เวลาเราได้มีโอกาสได้พบใครในครั้งแรก และคิดว่าคนคนนี้น่าจะได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการใช้ชีวิตของเรา หรือเรียกว่าจะได้เป็น “คนรู้จัก” คำว่าคนรู้จักสำหรับเรา คือเราจะต้องรู้ข้อมูลพื้นฐานของเขาบ้าง เช่น ทำงานอะไร เป็นคนที่ไหน แต่คำว่า “คนรู้จัก” สำหรับบางคน อาจจะแค่รู้จักชื่อเขา ก็เรียกว่ารู้จักกันซะแล้ว..
หลังจากที่เรารู้จักใครสักคนแล้ว เราควรจะรู้จักนิสัยของเขา ว่าคนรู้จักที่เรารู้จักนี้ เราควรจะรู้จักเขาไหม หรือเราไม่ควรที่จะรู้จักเขาเลยยยย เบื้องต้นก็แค่เข้าไปส่องเฟส เลื่อนๆดูย่อนไปเยอะๆหน่อย เราก็จะพอรู้ว่าไลฟ์สไตล์เขาเป็นแบบไหน ความคิดเขาเป็นคนแบบไหน การใช้ชีวิตเขาเป็นอย่างไร ทีนี้เราก็เอามาพิจารณาว่าควรไปต่อไหม ในสังคมโลกโซเชี่ยล..
ถ้าคนนี้โอเคนะ เราอยากรู้จักเขานะ อาจจะด้วยมีความเกี่ยวข้องกันในสายงาน หรือมีอะไรที่ไปในทิศทางเดียวกัน พอคุยกันรู้เรื่อง และอยากสานสัมพันธ์ เราก็จะเพิ่มเพื่อนไป เท่านี้ก็จะได้เป็นคนรู้จักกันแล้ว
แต่ในทางกลับกัน ถ้าส่องเฟสแล้ว ไลฟ์สไตล์มีแต่ ด่าหัวหน้า ว่าเพื่อนร่วมงาน บ่นแม่ผัว ต่อให้มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันในอนาคต เราก็จะไม่อยากรู้จักเขาในโลกโซเชี่ยล อาจจะละไว้ในโลกความเป็นจริง แต่ก็จะรู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นคนอย่างไร
ส่วนสำหรับคนที่เขาเพิ่มเพื่อนมาหาเรา ถ้าไม่รู้จักกันเลย เป็นใครก็ไม่รู้เราไม่รับแน่นอน เฟสบุ๊คเรา เราเปิดสาธารณะ ถ้าเรากดลบคำขอคนที่เพิ่มเพื่อนมาหาเรานั้นก็จะกลายเป็นติดตามเราไปเอง เขาเพิ่มเพื่อนมาเพราะเขาอยากรู้เรื่องราวของเรา ถ้าแค่ติดตามก็ได้รับรู้เรื่องราวของเราเหมือนกัน ส่วนเราหละไม่ได้อยากรับรู้เรื่องของเขา ถ้าจะบอกว่าก็กดรับแล้วกดเลิกติดตามสิ เรามองว่าไม่จำเป็น
สำหรับเรา เราไม่อยากมีเพื่อนในโลกโซเชี่ยลแล้วรู้สึกรำคาญ ต้องคอยมากดลบเพื่อน มาคอยเลิกติดตามกันอยู่ มันเหมือนไม่จริงใจต่อกัน ถ้าทำแบบนี้ไม่ต้องรู้จักกันเลยซะยังดีกว่า
สำหรับบางคนเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริงเจอกันทุกวันทุกวัน ก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันในโลกโซเชี่ยลด้วยซ้ำไป มีกระทู้พันทิพอยู่บ่อยๆที่ว่า หัวหน้าเพิ่มเพื่อนในเฟสบุ๊คมาควรรับหรือไม่รับ เอาจริงๆถ้าในชีวิตประจำวันไม่ได้มีปัญหากัน แค่ไม่รับเพิ่มเพื่อนในเฟสบุ๊คมันก็ไม่ได้มีปัญหาในการทำงานหรอก ถ้ามีแล้วอึดอัดอย่ามีเลย และเรื่องในเฟสบุ๊คไม่น้อยที่โพสก็มาจากเรื่องที่ทำงาน
ที่เราตั้งกระทู้นี้ก็แค่อยากมาแชร์ว่า อยากรู้จักใคร ก็แค่เข้าไปดูเฟสบุ๊คเขา แค่นั้นเอง..
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ เราจะอ่านและรับฟัง แต่ไม่ขอตอบอะไรนะคะ แด่..คนที่ไม่รู้จัก
กว่าจะได้เป็น.. “คนรู้จักกัน”
หลังจากที่เรารู้จักใครสักคนแล้ว เราควรจะรู้จักนิสัยของเขา ว่าคนรู้จักที่เรารู้จักนี้ เราควรจะรู้จักเขาไหม หรือเราไม่ควรที่จะรู้จักเขาเลยยยย เบื้องต้นก็แค่เข้าไปส่องเฟส เลื่อนๆดูย่อนไปเยอะๆหน่อย เราก็จะพอรู้ว่าไลฟ์สไตล์เขาเป็นแบบไหน ความคิดเขาเป็นคนแบบไหน การใช้ชีวิตเขาเป็นอย่างไร ทีนี้เราก็เอามาพิจารณาว่าควรไปต่อไหม ในสังคมโลกโซเชี่ยล..
ถ้าคนนี้โอเคนะ เราอยากรู้จักเขานะ อาจจะด้วยมีความเกี่ยวข้องกันในสายงาน หรือมีอะไรที่ไปในทิศทางเดียวกัน พอคุยกันรู้เรื่อง และอยากสานสัมพันธ์ เราก็จะเพิ่มเพื่อนไป เท่านี้ก็จะได้เป็นคนรู้จักกันแล้ว
แต่ในทางกลับกัน ถ้าส่องเฟสแล้ว ไลฟ์สไตล์มีแต่ ด่าหัวหน้า ว่าเพื่อนร่วมงาน บ่นแม่ผัว ต่อให้มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันในอนาคต เราก็จะไม่อยากรู้จักเขาในโลกโซเชี่ยล อาจจะละไว้ในโลกความเป็นจริง แต่ก็จะรู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นคนอย่างไร
ส่วนสำหรับคนที่เขาเพิ่มเพื่อนมาหาเรา ถ้าไม่รู้จักกันเลย เป็นใครก็ไม่รู้เราไม่รับแน่นอน เฟสบุ๊คเรา เราเปิดสาธารณะ ถ้าเรากดลบคำขอคนที่เพิ่มเพื่อนมาหาเรานั้นก็จะกลายเป็นติดตามเราไปเอง เขาเพิ่มเพื่อนมาเพราะเขาอยากรู้เรื่องราวของเรา ถ้าแค่ติดตามก็ได้รับรู้เรื่องราวของเราเหมือนกัน ส่วนเราหละไม่ได้อยากรับรู้เรื่องของเขา ถ้าจะบอกว่าก็กดรับแล้วกดเลิกติดตามสิ เรามองว่าไม่จำเป็น
สำหรับเรา เราไม่อยากมีเพื่อนในโลกโซเชี่ยลแล้วรู้สึกรำคาญ ต้องคอยมากดลบเพื่อน มาคอยเลิกติดตามกันอยู่ มันเหมือนไม่จริงใจต่อกัน ถ้าทำแบบนี้ไม่ต้องรู้จักกันเลยซะยังดีกว่า
สำหรับบางคนเป็นเพื่อนกันในชีวิตจริงเจอกันทุกวันทุกวัน ก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันในโลกโซเชี่ยลด้วยซ้ำไป มีกระทู้พันทิพอยู่บ่อยๆที่ว่า หัวหน้าเพิ่มเพื่อนในเฟสบุ๊คมาควรรับหรือไม่รับ เอาจริงๆถ้าในชีวิตประจำวันไม่ได้มีปัญหากัน แค่ไม่รับเพิ่มเพื่อนในเฟสบุ๊คมันก็ไม่ได้มีปัญหาในการทำงานหรอก ถ้ามีแล้วอึดอัดอย่ามีเลย และเรื่องในเฟสบุ๊คไม่น้อยที่โพสก็มาจากเรื่องที่ทำงาน
ที่เราตั้งกระทู้นี้ก็แค่อยากมาแชร์ว่า อยากรู้จักใคร ก็แค่เข้าไปดูเฟสบุ๊คเขา แค่นั้นเอง..
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ เราจะอ่านและรับฟัง แต่ไม่ขอตอบอะไรนะคะ แด่..คนที่ไม่รู้จัก