Wasteland, Baby! (2019)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครดูในคอม รูปใหญ่หน่อยนะคะ ขี้เกียจย่อ <img class="img-emotion-item img-emo" src="https://ptcdn.info/toy/toy29.gif" data-bbcode="<img class="img-emotion-item img-emo" src="https://ptcdn.info/toy/toy29.gif" data-bbcode="">">
เขากลับมาแล้วกับอัลบั้มที่ 2 ที่มีชื่อเท่ๆ ว่า
Wasteland, Baby! พร้อมเพลงใหม่ 14 เพลง ชดเชยเวลาที่หายไปเกือบๆ 5 ปี
ถ้าหลายคนยังจำได้ เขาคือเจ้าของเพลง Take Me to Church ที่เคยติดอันดับเพลงฮิตระหว่างปลาย 2014-ต้น 2015 ในระดับชิงดำอันดับ 1 Billboard Hot 100 Chart ตีคู่มากับ Blank Space และส่งให้เพลงเข้าชิงรางวัล Song of the Year เวที Grammy Awards และอีกหลายรางวัลแถบอเมริกาและยุโรป
เอาจริงๆ โฮซิเออร์หายไปทำเพลงแค่เกือบ 2 ปีเอง ถ้าไม่นับรวมเวลาทัวร์คอนเสิร์ตอีก 2 ปีกว่า
ภาพรวม
ถ้าอัลบั้มแรก Hozier คือภาพของชายหนุ่มบุคลิกลึกลับ ที่สามารถกรีดหัวใจคนฟังผ่านเสียงดนตรีได้ อัลบั้มนี้ เขากลับมาแบบหนุ่มลึกลับที่ไปท่องโลกด้านสว่าง และมีความรักครั้งใหม่ ความโซลและบลูจัดๆ แบบ Work Song หรือร็อคบรรยากาศดาร์คๆ อย่าง Take Me To Church, Arsonist Lullaby (เพลงประกอบ The Walking Dead Season 6) ก็จะลดลงไปในอัลบั้มนี้ ...ไม่อีโมเผาโน่นนี่ ไม่อยากลงหลุมรอเธอขุดขึ้นมา หรือเราจะตายและเน่าสลายเป็นอาหารจิ้งจอกด้วยกัน ทำนองนั้น
บรรยากาศเหล่านั้น ถูกแทนที่ในอัลบั้มนี้ด้วยภาพวันสิ้นโลกที่กำลังใกล้เข้ามา เราทำได้เพียงรอ และสิ่งที่จะเยียวยากันและกันได้ คือความรัก (และกิจกรรมอื่นๆ <img class="img-emotion-item img-emo" src="
https://ptcdn.info/toy/haha.gif" data-bbcode="
">) พาร์ทเนื้อร้องยังคงความกวี เท่ เฉียบคม เสียดสี เปรียบเปรย (ใครสนใจความหมายเชิงลึกเข้าไปอ่านได้ใน genius.com สนุกมากกก) พาร์ทดนตรีมีความฟังง่ายขึ้น สว่างขึ้น โฟล์คมากขึ้น
และที่น่าสนใจนอกจากการร่วมงานกับระดับตำนานทั้ง Mavis Staples และ Booker T. Jones ก็คือการเอาอิทธิพลดนตรีแจ๊ซผิวสียุค 60-70 มาใช้แบบเต็มๆ โดดเด่นมากคือเสียงประสาน การเคาะและปรบมือ ที่มีในหลายเพลง รวมไปถึงโฟล์คบรรยากาศล่องลอย ขณะที่กลิ่นอายร็อคก็ยังมีอยู่ แต่ไม่ตึ้บ ไม่ดาร์ค เท่าอัลบั้มที่แล้ว และเพิ่มลูกเล่นกีตาร์เข้ามาพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งแฟนๆ ก็เสียงแตก คือมีทั้งชอบไปเลย และกลางๆ แต่ไม่ถึงกับดีเลิศเท่าอัลบั้มแรก อันนี้ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นแต่ละคน วัดคุณค่ากันไม่ได้ตายตัวอยู่แล้ว
Album Art
แม่โฮซิเออร์เป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงในไอร์แลนด์ ภาพปกอัลบั้มนี้ (รวมทั้งอัลบั้มแรก) แม่จึงเป็นคนวาดให้เช่นเคย การถ่ายจึงทำเพื่อเป็นไอเดียภาพวาด และตัดเป็นโปรโมท แถมยังแซวว่าถ้าลูกจมน้ำไปเลยก็เกรทไอเดีย แหม ครอบครัวนี้น่าร้ากกก ถถถถ
แคมเปญถ่ายแบบใต้น้ำทั้งหลายดูไว้นะคะ นางชิลมาก (โฮซิเออร์สูงเกือบ 2 เมตร ถ้าลมหมดก็แค่ยืนขึ้นมา 5555)
แทร็คที่ชอบ (ความเห็นส่วนตัว ไม่เรียงลำดับ)
Almost (Sweet Music) จัดว่าฟังง่ายสุด แต่สิ่งที่เก๋คือการซ่อนชื่อเพลงแจ๊ซคลาสสิคเอาไว้อย่างมีนัยยะว่าเพลงเหล่านี้ได้ยินทีไรก็คิดถึง คนคนนั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Movement ทรงพลัง โดยเฉพาะเสียงเห่ช่วงสุดท้ายของเพลงคือขนลุก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
No Plan มากับไอเดียโลกแตกดับกับเราสองคน เท่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Nobody ใครใช้ชีวิตกับการเดินทางตลอดแบบเราน่าจะอิน อารมณ์เหมือน Jackie And Wilson ภาค 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
To Noise Making (Sing) จะร้องเพราะหรือร้องเพี้ยนก็ปล่อยๆ ออกมาเห้อ! เพลงได้บรรยากาศกอสเปล โลกสดใส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Shrike นกล่าเนื้อที่จะบินกลับรังหนามเสมอ แทร็คนี้ใกล้ความโฮซิเออร์อัลบั้มแรกสุดแล้ว (ไม่นับรวม NFWMB ที่ออกเมื่อปีที่แล้วแต่ไม่อยู่ในอัลบั้มนี้ เพลงนั้นก็โคตรจะบรรยากาศวันสิ้นโลก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
NFWMB
Would That I ชอบบบ เออ บอกไม่ถูก แต่ติดอยู่ในหัววนไปมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Wasteland, Baby! ถ้าโลกกำลังจะแตก ขอนั่งฟังเพลงนี้ตอนนั้นนะ กีต้าร์เพราะมาก เพราะแบบบ้าไปแล้ว 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยังไงเราก็ถือว่าดนตรีเป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคล ไม่มีผิดถูก และเราอาจลำเอียงมาก 5555 ใครได้ผ่านมาอ่านก็เข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้ หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากรู้จักศิลปินคนนี้ (หวังว่าคงมีบ้างอะนะ 55)
Well deserved!
HOZIER การกลับมาในรอบ 4.5 ปี กับอัลบั้ม Wasteland, Baby!
ถ้าหลายคนยังจำได้ เขาคือเจ้าของเพลง Take Me to Church ที่เคยติดอันดับเพลงฮิตระหว่างปลาย 2014-ต้น 2015 ในระดับชิงดำอันดับ 1 Billboard Hot 100 Chart ตีคู่มากับ Blank Space และส่งให้เพลงเข้าชิงรางวัล Song of the Year เวที Grammy Awards และอีกหลายรางวัลแถบอเมริกาและยุโรป
เอาจริงๆ โฮซิเออร์หายไปทำเพลงแค่เกือบ 2 ปีเอง ถ้าไม่นับรวมเวลาทัวร์คอนเสิร์ตอีก 2 ปีกว่า
บรรยากาศเหล่านั้น ถูกแทนที่ในอัลบั้มนี้ด้วยภาพวันสิ้นโลกที่กำลังใกล้เข้ามา เราทำได้เพียงรอ และสิ่งที่จะเยียวยากันและกันได้ คือความรัก (และกิจกรรมอื่นๆ <img class="img-emotion-item img-emo" src="https://ptcdn.info/toy/haha.gif" data-bbcode="">) พาร์ทเนื้อร้องยังคงความกวี เท่ เฉียบคม เสียดสี เปรียบเปรย (ใครสนใจความหมายเชิงลึกเข้าไปอ่านได้ใน genius.com สนุกมากกก) พาร์ทดนตรีมีความฟังง่ายขึ้น สว่างขึ้น โฟล์คมากขึ้น
และที่น่าสนใจนอกจากการร่วมงานกับระดับตำนานทั้ง Mavis Staples และ Booker T. Jones ก็คือการเอาอิทธิพลดนตรีแจ๊ซผิวสียุค 60-70 มาใช้แบบเต็มๆ โดดเด่นมากคือเสียงประสาน การเคาะและปรบมือ ที่มีในหลายเพลง รวมไปถึงโฟล์คบรรยากาศล่องลอย ขณะที่กลิ่นอายร็อคก็ยังมีอยู่ แต่ไม่ตึ้บ ไม่ดาร์ค เท่าอัลบั้มที่แล้ว และเพิ่มลูกเล่นกีตาร์เข้ามาพอสมควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แคมเปญถ่ายแบบใต้น้ำทั้งหลายดูไว้นะคะ นางชิลมาก (โฮซิเออร์สูงเกือบ 2 เมตร ถ้าลมหมดก็แค่ยืนขึ้นมา 5555)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Movement ทรงพลัง โดยเฉพาะเสียงเห่ช่วงสุดท้ายของเพลงคือขนลุก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
No Plan มากับไอเดียโลกแตกดับกับเราสองคน เท่ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Nobody ใครใช้ชีวิตกับการเดินทางตลอดแบบเราน่าจะอิน อารมณ์เหมือน Jackie And Wilson ภาค 2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Shrike นกล่าเนื้อที่จะบินกลับรังหนามเสมอ แทร็คนี้ใกล้ความโฮซิเออร์อัลบั้มแรกสุดแล้ว (ไม่นับรวม NFWMB ที่ออกเมื่อปีที่แล้วแต่ไม่อยู่ในอัลบั้มนี้ เพลงนั้นก็โคตรจะบรรยากาศวันสิ้นโลก)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Would That I ชอบบบ เออ บอกไม่ถูก แต่ติดอยู่ในหัววนไปมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Wasteland, Baby! ถ้าโลกกำลังจะแตก ขอนั่งฟังเพลงนี้ตอนนั้นนะ กีต้าร์เพราะมาก เพราะแบบบ้าไปแล้ว 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้