนนี้ เราไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไรหรืออยากทำอะไร
เป็นคนที่เรียนได้ในระดับที่ถือว่า ถ้าขยันเกรด3ขึ้น ถ้าเหลวไหลหน่อยก็ 2ปลายๆ
กีฬาพอได้แต่ไม่เก่ง
เครื่องดนตรีอันนี้ไม่ได้เลย555
งานศิลปะก็พอวาดไปได้ใช่ขี้เหร่
เข้ามหาลัย ครอบครัวอยากให้เรียนภาษาก็เรียนได้ถูไถจบมาได้
ตอนนี้ก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัท ไม่ใช่งานที่ชอบแต่ก็ทำได้ แต่ไม่มีความสุขกับงาน ไม่ได้เลือกงาน ลองที่จะทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองน่าจะชอบ งานแบงค์ ขายออนไลน์ นักเขียนนิยาย ค้าขาย ทำไร่ทำสวน ก็ยังหาตัวเองไม่ได้สักทีว่าที่ทำชอบรึป่าว หรือใช่เรารึป่าว มันก็แค่ทำได้อ่ะ
ดูๆ เหมือนคนล่องลอย ไม่มีหลักเลย ความชอบหรือสนใจ จริงๆเราเก่งเรื่องอะไร ทำไมบอกไม่ได้ก็ไม่รุ