[CR] +.+.+ลุยเดี่ยวเที่ยวตอนตกกงาน จาก USA ถึง PERU+.+.+ (DAY9: TEOTIHUACAN (MEXICO))

ดูกระทู้รวมของทริปนี้ได้ที่ https://ppantip.com/topic/37467736/
สามชั่วโมงกลางไอแดดกับพีระมิดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก กับความล๊กหา Tourist card ของคิวบา
การเดินทางวันสุดท้ายใน Mexico City วันนี้ เราจะพาออกนอกเมืองไปประมาณ 40 กม. เพื่อชมพีระมิดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองมาจาก Great Pyramid of Cholula และ the Great Pyramid of Giza

จากตัวเมือง Mexico City เราสามารถนั่งรถเมล์หรือรถไฟใต้ดินเพื่อไปยัง Terminal Norte ได้ สำหรับเราวันนี้เลือกการเดินทางโดยรสบัสต่อเดียวถึง
ถ้าเป็นใต้ดินได้เปลี่ยนสายจนเวียนหัว นังประมาณ 20 นาทีก็มาถึง Terminal Norte พอเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปเกือบสุดจะเจอบูธขายตั๋วไป
Teotihuacan ในราคา 52 Peso รอบ 7.45น.

พอขึ้นรถปุ๊บจัดแจงหาที่นั่ง มองซ้ายมองขวาพบเพียงความว่างเปล่า เอ๊ะ! หรือเราขึ้นผิดคัน เดินลงกลับไปถามใหม่เค้าก็ว่าคันนี้แหละ อ้าวเฮ้ย! นี่คือทัวร์
VIP สินะ คนเดียวกับรถบัสขนาด 30 กว่าที่นั่น ออร่ามหาเศรษฐีเปล่งประกายทั่วเรือนร่าง
พอรถออกนี่แทบจะกลิ้งจากเบาะหน้าไปเบาะหลัง แต่ดีใจได้ไม่นานรถก็มาจอดป้ายแรก คนก็เริ่มขึ้นรถมาหน่อย ราศีเศรษฐีนีที่เพ้อฝันไปเองเริ่มเจือจาง
แต่เดี๋ยวก่อน.....อะไรคือมีเจ้าหน้าทีจากไหนไม่รู้ถือวีดีโอเดินถ่ายทั่วรถเลย ถ่ายเพื่อ???? หรือเป็นงาน candid???

เพ้อเจ้อได้ไม่นานรถก็ขับออกไปต่อจนถึงป้ายที่ 2 คราวนี้คนเต็มรถ เราเลยได้แต่นั่งเฉยๆ แล้วคอยสะกิดบอกคนขับว่าจอดให้ชั้นลงที่ Teotihuacan ด้วยนะเธอ จนสุดท้ายผ่านไปชั่วโมงครึ่ง เราก็ได้ฤกษ์กระโดลงจากรถตรงวงเวียนหน้าอุทยานพีระมิดทันที

ก่อนจะเข้าไปก็ต้องซื้อตั๋วก่อน ราคาค่าเข้า 70 Peso ส่วนใครต้องการความรู้จะมีไกด์มาเสนอที่ราคา 500 Peso สำหรับ 2 ชั่วโมง ถ้าอยากได้ความรู้ ควักเงินจ้างไปเลยจ้า แต่ถ้าอยากได้ความชิวเก็บเงินไว้ดีกว่า เพราะขนาดเราเดินแบบไม่ชิวมาก ยังใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ถ้ามีไกด์รับรองได้ว่าไม่ได้ถ่ายรูปแน่นอน
ตั๋วพร้อมคนพร้อมก็เริ่มเดินกันเลย Teotihuacan จะแบ่งพีระมิดเป็น 3 แห่งใหญ่ๆ คือ
1. Templo de Quetzacoat
2. Pyramide del Sol
3. Pyramide del la Luna

พีระมิดที่ใหญ่ที่สุด และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลกคือ Pyramide del Sol ซึ่งจะอยู่ตรงกลาง ส่วนอันแรกที่เราจะเจอก่อนคือ Templo de Quetzacoat
เพราะพีระมิดอยู่สูงการเข้าชมคือการต้องปีนป่ายขึ้นไป ตอนปีนขึ้นนั้นง่ายแสนง่าย แต่ตอนลงนี่ขาสั่นพั่บๆ ทั้งชัน ทั้งสูง แถมไม่มีที่เกาะอีก เห็นฝรั่งเดินลงกันชิวๆ แบบนี้ คนกลัวความสูงอย่างเรานั่งลงแล้วค่อยๆ เอาก้นไถลงมาทีละชั้น จุดนั้นความอายไม่มี เพราะออกจากที่นี่ไปก็ไม่มีใครรู้จักชั้นอยู่ดี
ออกจาก Templo de Quetzacoat เราต้องเดินไปตามทาง ซึ่งถนนสายนี้มีชื่อว่า Avenue of the Dead เป็นถนนที่ทอดผ่าน Pyramide del Sol และลากยาวไปจนจบที่ Pyramide del la Luna ระยะทางระหว่างพีระมิดก็ไกลอยู่พอควร

ด้วยความที่มันไกล จะเดินเพื่อให้ไปถึงอย่างเดียวก็ใช่เรื่อง ที่ไหนพอเอามือถือวางที่พื้นได้ เราก็ถ่ายรูปตัวเองวนไป

เดินมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึง Pyramide del Sol

มาถึงแล้วมันก็ต้องปีน ถึงจะไม่อยากปีนก็ตาม แต่ดีหน่อยตรงที่พีระมิดนี้มีราวให้จับยึด ทำให้ขึ้นลงได้ง่ายกว่าพีระมิดอันแรก

พอปีนถึงด้านบนก็ได้เวลาฟินกับบรรยากาศด้านบนที่ร้อนระอุกับลมพัดอ่อนๆ
 จากนั้นเราก็ต้องถ่ายรูปมุมบังคับ คือถ่ายจาก Pyramide del Sol ให้เห็นไปถึง Pyramide del la Luna

พอตากแดดหนำใจแล้วเราก็ค่อยๆ พาร่างอันอ้วนท้วนลงมาด้านล่าง ตอนนี้มันทำให้เราเริ่มสังเกตุว่า การเที่ยวที่ไหนๆ ในโลกหล้า จะต้องพบเจอมวลมหาประชาชนชาวจีนแทบทุกที่ แต่ไม่ใช่ที่นี่ ถ้านับเฉพาะคนเอเชีย ชาติที่มาเที่ยวที่นี่เยอะสุดๆ คือ ญี่ปุ่น กับเกาหลี มีมาทุกช่วยวัย ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ คู่รัก ครอบครัว หรือแม้แต่มาคนเดียว ส่วนคนจีนนั้นมีให้เห็นประปราย และคนจีนคู่ที่อยู่ด้านหน้าเรานี่เอง ที่ทำให้เราเริ่มเห็นความรักในรูปแบบที่แตกต่างระหว่าง 2 คู่ในเวลาต่างกันไม่ถึง 5 นาที

คู่แรก (คนจีน) ผู้ชายเดินถ่ายรูปอย่างเดียว แล้วเร่งให้ผู้หญิงรีบเดินลงมา ส่วนผู้หญิงก็บ่น (แทบจะตะคอก) ไม่คิดจะรอกัน ไม่คิดจะรับกันเลยเหรอไง (นี่ถ้าตบกันได้คงตบกันแล้ว)

คู่หลัง (คนตะวันตก) ผู้หญิงกำลังจะปีนลงมา ผู้ชายดึงมือไว้แล้วกระโดดลงมาก่อน พร้อมยื่นมือให้แล้วโอบจูงผู้หญิงให้เดินลงมา

จุดนี้......ชั้นจะหาผัวฝรั่งนะ!!!!

นอกเรื่องไปไกลกลับมาทริปของเราต่อดีกว่า เราเดินตามทางต่อไปจนถึง Pyramide del la Luna และคือมันจะต้องปีนอีกแล้ว แต่ด้วยปัญหาข้อเข่าของวัยชราอย่างเรา ดูจากด้านล่างก็พอเน๊อะ

เสร็จแล้วก็เดินไปตรงใกล้ๆ ทางออกก็จะมีมุมสูงให้เราสามารถเห็นวิวมุมกว้างได้ ตรงนี้เองเราแอบได้ยินไกด์พูดขึ้นมา “พีระมิดที่ว่าใหญ่มันก็น่าทึ่ง แต่ที่น่าทึ่งกว่าคือกษัตริย์ในสมัยนั้นที่สามารถทำให้คนยอมสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ลงแรงสร้างทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่ามันจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงเลยด้วยซ้ำ” เออ...จริง!!!

พอได้เวลาอันควรเราก็กลับมารอรถตรงวงเวียนอีกครั้ง แรกๆ ตั้งใจจะถ่ายรูปวงเวียน แต่พอเท้าก้าวไปถึงด้านนอกรถบัสก็มาพอดีเราเลยต้องรีบกระโดดขึ้นเพื่อกลับไปในเมือง

ภารกิจหลักในเมืองวันนี้คือการหาอาหารกิน เดินไปเรื่อยๆ จนเจอกับร้านดูเก่าๆ แต่ดูมีคนแม็กซิกันนั่งกินอยู่เยอะ เค้าว่าตั้งมาเป็นร้อยปีแล้ว พอเดินเข้าไปอย่างงงๆ อยากรู้ว่าสั่งอะไรดี เจ้าของมาแนะนำเองบอกว่าไก่งวงที่นี่ดังนะจ๊ะ แต่คืออ่านไม่ออกไง มันมีรายการไก่งวงหลายอย่างเลยจิ้มๆ ไป สุดท้ายเลยได้หน้าตาขนมปังประกบไก่งวงกับอโวคาโด้มา ราคา 50peso รวม pepsi เป็น 70 peso เดินออกมาเจอร้านไอติมที่มีหลายสาขามากเลยจัดไปหนึ่งถ้วยราคา 54 peso แพงกว่าข้าวกลางวันอีก

ภารกิจการกินเสร็จสิ้นเราก็กลับที่พักเพื่อไปเอากระเป๋า พอมีเวลาเลยเล่นเนทอัพเดทชีวิตนิดหน่อย แต่ดันลืมโหลดแผนที่คิวบา อันนี้ชีวิตดับมากจริงๆ จากนั้นก็รีบไปใต้ดินตั้งแต่ยังไม่ 4 โมงเย็นดี คิดแล้วเวลาๆ เหลือๆ เพื่อเวลาเต็มที่เพราะต้องไปซื้อ tourist card ของคิวบาที่สนามบินอีก แต่เจ้าประคุณ คนเบ๊อะบ๊ะยังไงก็แก้ไม่หาย ดันขึ้นรถไฟผิดฝั่ง นั่งไปสามป้ายเกิดเอะใจ หันไปดู อ้าวเฮ้ย ผิดทาง รีบออกมาเดินไปอีกฝั่ง ทั้งหมดเสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง ที่ว่าจะเร็วเลยกลายเป็นช้าไปเลย นั่งไปเหงื่อตกไปกลัวจะไม่ทัน

พอถึงสนามบินแล้วต้องหารถไฟเพื่อนั่งไป Terminal 2 อีก แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เพราะการเช็คอินต้องทำด้วยตัวเองไปที่ L2 เช็คอินกับ Kiosk จากนั้นไป Drop กระเป๋าที่ข้างๆ ตรงที่เช็คอิน แต่ด้วยความที่ยังไม่มี tourist card เลยไม่กล้า drop กระเป๋า กลัวกระเป๋าได้ไปเที่ยวแต่คนไม่ได้ไป
คราวนี้หิ้วกระเป๋าวิ่งไล่ถามว่าซื้อ tourist card ได้ที่ไหน คนหนึ่งบอกให้ไปซ้าย อีกคนให้ไปขวา ปวดกระบาลมาก แต่ก็วิ่งไง วิ่งสุดสนามบินสองฝั่งไปมาก็หาไม่เจอ ของก็ไม่รู้จะหนักไปไหน ไม่ไหวจะวิ่งอีกรอบเลยไปต่อแถวที่เค้าเช็คอินแบบคนไฮโซ เลยได้ความว่า ออฟฟิศอยู่ตรงข้าม L2 ข้างๆ 7-11
นั่นแหละจ้า

ไปถึงเดินไปซ้ายมือสุดกดป้ายคิว รอ ร๊อ รอ แต่ละคนทำนานเหลือเกิน เดี๊ยนจะตกเครื่องมั๊ยคะ พอมีคนออกเราก็รอฟังว่าถึงคิวเท่าไหร่แล้ว อ้าว เฮ้ย ไม่มีเรียกเบอร์เว้ย จำกันเองว่าใครมาก่อนมาหลัง แล้วมันจะมีเบอร์เพื่อ????? ด้วยความที่เวลาเหลือน้อยเต็มทน งัดความหนาของใบหน้าโชว์ Boarding Pass แล้วขอซื้อ tourist card แบบด่วนๆ จนได้มันมาครอบครอง

พอเข้าไปซื้อเสร็จรีบเอากระเป๋าไปเชคอิน แล้วเอาตัวผ่านเข้าไปใน Gate ทันที ที่นี่เหมือนเดิมคือไม่มีการผ่าน ตม มีแต่ตรวจกระเป๋าอย่างเดียว พอเรียบร้อยแล้วเราก็ไปนั่งรอสวยๆ ที่เกทได้เลย

แต่ระหว่างที่รออยู่ดีๆ ก็มีประกาศว่าคิวบาจะต้องมีเอกสารบลาๆ ใครไม่มีมาเอาที่นี่ได้ พอไปเอาบอกว่าเฉพาะคน American ส่วนชาติอื่นไม่ต้องจ้า พอขึ้นเครื่องเราได้นั่งที่ฉุกเฉิน แอร์ถามว่าฟังอังกฤษได้มั๊ย? เราก็แบบได้ นี่เป็นทางออกฉุกเฉิน เราก็แบบให้เราย้ายมั๊ย? ไม่เป็นไรนั่งได้ เดี๋ยวมาบรีฟ
จนเครื่องลงแล้วก็ยังไม่ได้รับการบรีฟอะไรทั้งสิ้น
ชื่อสินค้า:   Teotihuacan
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่