เชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน ไม่มีรถก็เที่ยวได้

   
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกๆคน เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเราได้หนีงานไปเที่ยวเชียงใหม่มา ซึ่งเป็นการเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรกในชีวิตของเรา เป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกของแม่เราและเป็นการเขียนประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างจริงจังครั้งแรกของเราด้วย เนื่องจากทริปนี้เราพาแม่ไปเที่ยวด้วย(ชวนหลายครั้งแล้วแต่ห่วงบ้านไม่ยอมไป) ดังนั้นการเดินทางและกิจกรรมก็จะเป็นแบบชิวๆ และไม่ได้ตื่นเต้นอะไรน๊า

21 ก.พ. ออกเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่
วันนี้เราออกเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินของพี่หางแดง ไฟล์ท 21.40 น. ไปถึงประมาณเกือบๆ 23.00 น.(ประมาณนะเพราะจำเวลาไม่ได้จริงๆ) เมื่อไปถึงก็จัดการเรียก grab car เพื่อให้เขาไปส่งเรายังที่พักของเรา โดยที่พักที่เราจองอยู่แถวถนนนิมมาน จองผ่านทาง Booking เออแล้วอีกอย่างหนึ่งเวลาเราเรียก grab car นะ พี่เขาจะไปจอดแถวลานจอดรถของสนามบินให้เราเดินไปหาเขา เนื่องจาก grab car และ พี่ taxi สนามบินเขาจะไม่ค่อยถูกกัน และสาเหตุที่เราเรียก grab car เพราะ 1.เราเคยไปเที่ยวจังหวัดในภาคใต้และใช้บริการ taxi สนามบินเพื่อไปส่งยังที่พัก เหมือนเขาจะ งงๆ ไปไม่ถูกเราก็เลยหวั่นๆ 2.เรารู้ราคาค่าโดยสารที่แน่นอน (เพื่อนสะดวกแบบไหนก็ไปแบบนั้นได้เลยน๊า มันมีการเดินทางได้หลายอย่างอยู่จร้า) และเราก็ถึงที่พักประมาณ 23.20 น. (จากสนามบินถึงที่ๆเราพักใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที) หลังจากนั้นก็เก็บของ อาบน้ำ และเข้านอนเพื่อเตรียมตัวออกเที่ยวในวันพรุ่งนี้....
(ภาพวิวหลังห้องจากที่เราพัก ดีงามไปอีก)
22 ก.พ. ไปฟังเสียงลำธารที่หมู่บ้านแม่กำปอง
วันนี้เราแพลนไปเที่ยวที่หมู่บ้านแม่กำปองกัน เพื่อนๆสงสัยใช่ไหมว่า ไม่มีรถก็เที่ยวได้ ไปได้ยังไง ปิ๊งป่องงงงงง!!! เราใช้วิธีการเช่ารถแดงนำเที่ยวเลยจร้าทั้งวันในราคาเหมา เพื่อนๆอยากจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มหรือราคาไปที่ facebook และเข้าไปค้นหา พิมพ์ว่า รถแดงน้าเอ๊ะเหมาขึ้นดอยราคาถูก (อันนี้เราไม่ได้ค่าสปอนเซอร์แต่อย่างใดนะ แต่อยากแนะนำ เพราะเราว่าราคาโอเค ยิ่งไปกันหลายคนหารออกมาก็คนละไม่เท่าไร และพี่ๆเข้าก็ใจดี ใส่ใจ ดูแล และบริการเราดี พูดคุยได้) ทริปนี้เราออกเดินทางกัน 7.00 น. พี่เขาก็พาเราไปกินข้าวเช้ากันก่อนแถวประตูท่าแพ(ต้องขออภัย เมาขี้ตา ตื่นเช้า สมงสมองไม่ทำงาน รูปก็ไม่ได้ถ่าย) อิ่มแล้วเดินทางต่อ พวกเราไปถึงที่หมู่บ้านแม่กำปองประมาณ 8.30 น.
เมื่อเรามาถึงที่นี้สิ่งแรกที่เราได้สัมผัสเลย คือ เสียงน้ำตกในลำธาร สิ่งที่ 2 คือ อากาศดี สิ่งที่ 3 คือ ความเงียบสงบ เราคิดในใจถ้าเราได้มาพักที่นี้เราคงได้นอนหลับไปพร้อมกับเสียงน้ำในลำธารเนอะ ฟินเว่อร์...
ไปจ๊ะไปกันต่อ เราเดินไปทางด้านบนของหมู่บ้านกันก่อนเพื่อจะไปเช็คอินถ่ายรูปและไปชิมขนมกันที่ร้านชมนกชมไม้  หู้ยยยยยยยแก สมคำร่ำลือ เป็นร้านไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมาก ขนมอร่อย ราคาน่ารัก (บรรยากาศ สถานที่มันดีนะ แต่ว่าฝีมือการถ่ายรูปของเราอาจจะยังไม่ดีพอ ขอโทษน๊า)
และเราก็เดินไปจุดเช็คอินที่ 2 คือ เรากาแฟลุงปุ๊ด ป้าเป็ง  เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนจะแวะมาเช็คอินถ่ายรูป นั่งกินขนมกินกาแฟกันชิดลำธารฟังเสียงน้ำ โอ๊ยดีงามไปอีกกกกก
 
เมื่อดื่มด่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปจุดเช็คอินที่ 3 กันต่อที่ วัดกันธาพฤกษา(วัดแม่กำปอง) ไปกราบพระขอพรกันสักหน่อย...
และเราก็เดินชมบรรยากาศรอบๆหมู่บ้าน นี่คือภาพบรรยากาศที่เราเอามาฝากกันจร้า
ในหมู่บ้านแม่กำปองยังมีอีกหลายจุดที่ควรไปเช็คอินเช่น น้ำตกแม่กำปอง ร้านคาเฟ่ติดริมธารน่ารักๆ แต่เราขอเช็คอินแค่ 3 จุดเนื่องจากเราพาแม่เรามาด้วยก็เลยจะขออะไรที่เบาๆเดินเบาๆนิดนึง และช่วงที่เราไปตรงกับวันธรรมดาด้วย ร้านบ้างร้านก็เลยไม่เปิดจร้า
 
     เดินทางกันต่อ...
เรา : พี่ๆ หนูอยากไปไอร้านกาแฟที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่ๆอ่ะพี่
พี่รถแดง : จัดไปน้อง เม่าออกรถ
 
     หลังออกมาจากหมู่บ้านแม่กำปองเราก็ไปเช็คอินถ่ายรูปกันต่อที่ร้านกาแฟที่คนนิยมไปกันอีกที่หนึ่ง คือ ร้านไจแอนท์ หรือที่หลายคนบอกกันว่าร้านที่มันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ๆ ร้านนี้มีทั้งกาแฟ ขนมหวาน และอาหารคาว และช่วงเวลาที่เราไปถึงก็เที่ยงพอดี งั้นเราลองสั่งข้าวมากินและกัน เมนูที่เราสั่งมาคือ ชุดข้าวแกงข่าไก่ (ความหิวมันครอบงำ เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดู) รสชาติปากลาง ไม่ถึงกับว้าว แต่ราคานี่สิต้องร้องว้าวเลย ฮรี่ๆๆ ไปดูบรรยากาศร้านไจแอนท์กันดีกว่าพรรคพวก.....
หนังท้องตึง หนังตาเริ่มหยอน เราก็ออกเดินทางกันต่อดีกว่าจร้า...จุดเช็คอินที่ต่อไปที่จะไปกันคือ น้ำพุร้อนสันกำแพง ที่นี่เสียค่าเข้าผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็กคนละ 20 บาท ด้านในมีกิจกรรมมากมาย เช่น แช่ตัวในน้ำแร่(เสียค่าบริการเพิ่มเติม) นวดจับเส้นเพื่อผ่อนคลาย(เสียค่าบริการเพิ่มเติม) ต้มไข่ในน้ำแร่(เสียตังค์ซื้อไข่)  ลงแช่เท้าในธารน้ำแร่(ไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม) และสิ่งที่เราเลือก คือออออออ แช่เท้าในธารน้ำแร่และต้มไข่ในน้ำแร่
การแช่เท้าในธารน้ำแร่จะมีด้วยกันหลายจุด แต่ละจุดอุณหภูมิก็ไม่เหมือนกัน เช่นจุดที่เราลงไปแช่ อุณหภูมิอยู่ที่ 40-45 องศาเซลเซียส (เพื่อนๆ ก็เลือกกันตามที่ตัวเองไหวเลย) และส่วนของการต้มไข่นั้น เขาก็จะมีบ่อในการต้มไข่ซึ่งในบ่อนั้นมีอุณหภูมิถึง 105 องศาเซลเซียส(ไข่ไม่สุกให้มันรู้ไป) และเวลาในการต้มไข่นั้น  ถ้าต้องการ ไข่ลวกก็แช่ทิ้งไว้ 3 นาที  ไข่ยางมะตูมแช่ทิ้งไว้ 5-6 นาที  ไข่สุกก็แช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที 
ณ ขณะนี้เป็นเวลา 15.00 น. แม่เราเริ่มคิดถึงที่นอน 
พี่รถแดง : น้องๆจะไปไหนต่อ
เรา : กลับที่พักพี่ แม่หนูอยากกลับไปเล่นเกมซ่อนตาดำ เพี้ยนหัวเราะ
 
จริงๆแล้วยังมีอีกหลายๆสถานที่เลย ที่น่าสนใจ เช่น ถ้ำแม่ออน โครงการหลวงตีนตก ถ้าใครได้ผ่านมาอ่านแล้วถ้าได้ไปช่วยเอาภาพบรรยากาศมาอวดเราทีน๊า ขอบคุณล่วงหน้าเลยเพื่อน
    จ๊อกๆคลื่นๆ (เสียงท้องร้อง) ซึ่งเป็นนาฬิกาปลุกให้เราต้องตื่นเพื่อไปหาอะไรใส่ท้องได้แล้วเว้ยแก เราอยู่นิมมาน เราจะไปกินไรดีล่ะ ก็เลยเปิดๆๆอ่านรีวิว และร้านที่หลายๆคนบอกว่า ถ้ามาแล้วต้องไปกินคือร้านอาหารพื้นเมือง ชื่อร้านต๋องเต็มโต๊ะ(อยู่ซอยนิมมาน 13) ร้านเปิดถึง 21.00 น. พอไปถึง โอ้โห แม่จ้าววววว คนยืนกันเต็มหน้าร้านเลย แต่ไหนๆก็มาแล้ว รอก็ได้ฟร่ะ เราได้คิวที่ 42 แต่คิวตอนนี้อยู่ที่ 25 (คิดในใจถ้าไม่อร่อยนะแกรรรรร เอ้ยยยยยย) นั่งรอไปเกือบ 1 ชั่วโมงเขาก้อเรียกคิวที่ 42 เชิญเจ้า นั่งรอสักพักอาหารที่เราสั่งล่วงหน้าไว้แล้วก็มาเสริฟ์ ได้เวลาชิม!!! ผ่านนนนนนนนน อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ และราคาก็ไม่แพงอีกด้วย 
 
กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่ เห้ยยยยยย สำนวนนี้อยู่ดีก็ดันเข้ามาอยู่ในหัว ไม่ได้แระ ต้องหาขนมหวานกิน เปิดดูอากู่ดิ๊ นั่นไง เราขอเลือกไปที่ ร้านกูโรตีและชาชัก (อยู่นิมมานซอย 3) ร้านเปิดถึง 1.30 น. ร้านนี้ก็จะมีทั้งของคาวและของหวาน ราคาโอเค
แน่นท้องอ่ะ เดินย่อยหน่อยและกันเนอะ เดินขึ้นไปอีกนิดนึงจะเจอสถานที่หนึ่งมีมุมสวยให้ถ่ายรูปได้เยอะอยู่ นั่นคือ วันนิมมาน (อนู่นิมมานซอย 1) ข้างในก็จะมีร้านค้ามากมาย และมุมถ่ายรูปสวยๆ
เสร็จสิ้นภาระกิจในวันนี้ ต้องกลับไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อเดินทางต่อวันพรุ่งนี้ ขอตัวไปนอนก่อนนะเพื่อน...เพี้ยนฝันดี
23 ก.พ. สัมผัสบรรยากาศที่ม่อนแจ่ม
     วันนี้เราแพลนไปม่อนแจ่มกันจร้า เช่นเดิมเราก็เหมาพี่รถแดงคนเดิม คันเดิม ทริปวันนี้เราออกเดินทางกันตอน 6.00 น.
เมื่อเรามาถึงม่อนแจ่ม ก็ว้าว อากาศดีเป็นบ้า ให้ตายเถอะ กิจกรรมที่เราจะทำในวันนี้ก็คือ เก็บสตอเบอรี่ที่ไร่สตอเบอรี่ และไปถ่ายรูปคู่กับดอกไม้กันจร้า
 
ไปเก็บสตอเบอรี่กัน....ทริปวันนี้แม่เราฟินเว่อร์ การจะเข้าไปในไร่สตอเบอรี่มีค่าเข้าคนละ 20 บาท แต่ถ้าเราจะเก็บสตอเบอรี่ด้วยก็บอกตรงทางเข้าด้วยว่าจะเก็บ น้องเขาจะบอกว่า ขีดละ 35 บาท และยื่นกระป๋องพร้อมกรรไกรมาให้  
หลังจากเก็บสตอเบอรี่จนสมใจอยากของคุณนายแล้ว เราก็เดินไปถ่ายรูปที่ไร่ดอกไม้กัน มีค่าเข้าด้วยคนละ 10 บาท
และที่นี่ก็ยังมีให้ขี่รถฟอร์มูล่าม้ง และถ่ายรูปคู่กับเด็กที่แต่งชุดชาวเขาด้วยน๊า 
 
เรา : พี่ๆหนูหิวแล้ว
พี่รถแดง : จะไปกินที่ไหนดี
เรา : ขอไปเลยที่บรรยากาศดีๆ จัดให้หน่อย
 
หลังจากที่เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ดอยม่อนแจ่มแล้ว เราก็ไปหาไรกินกัน โดยร้านที่เราไป เป็นบรรยากาศแบบว่าใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ โดยพี่รถแดงเขาก็พาไปร้านริมธาร ซึ่งเป็นร้านที่ได้ไปนั่งกินข้าวติดลำธารแบบสุดๆ แถมร้านนี้มีมุมชิงช้า ให้เราได้ไปถ่ายรูปกันด้วยน๊า และตามเดิมเมื่ออาหารลงโต๊ะ เราก็ทิ้งกล้องและไม่ได้สนใจสิ่งใด ขอกินก่อนแล้วกัน ฮ่าๆๆๆๆ
เมื่อเรามีเติมอาหารเข้าท้องเราแล้ว เราก็พร้อมออกเดินทางกันต่อ สถานที่ต่อไปนั่นคือ สวนพฤกษาศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นสถานที่ อนุรักษ์และ รวบรวมพรรณไม้ เอาไว้สำหรับศึกษาและไว้สำหรับพักผ่อน ซึ่งในนี้ก็จะแบ่งออกหลายๆโซน และมีค่าเข้าด้วยผู้ใหญ่คนละ 40 บาท แต่ถ้าอายุ 60 ปีเข้าฟรี และถ้านำรถไปและอยากเอารถขึ้นไปด้วยก็เสียเพิ่มอีก 100 บาท
ทริปส่วนของวันนี้เราไปปิดทริปกันที่ตลาดวโรรส เนื่องจากวันพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว ซึ่งไฟล์ทกลับได้รอบ 11.50 น. เลยกะว่าจะไปซื้อของฝากกับบ้านในวันนี้เลย เพราะพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบ 
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่