เราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีความสุขดี แต่กว่าจะถึงวันนี้ก็ไม่ได้ง่าย เราเพิ่งเริ่มทำบลอคที่เขียนเรื่องนี้ แต่คิดว่าเอามาแปะไว้ในนี้อาจจะช่วยเติมไฟ หรือเป็นกำลังใจให้คนอื่นได้ในวงที่กว้างขึ้น (เพราะบลอคเพิ่งเริ่มก็ยังไม่ค่อยมีคนอ่าน 555)
คนส่วนมากอาจจะมีความฝัน อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากเป็นนายตัวเอง หรืออยากมีอิสระทางการเงิน แต่เรากลับคิดว่า ถ้าเกิดเราได้ทำงานที่ดี การเป็นมนุษย์เงินเดือนมันก็มีข้อดีของมันอยู่
จริงๆแล้ว ตัวเลข 200,000 บาทนี้ก็เป็นจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ 3 ปีก่อน ว่าอยากได้เงินเดือนเท่านี้ เราเลยอยากถือโอกาสนี้เล่าถึงการเดินทางในเส้นทางมนุษย์เงินเดือนของเรา เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ รวมไปถึงเด็กจบใหม่ ว่าอย่าเพิ่งเบ้ปากใส่การเป็นมนุษย์เงินเดือนเลยนะทุกคน
งานแรก 16,000 บาท
9 ปีที่แล้ว เริ่มทำงาน เงินเดือนเริ่มต้น 16,000 ที่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง บ้านอยู่ดอนเมือง ออฟฟิศอยู่ราชดำริ เข้างาน 9 โมง บางวันเลิก ตี 2 ขับรถไปกลับ ค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถก็ประมาณ 9,000 แล้ว เราเชื่อว่าเกือบทุกคนที่เป็น first jobber จะเจอแบบเดียวกัน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป การทำงานในวันนั้นมันก็สอนอะไรเรามากมายจริงๆโดยเฉพาะเรื่องความอดทน เพราะลูกค้าที่เจอ ขึ้นชื่อเลยว่ายากที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนั้น มันทำให้เรากลายเป็นคนที่ความอดทนสูงในเรื่องงาน ไม่ค่อยบ่น หรือรู้สึกว่าอะไรมันช่างยากลำบาก หรือเกินหน้าที่ ซึ่งกลายเป็นข้อดีของเราในทุกวันนี้ด้วย อยากจะบอกเด็กจบใหม่ว่า งานแรกหลังจากเรียนจบ สำคัญมาก เพราะมันจะสอนเราได้เยอะ และกำหนดทิศทางต่อจากนี้ไป เลือกให้ดี อย่าเพิ่งเอาเงินเป็นตัวตั้ง
โบนัสแรกในชีวิต 900 บาท
หลังจากที่แจ้งว่าขาดทุนมาในปีแรก เราได้โบนัสในการทำงานปีที่สอง เป็นเงินเก้าร้อยกว่าบาท เป็นโบนัสก้อนแรกในชีวิต โทรบอกแม่ แม่หัวเราะแล้วบอกว่า นี่โบนัสหรือดอกเบี้ยเงินฝาก แต่เราก็ดีใจกับคำว่าโบนัสอยู่ดี
งานที่สอง ทำสามปี เงินเดือนสุดท้าย 32,000 บาท
ออกจากเอเจนซี่แรก มาต่อเอเจนซี่ที่สอง ได้เงินเดือนขึ้นตามประสบการณ์ บวกค่าน้ำมันอีก 3,000 บวก โทรศัพท์ฟรี ดีใจเหมือนถูกหวย แต่ที่นี่ให้ความรู้ ประสบการณ์ และมิตรภาพที่มากเหลือเกินกับเรา ซึ่งในเรื่องต่อๆไปที่เขียน คงจะมีคนพวกนี้เป็นตัวละครสำคัญ
ไปเรียนต่อ 1 ปี ตั้งใจว่ากลับมาต้องได้เงินเดือน 130,000 บาท
เราตั้งใจว่า หลังจากเรียนจบอยากได้เงินเดือน 130,000 ! คนฟังตอนนั้นคืองงปนขำ ถามว่าจะทำงานอะไร เราตอบเค้าไปว่าไม่รู้ แต่เราอยากได้เท่านี้ จะแบ่งให้พ่อแม่ 30,000 ที่เหลือจะแบ่งสันปันส่วน แบบนี้ๆ ซึ่งตอนนั้น เข้า jobtopgun สมัครงานไปเป็นร้อยๆที่ ได้เรียกสัมภาษณ์ 2 ที่ ที่ไทย 1 ที่ ที่ฮ่องกง 1 ที่ ได้งานที่ฮ่องกง ซึ่งให้เงินเดือนเพียง 80,000 บาท ซึ่งเราก็ปฏิเสธไป จากนั้นอีกประมาณสองเดือน ก็ได้เรียกสัมภาษณ์งานที่นี่ และได้งานภายใน 1 สัปดาห์หลังจากนั้น เลยตัดสินใจบินกลับบ้านมาบอกพ่อแม่ เก็บกระเป๋า แล้วบินกลับไปสอบปลายภาคให้เรียบร้อย ก่อนย้ายประเทศ มาเริ่มงานที่นี่ จนถึงวันนี้ก็ 4 ปีแล้ว...
หนทางการขึ้นเงินเดือนจากวันนั้นถึงวันนี้ เร็วมาก ไม่ได้โดดข้ามบริษัทด้วย เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังนะคะว่ามีวิธีต่อรองอย่างไร ถ้าชอบฝากเข้าไปดูบลอคเป็นกำลังใจ หรือคอมเม้นเรื่องการเขียนเพื่อให้พัฒนาต่อไปก็ขอบคุณนะคะ
ขอแปะลิงก์บลอคนิดนึงน๊า
https://asalarygirl.blogspot.com/
อายุ 30 ทำงานมา 8 ปี เงินเดือนตอนนี้ 250,000 บาท
คนส่วนมากอาจจะมีความฝัน อยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากเป็นนายตัวเอง หรืออยากมีอิสระทางการเงิน แต่เรากลับคิดว่า ถ้าเกิดเราได้ทำงานที่ดี การเป็นมนุษย์เงินเดือนมันก็มีข้อดีของมันอยู่
จริงๆแล้ว ตัวเลข 200,000 บาทนี้ก็เป็นจำนวนที่ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ 3 ปีก่อน ว่าอยากได้เงินเดือนเท่านี้ เราเลยอยากถือโอกาสนี้เล่าถึงการเดินทางในเส้นทางมนุษย์เงินเดือนของเรา เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ รวมไปถึงเด็กจบใหม่ ว่าอย่าเพิ่งเบ้ปากใส่การเป็นมนุษย์เงินเดือนเลยนะทุกคน
งานแรก 16,000 บาท
9 ปีที่แล้ว เริ่มทำงาน เงินเดือนเริ่มต้น 16,000 ที่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง บ้านอยู่ดอนเมือง ออฟฟิศอยู่ราชดำริ เข้างาน 9 โมง บางวันเลิก ตี 2 ขับรถไปกลับ ค่าทางด่วน ค่าน้ำมัน ค่าจอดรถก็ประมาณ 9,000 แล้ว เราเชื่อว่าเกือบทุกคนที่เป็น first jobber จะเจอแบบเดียวกัน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป การทำงานในวันนั้นมันก็สอนอะไรเรามากมายจริงๆโดยเฉพาะเรื่องความอดทน เพราะลูกค้าที่เจอ ขึ้นชื่อเลยว่ายากที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนั้น มันทำให้เรากลายเป็นคนที่ความอดทนสูงในเรื่องงาน ไม่ค่อยบ่น หรือรู้สึกว่าอะไรมันช่างยากลำบาก หรือเกินหน้าที่ ซึ่งกลายเป็นข้อดีของเราในทุกวันนี้ด้วย อยากจะบอกเด็กจบใหม่ว่า งานแรกหลังจากเรียนจบ สำคัญมาก เพราะมันจะสอนเราได้เยอะ และกำหนดทิศทางต่อจากนี้ไป เลือกให้ดี อย่าเพิ่งเอาเงินเป็นตัวตั้ง
โบนัสแรกในชีวิต 900 บาท
หลังจากที่แจ้งว่าขาดทุนมาในปีแรก เราได้โบนัสในการทำงานปีที่สอง เป็นเงินเก้าร้อยกว่าบาท เป็นโบนัสก้อนแรกในชีวิต โทรบอกแม่ แม่หัวเราะแล้วบอกว่า นี่โบนัสหรือดอกเบี้ยเงินฝาก แต่เราก็ดีใจกับคำว่าโบนัสอยู่ดี
งานที่สอง ทำสามปี เงินเดือนสุดท้าย 32,000 บาท
ออกจากเอเจนซี่แรก มาต่อเอเจนซี่ที่สอง ได้เงินเดือนขึ้นตามประสบการณ์ บวกค่าน้ำมันอีก 3,000 บวก โทรศัพท์ฟรี ดีใจเหมือนถูกหวย แต่ที่นี่ให้ความรู้ ประสบการณ์ และมิตรภาพที่มากเหลือเกินกับเรา ซึ่งในเรื่องต่อๆไปที่เขียน คงจะมีคนพวกนี้เป็นตัวละครสำคัญ
ไปเรียนต่อ 1 ปี ตั้งใจว่ากลับมาต้องได้เงินเดือน 130,000 บาท
เราตั้งใจว่า หลังจากเรียนจบอยากได้เงินเดือน 130,000 ! คนฟังตอนนั้นคืองงปนขำ ถามว่าจะทำงานอะไร เราตอบเค้าไปว่าไม่รู้ แต่เราอยากได้เท่านี้ จะแบ่งให้พ่อแม่ 30,000 ที่เหลือจะแบ่งสันปันส่วน แบบนี้ๆ ซึ่งตอนนั้น เข้า jobtopgun สมัครงานไปเป็นร้อยๆที่ ได้เรียกสัมภาษณ์ 2 ที่ ที่ไทย 1 ที่ ที่ฮ่องกง 1 ที่ ได้งานที่ฮ่องกง ซึ่งให้เงินเดือนเพียง 80,000 บาท ซึ่งเราก็ปฏิเสธไป จากนั้นอีกประมาณสองเดือน ก็ได้เรียกสัมภาษณ์งานที่นี่ และได้งานภายใน 1 สัปดาห์หลังจากนั้น เลยตัดสินใจบินกลับบ้านมาบอกพ่อแม่ เก็บกระเป๋า แล้วบินกลับไปสอบปลายภาคให้เรียบร้อย ก่อนย้ายประเทศ มาเริ่มงานที่นี่ จนถึงวันนี้ก็ 4 ปีแล้ว...
หนทางการขึ้นเงินเดือนจากวันนั้นถึงวันนี้ เร็วมาก ไม่ได้โดดข้ามบริษัทด้วย เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังนะคะว่ามีวิธีต่อรองอย่างไร ถ้าชอบฝากเข้าไปดูบลอคเป็นกำลังใจ หรือคอมเม้นเรื่องการเขียนเพื่อให้พัฒนาต่อไปก็ขอบคุณนะคะ
ขอแปะลิงก์บลอคนิดนึงน๊า https://asalarygirl.blogspot.com/