[SR] สตูลเปิดแล้ว เส้นทางเที่ยวแห่งใหม่

เส้นทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่-สตูล
ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
การเดินทาง โดยสายการบินแอร์เอเชีย ไปลงที่หาดใหญ่ สงขลา และต่อรถตู้ครับ
วันแรก อาทิตย์ที่ 24  กพ.62 ผมตื่นเช้าหน่อยเพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองเครื่องบินออกเวลา06.30-08.00น.ได้เจอเพื่อนใหม่ร่วมเดินทางด้วย พี่ๆจาก ทททและทีมงานพันทิป น่ารักทุกคนเลย เมื่อรับกระเป๋าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางโดยรถตู้โดยพี่เสรีเป็นคนขับครับเพื่อไปชมย่านเมืองเก่าตอนที่เราไปท้องฟ้าเปิด และนี่คือพิพิธภัณฑ์ฯสงขลา ข้างในมีประวัติความเป็นมาเยอะมาก
บรรยากาศข้างใน
ตลอดการเข้าเยี่ยมชมภายในจะมีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ ทุกห้อง
สำหรับการเดินเที่ยวชมย่านเมืองเก่าแนะนำให้ไปช่วงเช้าอากาศน่าจะดีไม่ร้อนและรถไม่เยอะ
สิ่งที่ขาดไม่ได้ต้องแวะสักการะและขอพรนะครับ เพื่อความเป็นศิริมงคล
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ น่าจะเป็นผู้ใหญ่ใจดี ยิ้มแย้มทักทาย โดยเฉพาะในระหว่างที่ผมเดินหลงในซอย แต่ก็หาทางกลับมาจุดนัดพบได้เสมอ ใครที่เคยไปลองมาแชร์เรื่องราวดีๆให้เพื่อนได้รู้บ้างนะครับ อย่าเก็บไว้คนเดียว หลังจากนั้นก็เดินไปยังแหลมสมิหลาอากาศค่อนข้างร้อนมาก แต่ยังมองเห็นรูปปั้นนางเงือกยังคงเป็นจุดถ่ายภาพที่ผู้คนให้ความสนใจไม่แพ้แดด เช่นกันครับ
สำหรับที่พักของผมคืนนี้เป็นโรงแรมเซ็นทาราหาดใหญ่ เมื่อถึงที่พักแล้ว เก็บกระเป๋าเดินไปตลาดกิมหยง แวะชิมไก่ทอดหาดใหญ่ มาแล้วต้องได้กิน อร่อยจริงสมคำร่ำลือแน่นอน กลับโรงแรม เตรียมตัว Meeting และเข้านอนครับ จบทริปสำหรับวันแรก แต่ตอน 20.00-21.00 น.เพื่อนอยากเดินสำรวจบรรยากาศตอนกลางคืนถ้าหลัง 4 ทุ่มไปแล้วจะเงียบๆสักหน่อยนะครับ หรือใครมีที่ไหนแนะนำบอกผมได้นะครับ เพื่อเป็นข้อมูลในครั้งต่อไปครับ

วันที่สอง จันทร์ที่ 25 กพ.62 หลังจากรับประทานอาหารเช้าแต่เนื่องจากทัวร์ลงจึงได้ถ่ายรูปอาหารนะครับและ check Out  แล้วพวกเราเดินทางโดยรถตู้ไปยังสตูล ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.และแวะชมสวนควนฃ้อง โดยเริ่มจากข้อสงสัยก่อนว่า หม้อข้าวหม้อแกงลิงมีน้ำขัง และต่อมาจึงได้ศึกษาสายพันธ์ุรวมถึงการขยายพันธ์ุ


ผมได้เรียนรู้อีกว่าสามารถนำมาใช้เป็นภาชนะบรรจุข้าวมันโดยล้างให้สะอาดแล้วนำไปนึ่งสามารถกินได้ทั้งหม้อเลย รูปนี้เป็นเกษรตัวผู้และตัวเมีย
และหลังจากนั้นก็เดินทางไปทานข้าวเที่ยงที่ อบต.ทุ่งหว้า และรับฟังเกี่ยวกับ Satun GEOPark Museun
รอบๆบริเวณที่พวกเรานั่งทานข้าว จะมีรายละเอียดให้ได้นั่งอ่านและถ่ายรูป
อ่านและเก็บข้อมูลเพลินๆ
และที่ผมใจจดจ่อมากก็คือ ถ้ำเลสเตโกดอน แบบจำลองก่อนที่จะได้ไปชมของจริง
สำหรับภาพนี้จะเป็นภาพจำลองมุมกว้างของพื้นที่สตูล
หลังจากนั้นก็เดินไปยังอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า ด้านหน้าอาคาร
ไปชมข้างในกันครับได้อ่านนิทรรศการในหลวงรัชกาลที่9 ทำให้ผมรู้สึกถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย
จากนั้นผอ.ศูนย์ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับช้างแคระ ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ว่ามีในประเทศไทย แต่ปัจจุบันได้สูญหายไปแล้วครับ
แอร์เย็นๆเก็บภาพเพลินๆ และได้รู้ประวัติมากมายของ สุไหงอุเป ที่ผ่านมา
จากนั้นก็เดินทางไปยังถ้ำเลสเตโกดอน บ้านคีรีวง ทุ่งหว้า ระยะทางในถ้ำประมาณ 3-4 กิโลเมตร
เพื่อลงเรือแคนูครับ ระดับน้ำทะเลลดลงเยอะมาก ถ้าจะให้ดีลองโทรสอบถามระดับน้ำและจองวันล่วงหน้านะครับ
จากนั้นก็จะฟังวิธีการลงเรือ การใส่เสื้อชูชีพ การเข้าไปในถ้ำ รวมถึงคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญนะครับ
เมื่อพร้อมแล้ว ลุยเลยครับ แจ้งให้ทราบก่อนว่าจะมีไกด์ท้องถิ่นพายเรือให้เรานะครับ ทางเข้าก็จะแคบๆมืดๆหน่อยแต่มีไฟส่องนะครับ
ภาพด้านบน พี่บอยของน้องๆนั่นเองครับ
บรรยากาศภายในถ้ำนี้สุดจะบรรยายจริงๆนะครับ ต้องไปดู และลงเรือแคนูด้วยตัวเอง จะฟินมากกกกก
ภายในผนังถ้ำจะมีทั้งหินย้อยที่ยังมีชีวิตและมีน้ำหยดลงมาตามหินด้วย เมื่อแสงกระทบกับไฟจะส่องประกายระยับ ตรึงตรามาก
ภายในถ้ำจะมีทั้งหินลักษณะคล้ายปอด หัวใจ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตลอดเส้นทาง
ล่องเรือมานานจนมาถึงทางออก ที่จะไปยังป่าโกงกางด้านนอก
เมื่อออกจากถ้ำแล้วก็นั่งเรือต่อไปชมความสมบูรณ์ของป่าโกงกางและเพื่อจะไปขึ้นรถตู้ที่ท่าเรือ ไปชมพระอาทิตย์ตกที่เขตข้ามกาลเวลา
อย่างมีคำกล่าวที่ว่าไว้ เวลาถ้าเสียไปแล้วจะเอาคืนมาไม่ได้ ฉะนั้นแล้วเวลาก็ยังเป็นการเยียวยาได้ดี
พระอาทิตย์กำลังจะอับแสง พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มส่องแสงใหม่อีกครั้ง ก็เหมือนกับพวกเรา ถ่ายรูปเสร็จแล้วก็เดินทางต่อโดยรถตู้ไปทานข้าวเย็นและต่อด้วยร้านชาชักของชุมชน อร่อยแน่นอน จากนั้นเข้าที่พักที่ เลคเทอเรส ครับ
วันที่สาม อังคารที่ 26 กพ.62 เช้าผมไปเก็บภาพหินสี ที่หาดมาด้วยนะครับ อากาศเช้าๆดีมาก

ผมเตรียมชุดพร้อมเปียก เพราะหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จที่โรงแรมเดินทางต่อรถตู้ไปยังบ้านบ่อเจ็ดลูก
ที่นี่เล่าต่อๆกันมาว่าชาวมลายู ต้องการหาน้ำจืดไว้บริโภคจึงได้มีการขุดหาแหล่งน้ำ จากขุด 1 บ่อ จนเจอน้ำจืดบ่อ ที่เจ็ด
จึงเป็นที่มาของโบราณสถานแห่งนี้ครับ
จากนั้นลงเรือต่อเพื่อไปทะเลแหวก สันหลังมังกร สวยมาก หาดทรายละเอียด น้ำทะเลสีเขียว สะอาดมาก
ลมทะเลมีบ้าง หยิบผ้ามาให้ไว โบกให้สบัดทุกที่อยากให้เป็นรันเวย์
โดดกันจนเมื่อยจากนั้นนั่งเรือต่อไป ปราสาทพันยอด.... #วันธรรมดาน่าเที่ยว
โอ้ทะเลแสนงาน ฟ้าสีคราม สดใสจริงๆนะครับ อากาศแจ่มใสมากๆ ฟ้าเปิด
โอ้ยๆๆๆคนเรือเล่าว่า สถานที่แห่งนี้เคยถ่ายหนัง เรืองอะไรจำไม่ได้แล้ว มัวแต่ละลึงในความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างไว้
ถึงแล้วๆๆๆที่นี่คือทางเข้าปราสาทพันยอด
วันที่ผมไป ระดับน้ำในปราสาทจะลดลงทำให้มีหาดเล็กๆอยู่ข้างในครับ
ล่องเรือ ลอดเข้าไปข้างในกัน
ผมตื่นเต้นมาก เพราะว่าสวยงามที่สุดเหมือนปราสาทจริงๆ
ดีใจที่สุดที่ได้ไปชมและได้เห็นว่าที่นี่ สตูลนะแห่งท่องเที่ยว ความสมบูรณ์ยังคงมีอีกมากที่ทำให้หัวใจพวกเราพองโตพร้อมที่จะออกเดินทาง
ค้นหาและนำมาเล่าสู่กันฟัง ใครมีมุมถ่ายรูปสวยๆกล้องเทพๆ ก็นำมาแบ่งผมดูบ้างนะครับ
ขอบคุณรูปสวยๆจากน้องแป้งนะครับ และมิตรภาพที่ดีตลอดทริป จากนั้นไปตามหาหัวใจอีกหนึ่งที่บอกเลยว่า สวยมาก
หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปรับทานอาหารเที่ยงซึ่งชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูกจัดเตรียมไว้ให้ อาหารอร่อยมาก
และไปต่อด้วยการทำขนมผูกรัก บ้านเจ๊ะบิลัง มีม๊ะคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดครับ วัตถุดิบจะเป็นสมุนไพรในท้องถิ่น ปลาทู ส่วนแป้งขนม
จะนำเข้ามาต่างประเทศนะครับ
ผมตั้งใจว่าอยากกลับไปที่สตูลอีกเพราะที่นี่ธรรมชาติสวยงามและผมหวังว่าผู้ที่ร่วมทริปอยากบอก อยากแนะนำฝากแนะนำผมได้นะครับว่าที่
ไหนบ้าง ผมยินดีมากๆครับ
ชื่อสินค้า:   สตูล เปิดเส้นทางเที่ยวใหม่ หาดใหญ่-สตูล
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่