หน้าร้อนนี้ไปไหนดี? ไปนอนแพกลางน้ำกันมั้ย?
กุ้ยหลินเมืองไทย คือ อะไร อยู่ที่ไหน? กุ้ยหลินเมืองไทย คือ ฉายานามของเขื่อนรัชชประภา หรือเดิมชื่อเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีทัศยนียภาพสวยงาม เงียบสงบ และอุดมสมบูรณ์มากเป็นอันต้นๆของประเทศไทย เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานที่ได้รับฉายาว่ากุ้ยหลินเมืองไทยนั้น เพราะมีภูเขาหินปูขึ้นแทรกอยู่กลางน้ำหรือเรียกว่าขาสามเกลอ และบรรยากาศโดยรอบสวยงามราวกับหยิบยกกุ้ยหลินของจริงมาวางไว้ที่นี่
How to go
เรื่องการเดินทางขอออกตัวเลยว่า.. ไม่ทรหด! แต่! ต้องอดทน เพราะการเดินทางหลายขั้นหลายตอนและใช้เวลาเกินครึ่งวัน เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพด้วยสารการบินAirasia (ดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี) ไฟลท์บินเช้าที่สุด ต้องไปถึงสนามบินก่อน 9 โมง ใช้เวลา 1 ชม. จากนั้นต่อด้วยรถมินิบัส ใหม่จองรวมกับแพ็คเกจของที่พัก 2 ชม. จากสนามบิน-ท่าเรือ และต่อสุดท้ายอีก 45 นาที ท่าเรือ-ที่พัก
Where to stay
สำหรับที่พักในเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีทั้งหมด 1.แพของอุทยาน และ 2.แพของเอกชน ซึ่งใหม่ได้เลือกแพของเอกชน ที่Panvaree The Greeneryhttps://www.thegreenerypanvaree.com/
The Greenery เป็นโซนที่เพิ่งเปิดใหม่ของแพพันวารีย์แค่เห็นรูปก็ถูกใจเลย พอได้อ่านข้อมูลของที่พักยิ่งมั่นใจ100% ไปที่นี่แน่นอน แพเรือนไม้ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและกลิ่นอายแบบบ้านเรือนไทย มีสไตล์ และทางแพเคลมว่าใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะอาดและปลอดภัย
ห้องพักแบบSuperior นอนได้ 2-3คน (3 คน มีฟูกเสริม) ห้องน้ำภายในตัว มีทีวี, แอร์, พัดลม, ตู้เย็น ห้องพักกว้างขวางและสะอาด อุปกรณ์ยังดูใหม่ ห้องน้ำกว้างสะดวกสบาย น้ำไหลแรง กดชักโครกอาบน้ำสระผมได้เริด ทางแพจะจำกัดการใช้ไฟฟ้า ช่างเวลาที่ใช้ไฟฟ้า 18.00 – 09.00 และจะตัดไฟหลังจาก 9 โมงเช้า เหลือแค่พัดลมที่สามารถใช้ได้ ถ้าจะชาร์ตแบตโทรศัพท์ต้องไปที่ศูนย์กลางของแพ
What is the cost
ใหม่เลือก Package 3 วัน 2 คืน + รถรับ-ส่งสนาบิน สำหรับ 2 คน ราคา 14,900 บาท(ราคานี้รวมรถรับส่งสนามบิน), เรือรับ-ส่ง(แชร์), อาหาร 6 มื้อ, ล่องเรือชมเขาสามเกลอ(กุ้ยหลินเมืองไทย), มอนิ่งซาฟารี, ทัวร์อุทยาน,ล่องแพไม้ไผ่และถ่ำประการัง, ลอยกระทงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์,ชมวิวสันเขื่อน, ชมวิวสะพานแขวน, ภูเขารูปหัวใจ, วัดถ้ำสิงห์ขร
What to do
เดินทางกันมาค่อนวัน ประมาณบ่ายโมงเราก็มาถึงแพPanvaree The Greenery มาถึงก็ได้Welcome drink เย็นๆชื่นใจ ใครเมารถเมาเรือควรจะพกยาดมยาหม่องไปด้วย ช่วงแรกๆรู้สึกว่าแพมันโยกเยกตามคลื่นน้ำอาจจะเมาแพได้แต่สักพักก็เริ่มชิน เช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ไปเก็บของที่ห้องพัก จากนั้นมาทานอาหารมื้อแรก คือ มื้อเที่ยง ปล.มาเร็วได้ที่นั่งวิวดีนะคะ เลือกโต๊ะนั่งได้ตามใจชอบ
ทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย จะว่ายน้ำหรือพายเรือคายัคได้ตามสบายไม่ต้องเสียเงินเพิ่มมีชูชีพให้สำหรับความปลอดภัย รูปสุดท้ายจะเห็นอีกฝั่งหนึ่ง นั้นคือโซนเก่าของแพPanvaree(พันวารีย์) ซึ่งจะแยกออกต่างหากจากโซนThe Greenery ถ้าจะไปมาหาสู่กันก็ต้องใช้เรือหรือว่ายน้ำไปเท่านั้นค่ะ
พอทานข้าวเสร็จก็เลยมางีบสักหน่อยเพราะทั้งเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่ร้อนเท่าไหร่นะคะแต่ตื่นมาเหงื่อซกเลย ถ้านอนบนที่นอนจะร้อนนิดนึงแนะนำให้ไปนอนตรงระเบียงโลด ลมโกรกดีแท้! นั่งชิวๆชมวิวกับเครื่องดื่มเย็นๆชื่นใจ ฟินมากค่ะ! ที่นี่มีน้ำแข็งขายซื้อได้ที่ส่วนกลาง แต่ภายในห้องห้ามรับประทานอาหารหรือขนมนะคะ
ตอนบ่ายแก่ๆเราก็ออกมาพายเรือคายัคเล่นแดดยังแรงใช้ได้เลย อย่าลืมทาครีมกันแดดแน่นๆนะคะ
4 โมงเย็น ได้เวลาไปทัวร์กุ้ยหลินเมืองไทยแล้ว เราแชร์เรือกับแขกคนอื่นๆของที่พัก ใครจะถ่ายรูปตรงหัวเรือก็สามารถไปถ่ายได้ โดยสลับกันถ่ายกับคนอื่นได้ ไม่ต้องอายนะคะถ้าอายก็จะอดได้รูปสวยๆ
ไกด์จะพาเราล่องเรือไปชมบรรยากาศรอบๆเขื่อน แล้วพาเราไปจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน
และแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น มื้อที่2 ตอนเย็นจะมีเมนูปลาได้โต๊ะละ 1 ตัว ส่วนอาหารอย่างอื่นสามารถเติมได้ตลอดนะคะ มีของหวานหรือผลไม้ตบท้าย อาหารอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ คอนเฟิร์ม! อิ่มอร่อยกับบรรยากาศชิวๆบนแพ เป็นมื้อค่ำที่เพอร์เฟคที่สุดเลยค่ะ
กินอิ่มนอนหลับสบาย เตียงนุ่นๆนอนไม่อยากลุกเลย อากาศตอนเช้าคือบริสุทธิ์ ตื่นมาชื่นใจมาก และ 6 โมงครึ่ง เรามีนัดไปมอนิ่งซาฟารี ล่องเรือชมเขื่อนบรรยากาศยามเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมไปส่องสัตว์ นกเหงือกที่เป็นสัตว์ขึ้นชื่อของที่นี่ ถ้าที่ไหนมีนกเหงือกอาศัยอยู่บ่งบอกได้ว่าที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก
ถ้าโชคดีเราก็ได้เห็นนกเหงือกตัวเป็นๆ แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างเราก็อดไป ใครมีกล้องส่องทางไกลติดต่อตัวไปด้วยก็ดีค่ะ จะได้ส่องสัตว์ได้ชัดๆ
7.30 เรากลับมาถึงแพก็ตรงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารเลย อาหารเช้ามื้อที่3 กับวิวงามๆแบบนี้กินจนอ้วนก็ยอมค่ะ อาหารเช้ามีข้าวผัด, ไข่กระทะ, ข้าวต้ม, น้ำส้ม, ขนมปัง ชากาแฟก็มีนะคะ ตามด้วยผลไม้ล้างปาก
ได้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย วันที่2 ตอนบ่ายโมงเรามีกิจกรรมไปทัวร์อุทยานและชมถ่ำประการัง เวลาที่เหลือใหม่ก็มานั่งเล่นที่ส่วนกลาง มีขนมขาย สั่งค็อกเทลมาจิบกับชมวิวไปเพลินๆ ความสวยของแพกับบรรยากาศของเขื่อนช่างเป็นอะไรที่เข้ากันมาก รักที่นี่เลยค่ะPanvaree The Greenery ( พันวารีย์ เดอะ กรีน เนอรี่ )
บ่ายโมงได้เวลาเดินทางไปยังอุทยานเขาสก ก่อนเดินทางเราก็ได้รับประทานอาหารเที่ยง มื้อที่4 ทริปนี้เหมือนทริปส่วนตัวเพราะส่วนใหญ่จะพักกันแค่คืนเดียว พอหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็เช็คเอ้าท์กลับบ้าน เรือทั้งลำก็เป็นของเรา ถ่ายรูปได้ชิวๆ
มาถึงอุทยานไกด์แนะนำว่าอย่าทิ้งของส่วนตัวไว้ในเรือ ลิงที่นี่ซนมากบางทีพวกนางแอบมาที่เรือมาหาของกินแล้วขโมยของไปด้วย ค่าเข้าอุทยายของคนไทยรวมในแพ็คเกจแล้ว ส่วนชาวต่างชาติต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก
เดินป่าน่าจะประมาณ 3 กิโลเมตร อากาศร้อนมากเตรียมน้ำดื่ม, หมวก, พัด, ยาดมยาหม่องติดตัวไปด้วย
เราจะไปลงแพไม้ไผ่ต่อไปถ่ำประการัง แนะนำให้ขึ้นแพคนสุดท้ายแล้วเราจะได้นั่งหน้าสุดถ่ายรูปมาจะได้วิวแบบนี้ ทัวร์ถ่ำประการังเสร็จก็ได้เวลากลับที่พัก มาทางไหนกลับทางนั้นนะคะ
อาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งรับลมเย็นๆ ให้ลมเป่าผมให้แห้ง
บรรยากาศยามค่ำคืน ทานอาหารเย็นมื้อที่5 เมนูเด็ดใบเหลียงผัดไข่ ติดใจขอ3จานรัวๆ ตอน 2 ทุ่ม มีกิจกรรมลอยกระทงในดินแดนศักดิ์สิทธ์แต่อากาศไม่เป็นใจเลยงดกิจกรรมนี้ไปค่ะ ได้เวลาพักผ่อนพรุ่งนี้เช้าต้องเช็คเอ้าท์ตอน 9 โมงและเดินทางกลับบ้าน
7 โมง ทานอาหารเช้า 9 โมงเช็คเอ้าท์ลงเรือกลับบ้าน ก่อนจะเดินทางไปสนามบินเราไปจุดชมวิวสันเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน แล้วต่อไปสะพานแขวน(ภูเขารูปหัวใจ) วัดสิงห์ขร ไฟลท์บินใหม่จองกลับตอน 6 โมงเย็น ก็ไปนั่งๆนอนๆหาอะไรกินที่สนามบิน ถึงเวลาไฟลท์บินกลับและเดินถึงโดยสวัสดิภาพ
บอกเลยว่าหลงรักแพ
Panvaree The Greenery และบรรยากาศของเขื่อนเชี่ยวหลานมาก ชอบวิวกุ้ยหลินเมืองไทย ชอบแบบตื่นมาเปิดผ้าม่านแล้วเจอวิวภูเขา เจอน้ำ เจอหมอก คุ้มค่าสมราคากลับไปซ้ำอีกแน่นอน
[CR] กุ้ยหลินเมืองไทย ชิวๆที่ Panvaree The Greenery
กุ้ยหลินเมืองไทย คือ อะไร อยู่ที่ไหน? กุ้ยหลินเมืองไทย คือ ฉายานามของเขื่อนรัชชประภา หรือเดิมชื่อเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีทัศยนียภาพสวยงาม เงียบสงบ และอุดมสมบูรณ์มากเป็นอันต้นๆของประเทศไทย เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานที่ได้รับฉายาว่ากุ้ยหลินเมืองไทยนั้น เพราะมีภูเขาหินปูขึ้นแทรกอยู่กลางน้ำหรือเรียกว่าขาสามเกลอ และบรรยากาศโดยรอบสวยงามราวกับหยิบยกกุ้ยหลินของจริงมาวางไว้ที่นี่
How to go
เรื่องการเดินทางขอออกตัวเลยว่า.. ไม่ทรหด! แต่! ต้องอดทน เพราะการเดินทางหลายขั้นหลายตอนและใช้เวลาเกินครึ่งวัน เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพด้วยสารการบินAirasia (ดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี) ไฟลท์บินเช้าที่สุด ต้องไปถึงสนามบินก่อน 9 โมง ใช้เวลา 1 ชม. จากนั้นต่อด้วยรถมินิบัส ใหม่จองรวมกับแพ็คเกจของที่พัก 2 ชม. จากสนามบิน-ท่าเรือ และต่อสุดท้ายอีก 45 นาที ท่าเรือ-ที่พัก
Where to stay
สำหรับที่พักในเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีทั้งหมด 1.แพของอุทยาน และ 2.แพของเอกชน ซึ่งใหม่ได้เลือกแพของเอกชน ที่Panvaree The Greeneryhttps://www.thegreenerypanvaree.com/
The Greenery เป็นโซนที่เพิ่งเปิดใหม่ของแพพันวารีย์แค่เห็นรูปก็ถูกใจเลย พอได้อ่านข้อมูลของที่พักยิ่งมั่นใจ100% ไปที่นี่แน่นอน แพเรือนไม้ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและกลิ่นอายแบบบ้านเรือนไทย มีสไตล์ และทางแพเคลมว่าใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะอาดและปลอดภัย
ห้องพักแบบSuperior นอนได้ 2-3คน (3 คน มีฟูกเสริม) ห้องน้ำภายในตัว มีทีวี, แอร์, พัดลม, ตู้เย็น ห้องพักกว้างขวางและสะอาด อุปกรณ์ยังดูใหม่ ห้องน้ำกว้างสะดวกสบาย น้ำไหลแรง กดชักโครกอาบน้ำสระผมได้เริด ทางแพจะจำกัดการใช้ไฟฟ้า ช่างเวลาที่ใช้ไฟฟ้า 18.00 – 09.00 และจะตัดไฟหลังจาก 9 โมงเช้า เหลือแค่พัดลมที่สามารถใช้ได้ ถ้าจะชาร์ตแบตโทรศัพท์ต้องไปที่ศูนย์กลางของแพ
What is the cost
ใหม่เลือก Package 3 วัน 2 คืน + รถรับ-ส่งสนาบิน สำหรับ 2 คน ราคา 14,900 บาท(ราคานี้รวมรถรับส่งสนามบิน), เรือรับ-ส่ง(แชร์), อาหาร 6 มื้อ, ล่องเรือชมเขาสามเกลอ(กุ้ยหลินเมืองไทย), มอนิ่งซาฟารี, ทัวร์อุทยาน,ล่องแพไม้ไผ่และถ่ำประการัง, ลอยกระทงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์,ชมวิวสันเขื่อน, ชมวิวสะพานแขวน, ภูเขารูปหัวใจ, วัดถ้ำสิงห์ขร
What to do
เดินทางกันมาค่อนวัน ประมาณบ่ายโมงเราก็มาถึงแพPanvaree The Greenery มาถึงก็ได้Welcome drink เย็นๆชื่นใจ ใครเมารถเมาเรือควรจะพกยาดมยาหม่องไปด้วย ช่วงแรกๆรู้สึกว่าแพมันโยกเยกตามคลื่นน้ำอาจจะเมาแพได้แต่สักพักก็เริ่มชิน เช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ไปเก็บของที่ห้องพัก จากนั้นมาทานอาหารมื้อแรก คือ มื้อเที่ยง ปล.มาเร็วได้ที่นั่งวิวดีนะคะ เลือกโต๊ะนั่งได้ตามใจชอบ
ทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย จะว่ายน้ำหรือพายเรือคายัคได้ตามสบายไม่ต้องเสียเงินเพิ่มมีชูชีพให้สำหรับความปลอดภัย รูปสุดท้ายจะเห็นอีกฝั่งหนึ่ง นั้นคือโซนเก่าของแพPanvaree(พันวารีย์) ซึ่งจะแยกออกต่างหากจากโซนThe Greenery ถ้าจะไปมาหาสู่กันก็ต้องใช้เรือหรือว่ายน้ำไปเท่านั้นค่ะ
พอทานข้าวเสร็จก็เลยมางีบสักหน่อยเพราะทั้งเหนื่อยจากการเดินทาง ไม่ร้อนเท่าไหร่นะคะแต่ตื่นมาเหงื่อซกเลย ถ้านอนบนที่นอนจะร้อนนิดนึงแนะนำให้ไปนอนตรงระเบียงโลด ลมโกรกดีแท้! นั่งชิวๆชมวิวกับเครื่องดื่มเย็นๆชื่นใจ ฟินมากค่ะ! ที่นี่มีน้ำแข็งขายซื้อได้ที่ส่วนกลาง แต่ภายในห้องห้ามรับประทานอาหารหรือขนมนะคะ
ตอนบ่ายแก่ๆเราก็ออกมาพายเรือคายัคเล่นแดดยังแรงใช้ได้เลย อย่าลืมทาครีมกันแดดแน่นๆนะคะ
4 โมงเย็น ได้เวลาไปทัวร์กุ้ยหลินเมืองไทยแล้ว เราแชร์เรือกับแขกคนอื่นๆของที่พัก ใครจะถ่ายรูปตรงหัวเรือก็สามารถไปถ่ายได้ โดยสลับกันถ่ายกับคนอื่นได้ ไม่ต้องอายนะคะถ้าอายก็จะอดได้รูปสวยๆ
ไกด์จะพาเราล่องเรือไปชมบรรยากาศรอบๆเขื่อน แล้วพาเราไปจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน
และแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็น มื้อที่2 ตอนเย็นจะมีเมนูปลาได้โต๊ะละ 1 ตัว ส่วนอาหารอย่างอื่นสามารถเติมได้ตลอดนะคะ มีของหวานหรือผลไม้ตบท้าย อาหารอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ คอนเฟิร์ม! อิ่มอร่อยกับบรรยากาศชิวๆบนแพ เป็นมื้อค่ำที่เพอร์เฟคที่สุดเลยค่ะ
กินอิ่มนอนหลับสบาย เตียงนุ่นๆนอนไม่อยากลุกเลย อากาศตอนเช้าคือบริสุทธิ์ ตื่นมาชื่นใจมาก และ 6 โมงครึ่ง เรามีนัดไปมอนิ่งซาฟารี ล่องเรือชมเขื่อนบรรยากาศยามเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมไปส่องสัตว์ นกเหงือกที่เป็นสัตว์ขึ้นชื่อของที่นี่ ถ้าที่ไหนมีนกเหงือกอาศัยอยู่บ่งบอกได้ว่าที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก
ถ้าโชคดีเราก็ได้เห็นนกเหงือกตัวเป็นๆ แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างเราก็อดไป ใครมีกล้องส่องทางไกลติดต่อตัวไปด้วยก็ดีค่ะ จะได้ส่องสัตว์ได้ชัดๆ
7.30 เรากลับมาถึงแพก็ตรงมาที่โต๊ะรับประทานอาหารเลย อาหารเช้ามื้อที่3 กับวิวงามๆแบบนี้กินจนอ้วนก็ยอมค่ะ อาหารเช้ามีข้าวผัด, ไข่กระทะ, ข้าวต้ม, น้ำส้ม, ขนมปัง ชากาแฟก็มีนะคะ ตามด้วยผลไม้ล้างปาก
ได้เวลาพักผ่อนตามอัธยาศัย วันที่2 ตอนบ่ายโมงเรามีกิจกรรมไปทัวร์อุทยานและชมถ่ำประการัง เวลาที่เหลือใหม่ก็มานั่งเล่นที่ส่วนกลาง มีขนมขาย สั่งค็อกเทลมาจิบกับชมวิวไปเพลินๆ ความสวยของแพกับบรรยากาศของเขื่อนช่างเป็นอะไรที่เข้ากันมาก รักที่นี่เลยค่ะPanvaree The Greenery ( พันวารีย์ เดอะ กรีน เนอรี่ )
บ่ายโมงได้เวลาเดินทางไปยังอุทยานเขาสก ก่อนเดินทางเราก็ได้รับประทานอาหารเที่ยง มื้อที่4 ทริปนี้เหมือนทริปส่วนตัวเพราะส่วนใหญ่จะพักกันแค่คืนเดียว พอหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็เช็คเอ้าท์กลับบ้าน เรือทั้งลำก็เป็นของเรา ถ่ายรูปได้ชิวๆ
มาถึงอุทยานไกด์แนะนำว่าอย่าทิ้งของส่วนตัวไว้ในเรือ ลิงที่นี่ซนมากบางทีพวกนางแอบมาที่เรือมาหาของกินแล้วขโมยของไปด้วย ค่าเข้าอุทยายของคนไทยรวมในแพ็คเกจแล้ว ส่วนชาวต่างชาติต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก
เดินป่าน่าจะประมาณ 3 กิโลเมตร อากาศร้อนมากเตรียมน้ำดื่ม, หมวก, พัด, ยาดมยาหม่องติดตัวไปด้วย
เราจะไปลงแพไม้ไผ่ต่อไปถ่ำประการัง แนะนำให้ขึ้นแพคนสุดท้ายแล้วเราจะได้นั่งหน้าสุดถ่ายรูปมาจะได้วิวแบบนี้ ทัวร์ถ่ำประการังเสร็จก็ได้เวลากลับที่พัก มาทางไหนกลับทางนั้นนะคะ
อาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งรับลมเย็นๆ ให้ลมเป่าผมให้แห้ง
บรรยากาศยามค่ำคืน ทานอาหารเย็นมื้อที่5 เมนูเด็ดใบเหลียงผัดไข่ ติดใจขอ3จานรัวๆ ตอน 2 ทุ่ม มีกิจกรรมลอยกระทงในดินแดนศักดิ์สิทธ์แต่อากาศไม่เป็นใจเลยงดกิจกรรมนี้ไปค่ะ ได้เวลาพักผ่อนพรุ่งนี้เช้าต้องเช็คเอ้าท์ตอน 9 โมงและเดินทางกลับบ้าน
7 โมง ทานอาหารเช้า 9 โมงเช็คเอ้าท์ลงเรือกลับบ้าน ก่อนจะเดินทางไปสนามบินเราไปจุดชมวิวสันเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน แล้วต่อไปสะพานแขวน(ภูเขารูปหัวใจ) วัดสิงห์ขร ไฟลท์บินใหม่จองกลับตอน 6 โมงเย็น ก็ไปนั่งๆนอนๆหาอะไรกินที่สนามบิน ถึงเวลาไฟลท์บินกลับและเดินถึงโดยสวัสดิภาพ
บอกเลยว่าหลงรักแพPanvaree The Greenery และบรรยากาศของเขื่อนเชี่ยวหลานมาก ชอบวิวกุ้ยหลินเมืองไทย ชอบแบบตื่นมาเปิดผ้าม่านแล้วเจอวิวภูเขา เจอน้ำ เจอหมอก คุ้มค่าสมราคากลับไปซ้ำอีกแน่นอน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้