- พื้นฐานไม่ได้ชอบงานราชการ และไม่ได้ชอบเป็นลูกจ้างใคร
- ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัว ไม่มีใครทำงานราชการเลยซักคน
- เราทนทำงานราชการมาตั้งแต่เรียนจบ เพราะที่บ้านอยากให้ทำ
- ตอนเป็นพนักงานราชการก็ทำไป ไม่ได้มีแรงกดดันอะไรมากมาย ก็ทำไป พอมีหน่วยงานเปิดสอบ เราเลยไปสอบ แล้วดันติด เอาจริงๆ มานึกตอนนี้ เราคงแค่อยากพิสูจน์ว่า เราก็สอบติดราชการได้นะ เราก็ทำได้นะ อยากให้พ่อแม่ภูมิใจแค่นั้น
- แต่พอสอบติด กลับไม่ได้รู้สึกดีใจ รู้สึกแค่ว่า เห็นมั้ยล่ะ ว่าฉันทำได้ พ่อแม่ภูมิใจใช่มั้ย พ่อแม่สามารถเอาเราไปคุยกับใครต่อใครได้ โดยตอนนั้นไม่ได้นึกถึงความรู้สึกตัวเองลย
- จนทุกวันนี้ไอ้การพิสูจน์นั้นมันกลับมาทำร้ายเรา เราทำงานที่ไม่ได้รัก ไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่มีความสุขกับการทำงานเลย โดยเฉพาะต้องมาอยู่ไกลบ้านมากๆ มาอยู่ชนบท ยิ่งทำให้เราไม่ได้ใช้ชีวิตที่ชอบเลยซักนิด
- ความคิดอยากลาออกวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่ทำงานได้ 3 เดือน แต่ไม่กล้าออกเพราะห่วงสิทธิที่พ่อแม่จะได้รับ แต่ความจริง บ้านเราไม่เคยเข้าโรงพยาบาลรัฐเลย เพราะไม่มีเวลาว่างนั่งรอคิวแบบโรงพยาบาลรัฐได้ และพ่อแม่จะใช้ประกันเสมอ
- ก็มานั่งคิด ทนอยู่ไปมีประโยชน์อะไร สิทธิต่างๆ ที่รัฐให้ เราก็ไม่ได้อยากได้ พ่อแม่ก็ไม่ได้ใช้ ลูกก็ไม่มีแน่ๆ แถมทุกวันนี้สุขภาพจิตก็เสีย เงินก็เสีย คิดดีดีอาจจะเสียเวลาชีวิตด้วย เพราะแทนที่จะได้ทำอะไรที่ชอบ ที่รัก แต่ต้องมาทนทำงานที่คนอื่นรู้สึกพอใจ
- ตัวเราเอง คิดไปมา สิ่งเดียวที่ชอบทำคือ การขายของ มีกิจการของตัวเอง
- วันนี้เลยตัดสินใจบอกกับที่บ้านว่าจะลาออกจากราชการ วันนี้เราปริ้นใบลาออกมาเขียนและเซ็นต์ชื่อเรียบร้อยแล้ว
- สรุปที่บ้านเบรค โดยเฉพาะพ่อ พูดชัดเจนเลยว่าไม่อยากให้ออก เสียดายสิทธิ์รักษาพยาบาล ซึ่งเราคิดว่า ถึงเวลานั้นจริงๆ พ่อกับแม่ก็คงไม่ใช้สิทธิ์นี้หรอก ประกันก็ทำกันไว้แล้ว
- เราจิตตกมากๆ ร้องไห้ในหลายต่อหลายครั้ง เครียดในหลายๆ วัน มันเหมือนว่าชีวิตเราแต่ทำไมเราไม่กล้าตัดสินใจ เอาความคิดการตัดสินใจไปผูกกับคนอื่น จริงๆ ก็คือพ่อแม่เรานั่นแหละ สุดท้ายก็ใจไม่แข็งพอ ก็ยังคงนั่งเครียด นั่งคิดว่าอยากลาออกอยู่อย่างงั้น
- มองย้อนกลับไป ถ้าวันนั้น เราชัดเจนว่าเราไม่ชอบทำงานราชการ ไม่ต้องทำให้เค้ารู้สึกมีความหวังว่าลูกคนนี้มันทำงานราชการได้ ทุกวันนี้ชีวิตเราคงไม่ต้องเครียดกับอะไรแบบนี้ บอกตรงๆ ว่ามันไม่มีทางออกเลย
- เลยอยากจะบอกทุกๆ คนว่า เรารู้ว่าเราชอบอะไร ให้เราลงมือทำเลย หากตัดเรื่องการคิดถึงคนอื่นได้ก็ดี ชีวิตเรามันสั้นมากๆ แปบๆ วันเวลาก็ล่วงเลยมา รวมถึงอายุเราด้วย ความสุขในชีวิตเราควรมีในทุกๆ วัน ไม่ใช่ต้องทนอยู่กับสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจ จนมันอาจจะทำให้เราป่วยได้ในวันนึง ถึงแม้งานจะเป็นแค่ส่วนนึงของชีวิต แต่ต้องยอมรับเลยว่ามีผลกระทบต่อความคิด ความรู้สึกของเรามากๆ
- สุดท้าย ในความคิดเรา งานราชการคืองานที่เหมาะกับคนบางคน ไม่ใช่ใครก็ทำได้ จะว่าไปก็เป็นงานที่คนทำต้องมีลักษณะนิสัยแบบหนึ่งที่สามารถเข้ากับระบบของงานราชการได้ ส่วนเราคงไม่ใช่
- ทุกวันนี้เลยรู้ว่า งานราชการตอนเข้าว่ายากแล้ว ตอนออกยากกว่า เพราะพอได้มาแล้วจะรู้สึกเสียดายถ้าเสียมันไป ไม่ใช่เรานะที่เสียดาย แต่เป็นคนที่บ้าน
ได้ระบายแล้วรู้สึกดีขึ้นนิดนึง ขอบคุณพื้นที่ในพันทิปมากเลย
ตัดสินใจจะลาออกจากราชการ หลังทำงานได้ 7 เดือน
- ที่บ้านมีธุรกิจส่วนตัว ไม่มีใครทำงานราชการเลยซักคน
- เราทนทำงานราชการมาตั้งแต่เรียนจบ เพราะที่บ้านอยากให้ทำ
- ตอนเป็นพนักงานราชการก็ทำไป ไม่ได้มีแรงกดดันอะไรมากมาย ก็ทำไป พอมีหน่วยงานเปิดสอบ เราเลยไปสอบ แล้วดันติด เอาจริงๆ มานึกตอนนี้ เราคงแค่อยากพิสูจน์ว่า เราก็สอบติดราชการได้นะ เราก็ทำได้นะ อยากให้พ่อแม่ภูมิใจแค่นั้น
- แต่พอสอบติด กลับไม่ได้รู้สึกดีใจ รู้สึกแค่ว่า เห็นมั้ยล่ะ ว่าฉันทำได้ พ่อแม่ภูมิใจใช่มั้ย พ่อแม่สามารถเอาเราไปคุยกับใครต่อใครได้ โดยตอนนั้นไม่ได้นึกถึงความรู้สึกตัวเองลย
- จนทุกวันนี้ไอ้การพิสูจน์นั้นมันกลับมาทำร้ายเรา เราทำงานที่ไม่ได้รัก ไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่มีความสุขกับการทำงานเลย โดยเฉพาะต้องมาอยู่ไกลบ้านมากๆ มาอยู่ชนบท ยิ่งทำให้เราไม่ได้ใช้ชีวิตที่ชอบเลยซักนิด
- ความคิดอยากลาออกวนเวียนอยู่ในหัวตั้งแต่ทำงานได้ 3 เดือน แต่ไม่กล้าออกเพราะห่วงสิทธิที่พ่อแม่จะได้รับ แต่ความจริง บ้านเราไม่เคยเข้าโรงพยาบาลรัฐเลย เพราะไม่มีเวลาว่างนั่งรอคิวแบบโรงพยาบาลรัฐได้ และพ่อแม่จะใช้ประกันเสมอ
- ก็มานั่งคิด ทนอยู่ไปมีประโยชน์อะไร สิทธิต่างๆ ที่รัฐให้ เราก็ไม่ได้อยากได้ พ่อแม่ก็ไม่ได้ใช้ ลูกก็ไม่มีแน่ๆ แถมทุกวันนี้สุขภาพจิตก็เสีย เงินก็เสีย คิดดีดีอาจจะเสียเวลาชีวิตด้วย เพราะแทนที่จะได้ทำอะไรที่ชอบ ที่รัก แต่ต้องมาทนทำงานที่คนอื่นรู้สึกพอใจ
- ตัวเราเอง คิดไปมา สิ่งเดียวที่ชอบทำคือ การขายของ มีกิจการของตัวเอง
- วันนี้เลยตัดสินใจบอกกับที่บ้านว่าจะลาออกจากราชการ วันนี้เราปริ้นใบลาออกมาเขียนและเซ็นต์ชื่อเรียบร้อยแล้ว
- สรุปที่บ้านเบรค โดยเฉพาะพ่อ พูดชัดเจนเลยว่าไม่อยากให้ออก เสียดายสิทธิ์รักษาพยาบาล ซึ่งเราคิดว่า ถึงเวลานั้นจริงๆ พ่อกับแม่ก็คงไม่ใช้สิทธิ์นี้หรอก ประกันก็ทำกันไว้แล้ว
- เราจิตตกมากๆ ร้องไห้ในหลายต่อหลายครั้ง เครียดในหลายๆ วัน มันเหมือนว่าชีวิตเราแต่ทำไมเราไม่กล้าตัดสินใจ เอาความคิดการตัดสินใจไปผูกกับคนอื่น จริงๆ ก็คือพ่อแม่เรานั่นแหละ สุดท้ายก็ใจไม่แข็งพอ ก็ยังคงนั่งเครียด นั่งคิดว่าอยากลาออกอยู่อย่างงั้น
- มองย้อนกลับไป ถ้าวันนั้น เราชัดเจนว่าเราไม่ชอบทำงานราชการ ไม่ต้องทำให้เค้ารู้สึกมีความหวังว่าลูกคนนี้มันทำงานราชการได้ ทุกวันนี้ชีวิตเราคงไม่ต้องเครียดกับอะไรแบบนี้ บอกตรงๆ ว่ามันไม่มีทางออกเลย
- เลยอยากจะบอกทุกๆ คนว่า เรารู้ว่าเราชอบอะไร ให้เราลงมือทำเลย หากตัดเรื่องการคิดถึงคนอื่นได้ก็ดี ชีวิตเรามันสั้นมากๆ แปบๆ วันเวลาก็ล่วงเลยมา รวมถึงอายุเราด้วย ความสุขในชีวิตเราควรมีในทุกๆ วัน ไม่ใช่ต้องทนอยู่กับสิ่งที่ทำให้ทุกข์ใจ จนมันอาจจะทำให้เราป่วยได้ในวันนึง ถึงแม้งานจะเป็นแค่ส่วนนึงของชีวิต แต่ต้องยอมรับเลยว่ามีผลกระทบต่อความคิด ความรู้สึกของเรามากๆ
- สุดท้าย ในความคิดเรา งานราชการคืองานที่เหมาะกับคนบางคน ไม่ใช่ใครก็ทำได้ จะว่าไปก็เป็นงานที่คนทำต้องมีลักษณะนิสัยแบบหนึ่งที่สามารถเข้ากับระบบของงานราชการได้ ส่วนเราคงไม่ใช่
- ทุกวันนี้เลยรู้ว่า งานราชการตอนเข้าว่ายากแล้ว ตอนออกยากกว่า เพราะพอได้มาแล้วจะรู้สึกเสียดายถ้าเสียมันไป ไม่ใช่เรานะที่เสียดาย แต่เป็นคนที่บ้าน
ได้ระบายแล้วรู้สึกดีขึ้นนิดนึง ขอบคุณพื้นที่ในพันทิปมากเลย