แชร์ประสบการณ์การยื่นใบสมัครวีซ่าเชงเก้นเยี่ยมแฟนแบบไม่มีสปอนเซอร์ค่ะ โดยยื่นผ่านVFS Global
เกริ่นก่อนนะคะ เราขอเชงเก้นวีซ่าท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว (2018) แต่จุดประสงค์หลักของเราเลยคือไปเยี่ยมแฟนและครอบครัว เราเตรียมเอกสารครบทุกอย่าง แบบที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งต้องทำ ขอไม่ใส่รายละเอียดนะคะ ในพันทิปน่าจะมีข้อมูลวีซ่าท่องเที่ยวอยู่เยอะ ผลคือผ่านฉลุยค่ะ ตอนแรกก็แอบหวั่นๆเพราะเดินทางคนเดียว แต่ก็ได้วีซ่ามาแบบไม่มีคำถามใดๆ
จนหลายเดือนผ่านไป ปกติแฟนจะมาเยี่ยมเราประมาณช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปีตั้งแต่คบกันมา แต่ปีนี้ท่าทางแฟนจะยุ่งมาก ทั้งทำงาน เรียน และเจียดเวลาไปสกีกับเพื่อน เราเลยลองแย๊บดูว่าเราอยากไปเที่ยวแบบนั้นมั่งจัง แฟนเลยบอกว่าถ้าอยากมาก็ต้องรีบมาทันทีที่มาได้นะ เพราะฤดูสกีกำลังจะหมดประมาณ 20 กว่าๆ เดือนมีนา เราเลยโอเคเดี๋ยวเตรียมเอกสารเสร็จละยื่นเลยละกัน ตอนที่ตกลงว่าจะไปคือวันที่ 10 กุมภาพันธ์ กำหนดการเดินทางไว้คือ วันที่ 7 มีนาคม ด้วยความชะล่าใจของเราเองเพราะการยื่นไปท่องเที่ยวครั้งแรกแค่เอกสารครบก็ผ่าน เราเลยเตรียมเอกสารเพื่อยื่นวีซ่าท่องเที่ยวอีกครั้ง เหมือนครั้งแรกเป๊ะค่ะ ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ไปยื่นที่ VFS วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เอกสารถึงสถานทูตวันที่ 18 เราก็คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่น่าเกินอาทิตย์เราคงได้พาสปอร์ตคืน แต่...
วันที่ 19 วันหยุดมีสายมิสคอลมาจากสถานทูต เรายุ่งอยู่เลยไม่ได้รับ ใจเริ่มเสียละค่ะ โทรมาทำไม? ต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ เราพยายามติดต่อกลับไปเจอเจ้าหน้าที่ท่านอื่นที่ไม่ใช่คนที่โทรหาเรา เค้าบอกให้เรารอเจ้าหน้าที่ท่านนั้นติดต่อกลับ เราก็รอด้วยความกระวนกระวายใจมากกก ซักพักมีสายเข้ามาจากสถานทูตค่ะ เรารับเป็นฝรั่งผู้ชายค่ะ บทสนทนาแปลออกมาได้ประมาณดังนี้
P: สวัสดีครับคุณ M
M:สวัสดีค่ะ
P: ผมได้รับใบสมัครของคุณและมีข้อสงสัย
M: ค่ะ? >.<
P: บอกผมมาตามตรงว่า คุณจะไปเยี่ยมใครบางคนที่สวิสเซอร์แลนด์ใช่มั้ย
ถึงประโยคนี้ เราใจหายแว๊บเลยค่ะ คือสับสนมากว่าจะโกหกเพื่อวีซ่า หรือ จะบอกไปตรงๆ แต่ไม่มีเวลาให้คิดนานค่ะ เสี้ยววินาทีนั้นเราพูดความจริงออกไป
M:ใช่ค่ะ
P: ไปเยี่ยมใครครับ
M:แฟนค่ะ
P: ขอบคุณที่บอกตรงๆนะครับ แต่คุณควรจะให้แฟนทำหนังสือเชิญ เพื่อขอ Visitor Visa นะ
M: แต่แฟนเป็นนักศึกษาอยู่ค่ะ เลยคิดว่าถ้าขอเป็นท่องเที่ยวจะง่ายและไวกว่า
P: ให้พ่อแม่แฟนเชิญได้ครับ ผมเช็คบุคกิ้งโรงแรมที่คุณจองเพื่อยื่นวีซ่าคราวที่แล้ว คุณแคนเซิ่ลทุกบุคกิ้งเลย
M: ค่ะ T-T แต่มันใกล้จะถึงวันเดินทางแล้ว คุณแน่ใจใช่มั้ยคะว่าถ้ายื่นแล้วจะได้ทันเวลาเดินทาง
P: รีบมารับพาสปอร์ตคืนเลยครับ
M: เราโดนปฏิเสธวีซ่าใช่มั้ยคะ ? T-T
P: ไม่ใช่ครับ เป็นการถอนใบสมัคร จะไม่มีเรคคอร์ดใดๆว่าคุณโดนปฏิเสธวีซ่า แค่ยื่นใบสมัครใหม่แบบ visitor จะให้ส่งพาสปอร์ตคืนไปทาง VFS เลยมั้ย
M: เดี่ยวไปรับที่สถานทูตค่ะ
การสนทนาเป็นไปประมาณนี้ค่ะ เราไปรับพาสปอร์ตคืนและคุณเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องยื่น สรุปคือ เค้าบอกว่าที่เค้ารู้เพราะเช็คการจองแรมคราวก่อน เราแคนเซิ่ลหมดหลังจากได้วีซ่า แล้วไปนอนที่อพาร์ทเม้นแฟน T-T ประเด็นคือเราต้องยื่นเรื่องใหม่!! เสียเงินใหม่ และเหลือเวลาอีกประมาณ 14 วันก่อนเดินทาง!! เครียดสุดทั้งเราและแฟนกินข้าวไม่ลง
สิ่งแรกที่เราทำคือ google ค่ะ หาข้อมูลยื่นวีซ่าเยี่ยมเยียนสวิสเซอแลนด์ มีเยอะค่ะ แต่เอกสารไม่เหมือนกันเลย บางคนก็บอกจดหมายเชิญต้องใช้ตัวจริง บางคนบอกให้ใช้ copy เราเลยดูข้อมูลในพันทิปของคนที่ไปขอมาล่าสุด และโทรไปถาม VFS ถึงจดหมายเชิญ ทาง VFS แจ้งว่า ใช้ copy ได้จ้าาา ใจชื้นเลย เร่งเตรียมเอกสารทางฝ่ายเราและแฟน
https://www.vfsglobal.ch/Switzerland/Thailand/Thai/pdf/Schengen-Visitor-Visa-Latest.pdf
เอกสารที่ทางเราและแฟนเตรียมมีดังนี้ค่ะ
1.แบบฟอร์มคาร้องขอวีซ่า(เอกสารฉบับจริง)
2.รูปถ่าย2 ใบขนาด3.5 ซมx 4 ซม
3.หนังสือเดินทางฉบับจริง
4.หนังสือเดินทางฉบับสำเนา:
-สำเนาหนังสือเดินทาง(หน้าที่มีข้อมูลส่วนบุคคล) 2 ชุด
-สำเนาวีซ่าเชงเก้นที่เคยได้รับครั้งก่อน1 ชุด
5.เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินจะต้องระบุชื่อผู้สมัคร(ตรงตามหนังสือเดินทาง)หมายเหตุ:กรุณาอย่าซื้อตั๋วเครื่องบินจนกว่าจะได้รับวีซ่าสถานกงสุลประจ าภูมิภาคกรุงเทพฯจะไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินทุกรณี
6.ประกันการเดินทาง:
-จะต้องครอบคลุมตลอดระยะเวลาในการเดินทางในกลุ่มประเทศเชงเก้น
-จะต้องมีผลบังคับใช้กับพื้นที่ในกลุ่มประเทศเชงเก้น
-ความคุ้มครองขั้นต่ำ30,000 ยูโรสำหรับค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉินในโรงพยาบาลหรือการส่งกลับประเทศ
-แสดงทั้งเอกสารฉบับจริงและสำเนา
-ต้องมีตราประทับของบริษัทประกันภัยและลายเซ็นผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทประกันภัยแสดงในเอกสาร
7.จดหมายเชิญที่ลงลายมือชื่อ:จดหมายจากเจ้าบ้านเป็นการยืนยันว่าผู้เชิญในสวิสเซอร์แลนด์รอคอยผู้สมัครกรณีที่ผู้เชิญไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกันกรุณาแนบจดหมายชี้แจง
*** ขอเน้นข้อนี้นะคะ หนังสือเชิญไม่จำเป็นต้องเป็นตัวต้นฉบับ แฟนเราส่งมาให้ทาง e-mail ค่ะ เนื้อความในจดหมายเชิญ หาได้ใน google เราไม่ได้ให้แฟนสปอนเซอร์ค่ะ เลยไม่ต้องมีการค้ำประกันใดๆ แค่แจ้งไปว่าแฟนจะให้ที่พัก และรับผิดชอบให้เรากลับไทยตามกำหนดการเดินทาง บอกเพิ่มเติมว่าอยากให้เราไปเที่ยวด้วยกัน ในขณะที่ยังคงเป็น winter อยู่จะได้ไปเที่ยวภูเขาและสกี แฟนเน้นย้ำว่าขอให้ทางสถานทูตเข้าใจว่าการเดินทางใกล้มาถึงแล้วและรอคอยที่จะได้เจอเรา***
8.การแสดงความสัมพันธ์:
ในกรณีที่มีความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการ(แฟนหนุ่ม/แฟนสาว)สำเนาหนังสือเดินทางของผู้เชิญ(หน้าแรกที่มีข้อมูลไบโอเมตริกซ์) หนึ่งชุดพร้อมทั้งประวัติการเดินทางของผู้เชิญและหลักฐานการติดต่อซึ่งสามารถพิสูจน์ได้(วอทแอพ, ไลน์ฯลฯ)
*** ข้อนี้เราปริ๊นรูป ตั้งแต่ที่ได้เจอกันครั้งแรก และ ทุกครั้งที่ได้เจอกันและไปเที่ยวด้วยกัน ข้อความแชท ให้เห็นว่าเราเริ่มคุยกันตั้งแต่ปี 2016 และปัจจุบันก็ยังคุยกันสม่ำเสมอ ขอเม้าท์แฟนนิด ปกติเค้าไม่ชอบถ่ายรูปค่ะ เคยเถียงกันหลายทีเรื่องที่เราชอบถ่ายรูป เค้าบอกจะถ่ายทำไมเยอะแยะ คราวนี้ได้ทีเราเลยบอกรู้ยังว่าที่ถ่ายรูปไว้เยอะแยะเพื่อการนี้แหละจ้ะ
9.หลักฐานการจ้างงานและหลักฐานทางการเงิน:
กรณีลูกจ้าง:
-หนังสือรับรองการท างานที่ออกโดยหน่วยงานหรือบริษัทต้นสังกัดของผู้สมัครระบุวันลาพักร้อนตำแหน่งในบริษัทและเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน
10.หลักฐานทางการเงินที่เพียงพอในการเดินทางเอกสารแจ้งยอดเงินฝากจากธนาคาร(Bank statement) โดยแสดงรายการเดินบัญชีอย่างน้อย3 เดือนเอกสารจะต้องเป็นฉบับจริงที่มีตราประทับจากทางธนาคารกรณีที่ผู้สมัครฯไม่อยู่ในฐานะที่จะแสดงหลักฐานทางการเงินท่านจะได้รับแบบฟอร์มการให้ความสนับสนุน(*)
11.ใบรับรองที่อยู่อาศัยที่สวิสเซอแลนด์ที่ทางอำเภอออกให้ เป็นหนังสือของทางการค่ะมีตราสแตมป์และลายเซ็นต์ ระบุว่าแฟนเราพักอยู่ตามที่อยู่นี้จริง เอกสารฉบับนี้แฟนมีอยู่แล้วเลยไม่ต้องไปขอ
12.เอกสารเช่าอพาร์ตเม้น ระบุชื่อแฟนเป็นผู้เช่า เอกสารตัวนี้แฟนก็มีอยู่แล้วค่ะ
13.Copy พาสปอร์ตแฟนหน้าแรก และหน้าที่สแตมพ์เข้า-ออกประเทศไทย
เตรียมเอกสารไปก็น้ำตาไหลไปกลัวไม่ทันเดินทาง ไหนจะต้องเสียค่าสมัครวีซ่าเพิ่ม ถ้าไม่ทันก็ต้องเลื่อนตั๋ว (อันนี้เป็นความชะล่าใจไร้สติของเราเองที่เจอตั๋วถูกปุ๊บรีบสอยเลย ไม่แน่นำให้ซื้อตั๋วก่อนได้วีซ่านะคะ ขนาดเรามั่นใจมากกิน ยังโดนถอนใบสมัคร)
เราเขียนใบสมัครเและเตรียมเอกสารเสร็จภายในวันเดียว วันที่ 20 เรารีบเข้าไปจองคิวผ่านเว๊ป VFS เลยค่ะ แต่ดันได้คิววันที่ 25 เวลา 9.30 เครียดอีกแล้ว ไหนจะต้องโดนสัมภาษณ์อีก เราเลยปรึกษากับแฟนว่าเราไม่อยากเสี่ยงให้มันกระชั้นชิดกับวันเดินทางเกินไป เราขอเข้า Premium Lounge ซึ่งเป็นห้อง VIP สำหรับ ผู้สมัคร walk in ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า เข้าไปยื่นได้เลย มีเจ้าหน้าที่ คอยบริการให้ความช่วยเหลือดูแลแบบไม่ต้องไปต่อคิว ซึ่งต้องเสียเงินอีก 2,200 บาท T-T เงินจำนวนนี้ รวมค่าส่งไปรษณีย์และsmsไปด้วยนะคะ แฟนโอเคค่ะ
เราเลยเดินทางไป VFS วันที่ 21 มีนาคม พร้อมยื่นเอกสาร และพร้อมจะเดินทางต่อไปสถานทูตเพื่อสัมภาษณ์ แต่....
เรานั่งรอที่โซฟา หลังเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเสร็จ ก็เดินมาบอก
VFS : เรียบร้อยแล้วครับ พี่จะมารับเองหรือให้ส่งไปรษณีย์
M: รับเองจ้า พี่ต้องไปสัมภาษณ์กับสถานทูตกี่โมงคะ
VFS : ไม่ต้องครับพี่ เดี๋ยวเตรียมถ่ายรูปนะครับ
เราก็งงสิ เอ๊ะ ทำไมไม่ต้องสัมภาษณ์ เราอ่านมานะะะะ ทั้งต้องสัมภาษณ์และต้องส่งเรื่องไปให้ทางสวิส approve อีกที แต่น้องบอกว่า เอกสารเราครบ เราไม่ต้องมีสปอนเซอร์ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และที่ไม่ต้องสัมภาษณ์เพราะเราเคยได้เชงเก้นท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว เราไม่รู้นะว่านี่เป็นหลักเกณฑ์ใหม่หรือว่ามีมานานแล้ว แต่ก็ดีใจมากค่ะไม่ต้องโดนสัมภาษณ์ กลับออฟฟิศไปทำงานแบบสบายใจ เริ่มกินข้าวได้แล้ว 5555
เรายื่นวันพฤหัสที่ 21 มีนาคม ช่วงเช้า เอกสารถึงสถานทูตช่วงบ่าย วันจันทร์ที่ 25 บ่ายๆเราได้พาสปอร์ตคืนค่ะ ได้มา 20 วันตามประกันการเดินทาง รอบนี้ได้แบบ single ค่ะ คิดไว้ว่าคราวหน้าค่อยยื่นแบบ multi ละกัน
ถ้ารู้ว่า Visitor Visa ง่ายและไวขนาดนี้ตั้งแต่แรกเราคงไม่เครียดและเสียเงินเยอะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะค๊าาาา
อาทิตย์หน้าเจอกันซูริคค่า
edit : ลืมเอกสารสำคัญค่ะ เพิ่มข้อ13
[CR] Schengen Visitor Visa 2019 วีซ่าเยี่ยมเยียนสวิสเซอแลนด์
เกริ่นก่อนนะคะ เราขอเชงเก้นวีซ่าท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว (2018) แต่จุดประสงค์หลักของเราเลยคือไปเยี่ยมแฟนและครอบครัว เราเตรียมเอกสารครบทุกอย่าง แบบที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งต้องทำ ขอไม่ใส่รายละเอียดนะคะ ในพันทิปน่าจะมีข้อมูลวีซ่าท่องเที่ยวอยู่เยอะ ผลคือผ่านฉลุยค่ะ ตอนแรกก็แอบหวั่นๆเพราะเดินทางคนเดียว แต่ก็ได้วีซ่ามาแบบไม่มีคำถามใดๆ
จนหลายเดือนผ่านไป ปกติแฟนจะมาเยี่ยมเราประมาณช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปีตั้งแต่คบกันมา แต่ปีนี้ท่าทางแฟนจะยุ่งมาก ทั้งทำงาน เรียน และเจียดเวลาไปสกีกับเพื่อน เราเลยลองแย๊บดูว่าเราอยากไปเที่ยวแบบนั้นมั่งจัง แฟนเลยบอกว่าถ้าอยากมาก็ต้องรีบมาทันทีที่มาได้นะ เพราะฤดูสกีกำลังจะหมดประมาณ 20 กว่าๆ เดือนมีนา เราเลยโอเคเดี๋ยวเตรียมเอกสารเสร็จละยื่นเลยละกัน ตอนที่ตกลงว่าจะไปคือวันที่ 10 กุมภาพันธ์ กำหนดการเดินทางไว้คือ วันที่ 7 มีนาคม ด้วยความชะล่าใจของเราเองเพราะการยื่นไปท่องเที่ยวครั้งแรกแค่เอกสารครบก็ผ่าน เราเลยเตรียมเอกสารเพื่อยื่นวีซ่าท่องเที่ยวอีกครั้ง เหมือนครั้งแรกเป๊ะค่ะ ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ไปยื่นที่ VFS วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เอกสารถึงสถานทูตวันที่ 18 เราก็คิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่น่าเกินอาทิตย์เราคงได้พาสปอร์ตคืน แต่...
วันที่ 19 วันหยุดมีสายมิสคอลมาจากสถานทูต เรายุ่งอยู่เลยไม่ได้รับ ใจเริ่มเสียละค่ะ โทรมาทำไม? ต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ เราพยายามติดต่อกลับไปเจอเจ้าหน้าที่ท่านอื่นที่ไม่ใช่คนที่โทรหาเรา เค้าบอกให้เรารอเจ้าหน้าที่ท่านนั้นติดต่อกลับ เราก็รอด้วยความกระวนกระวายใจมากกก ซักพักมีสายเข้ามาจากสถานทูตค่ะ เรารับเป็นฝรั่งผู้ชายค่ะ บทสนทนาแปลออกมาได้ประมาณดังนี้
P: สวัสดีครับคุณ M
M:สวัสดีค่ะ
P: ผมได้รับใบสมัครของคุณและมีข้อสงสัย
M: ค่ะ? >.<
P: บอกผมมาตามตรงว่า คุณจะไปเยี่ยมใครบางคนที่สวิสเซอร์แลนด์ใช่มั้ย
ถึงประโยคนี้ เราใจหายแว๊บเลยค่ะ คือสับสนมากว่าจะโกหกเพื่อวีซ่า หรือ จะบอกไปตรงๆ แต่ไม่มีเวลาให้คิดนานค่ะ เสี้ยววินาทีนั้นเราพูดความจริงออกไป
M:ใช่ค่ะ
P: ไปเยี่ยมใครครับ
M:แฟนค่ะ
P: ขอบคุณที่บอกตรงๆนะครับ แต่คุณควรจะให้แฟนทำหนังสือเชิญ เพื่อขอ Visitor Visa นะ
M: แต่แฟนเป็นนักศึกษาอยู่ค่ะ เลยคิดว่าถ้าขอเป็นท่องเที่ยวจะง่ายและไวกว่า
P: ให้พ่อแม่แฟนเชิญได้ครับ ผมเช็คบุคกิ้งโรงแรมที่คุณจองเพื่อยื่นวีซ่าคราวที่แล้ว คุณแคนเซิ่ลทุกบุคกิ้งเลย
M: ค่ะ T-T แต่มันใกล้จะถึงวันเดินทางแล้ว คุณแน่ใจใช่มั้ยคะว่าถ้ายื่นแล้วจะได้ทันเวลาเดินทาง
P: รีบมารับพาสปอร์ตคืนเลยครับ
M: เราโดนปฏิเสธวีซ่าใช่มั้ยคะ ? T-T
P: ไม่ใช่ครับ เป็นการถอนใบสมัคร จะไม่มีเรคคอร์ดใดๆว่าคุณโดนปฏิเสธวีซ่า แค่ยื่นใบสมัครใหม่แบบ visitor จะให้ส่งพาสปอร์ตคืนไปทาง VFS เลยมั้ย
M: เดี่ยวไปรับที่สถานทูตค่ะ
การสนทนาเป็นไปประมาณนี้ค่ะ เราไปรับพาสปอร์ตคืนและคุณเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องยื่น สรุปคือ เค้าบอกว่าที่เค้ารู้เพราะเช็คการจองแรมคราวก่อน เราแคนเซิ่ลหมดหลังจากได้วีซ่า แล้วไปนอนที่อพาร์ทเม้นแฟน T-T ประเด็นคือเราต้องยื่นเรื่องใหม่!! เสียเงินใหม่ และเหลือเวลาอีกประมาณ 14 วันก่อนเดินทาง!! เครียดสุดทั้งเราและแฟนกินข้าวไม่ลง
สิ่งแรกที่เราทำคือ google ค่ะ หาข้อมูลยื่นวีซ่าเยี่ยมเยียนสวิสเซอแลนด์ มีเยอะค่ะ แต่เอกสารไม่เหมือนกันเลย บางคนก็บอกจดหมายเชิญต้องใช้ตัวจริง บางคนบอกให้ใช้ copy เราเลยดูข้อมูลในพันทิปของคนที่ไปขอมาล่าสุด และโทรไปถาม VFS ถึงจดหมายเชิญ ทาง VFS แจ้งว่า ใช้ copy ได้จ้าาา ใจชื้นเลย เร่งเตรียมเอกสารทางฝ่ายเราและแฟน
https://www.vfsglobal.ch/Switzerland/Thailand/Thai/pdf/Schengen-Visitor-Visa-Latest.pdf
เอกสารที่ทางเราและแฟนเตรียมมีดังนี้ค่ะ
1.แบบฟอร์มคาร้องขอวีซ่า(เอกสารฉบับจริง)
2.รูปถ่าย2 ใบขนาด3.5 ซมx 4 ซม
3.หนังสือเดินทางฉบับจริง
4.หนังสือเดินทางฉบับสำเนา:
-สำเนาหนังสือเดินทาง(หน้าที่มีข้อมูลส่วนบุคคล) 2 ชุด
-สำเนาวีซ่าเชงเก้นที่เคยได้รับครั้งก่อน1 ชุด
5.เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ
เอกสารการจองตั๋วเครื่องบินจะต้องระบุชื่อผู้สมัคร(ตรงตามหนังสือเดินทาง)หมายเหตุ:กรุณาอย่าซื้อตั๋วเครื่องบินจนกว่าจะได้รับวีซ่าสถานกงสุลประจ าภูมิภาคกรุงเทพฯจะไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินทุกรณี
6.ประกันการเดินทาง:
-จะต้องครอบคลุมตลอดระยะเวลาในการเดินทางในกลุ่มประเทศเชงเก้น
-จะต้องมีผลบังคับใช้กับพื้นที่ในกลุ่มประเทศเชงเก้น
-ความคุ้มครองขั้นต่ำ30,000 ยูโรสำหรับค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉินในโรงพยาบาลหรือการส่งกลับประเทศ
-แสดงทั้งเอกสารฉบับจริงและสำเนา
-ต้องมีตราประทับของบริษัทประกันภัยและลายเซ็นผู้มีอำนาจลงนามของบริษัทประกันภัยแสดงในเอกสาร
7.จดหมายเชิญที่ลงลายมือชื่อ:จดหมายจากเจ้าบ้านเป็นการยืนยันว่าผู้เชิญในสวิสเซอร์แลนด์รอคอยผู้สมัครกรณีที่ผู้เชิญไม่ได้เป็นผู้ค้ำประกันกรุณาแนบจดหมายชี้แจง
*** ขอเน้นข้อนี้นะคะ หนังสือเชิญไม่จำเป็นต้องเป็นตัวต้นฉบับ แฟนเราส่งมาให้ทาง e-mail ค่ะ เนื้อความในจดหมายเชิญ หาได้ใน google เราไม่ได้ให้แฟนสปอนเซอร์ค่ะ เลยไม่ต้องมีการค้ำประกันใดๆ แค่แจ้งไปว่าแฟนจะให้ที่พัก และรับผิดชอบให้เรากลับไทยตามกำหนดการเดินทาง บอกเพิ่มเติมว่าอยากให้เราไปเที่ยวด้วยกัน ในขณะที่ยังคงเป็น winter อยู่จะได้ไปเที่ยวภูเขาและสกี แฟนเน้นย้ำว่าขอให้ทางสถานทูตเข้าใจว่าการเดินทางใกล้มาถึงแล้วและรอคอยที่จะได้เจอเรา***
8.การแสดงความสัมพันธ์:
ในกรณีที่มีความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการ(แฟนหนุ่ม/แฟนสาว)สำเนาหนังสือเดินทางของผู้เชิญ(หน้าแรกที่มีข้อมูลไบโอเมตริกซ์) หนึ่งชุดพร้อมทั้งประวัติการเดินทางของผู้เชิญและหลักฐานการติดต่อซึ่งสามารถพิสูจน์ได้(วอทแอพ, ไลน์ฯลฯ)
*** ข้อนี้เราปริ๊นรูป ตั้งแต่ที่ได้เจอกันครั้งแรก และ ทุกครั้งที่ได้เจอกันและไปเที่ยวด้วยกัน ข้อความแชท ให้เห็นว่าเราเริ่มคุยกันตั้งแต่ปี 2016 และปัจจุบันก็ยังคุยกันสม่ำเสมอ ขอเม้าท์แฟนนิด ปกติเค้าไม่ชอบถ่ายรูปค่ะ เคยเถียงกันหลายทีเรื่องที่เราชอบถ่ายรูป เค้าบอกจะถ่ายทำไมเยอะแยะ คราวนี้ได้ทีเราเลยบอกรู้ยังว่าที่ถ่ายรูปไว้เยอะแยะเพื่อการนี้แหละจ้ะ
9.หลักฐานการจ้างงานและหลักฐานทางการเงิน:
กรณีลูกจ้าง:
-หนังสือรับรองการท างานที่ออกโดยหน่วยงานหรือบริษัทต้นสังกัดของผู้สมัครระบุวันลาพักร้อนตำแหน่งในบริษัทและเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน
10.หลักฐานทางการเงินที่เพียงพอในการเดินทางเอกสารแจ้งยอดเงินฝากจากธนาคาร(Bank statement) โดยแสดงรายการเดินบัญชีอย่างน้อย3 เดือนเอกสารจะต้องเป็นฉบับจริงที่มีตราประทับจากทางธนาคารกรณีที่ผู้สมัครฯไม่อยู่ในฐานะที่จะแสดงหลักฐานทางการเงินท่านจะได้รับแบบฟอร์มการให้ความสนับสนุน(*)
11.ใบรับรองที่อยู่อาศัยที่สวิสเซอแลนด์ที่ทางอำเภอออกให้ เป็นหนังสือของทางการค่ะมีตราสแตมป์และลายเซ็นต์ ระบุว่าแฟนเราพักอยู่ตามที่อยู่นี้จริง เอกสารฉบับนี้แฟนมีอยู่แล้วเลยไม่ต้องไปขอ
12.เอกสารเช่าอพาร์ตเม้น ระบุชื่อแฟนเป็นผู้เช่า เอกสารตัวนี้แฟนก็มีอยู่แล้วค่ะ
13.Copy พาสปอร์ตแฟนหน้าแรก และหน้าที่สแตมพ์เข้า-ออกประเทศไทย
เตรียมเอกสารไปก็น้ำตาไหลไปกลัวไม่ทันเดินทาง ไหนจะต้องเสียค่าสมัครวีซ่าเพิ่ม ถ้าไม่ทันก็ต้องเลื่อนตั๋ว (อันนี้เป็นความชะล่าใจไร้สติของเราเองที่เจอตั๋วถูกปุ๊บรีบสอยเลย ไม่แน่นำให้ซื้อตั๋วก่อนได้วีซ่านะคะ ขนาดเรามั่นใจมากกิน ยังโดนถอนใบสมัคร)
เราเขียนใบสมัครเและเตรียมเอกสารเสร็จภายในวันเดียว วันที่ 20 เรารีบเข้าไปจองคิวผ่านเว๊ป VFS เลยค่ะ แต่ดันได้คิววันที่ 25 เวลา 9.30 เครียดอีกแล้ว ไหนจะต้องโดนสัมภาษณ์อีก เราเลยปรึกษากับแฟนว่าเราไม่อยากเสี่ยงให้มันกระชั้นชิดกับวันเดินทางเกินไป เราขอเข้า Premium Lounge ซึ่งเป็นห้อง VIP สำหรับ ผู้สมัคร walk in ไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า เข้าไปยื่นได้เลย มีเจ้าหน้าที่ คอยบริการให้ความช่วยเหลือดูแลแบบไม่ต้องไปต่อคิว ซึ่งต้องเสียเงินอีก 2,200 บาท T-T เงินจำนวนนี้ รวมค่าส่งไปรษณีย์และsmsไปด้วยนะคะ แฟนโอเคค่ะ
เราเลยเดินทางไป VFS วันที่ 21 มีนาคม พร้อมยื่นเอกสาร และพร้อมจะเดินทางต่อไปสถานทูตเพื่อสัมภาษณ์ แต่....
เรานั่งรอที่โซฟา หลังเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารเสร็จ ก็เดินมาบอก
VFS : เรียบร้อยแล้วครับ พี่จะมารับเองหรือให้ส่งไปรษณีย์
M: รับเองจ้า พี่ต้องไปสัมภาษณ์กับสถานทูตกี่โมงคะ
VFS : ไม่ต้องครับพี่ เดี๋ยวเตรียมถ่ายรูปนะครับ
เราก็งงสิ เอ๊ะ ทำไมไม่ต้องสัมภาษณ์ เราอ่านมานะะะะ ทั้งต้องสัมภาษณ์และต้องส่งเรื่องไปให้ทางสวิส approve อีกที แต่น้องบอกว่า เอกสารเราครบ เราไม่ต้องมีสปอนเซอร์ ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และที่ไม่ต้องสัมภาษณ์เพราะเราเคยได้เชงเก้นท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว เราไม่รู้นะว่านี่เป็นหลักเกณฑ์ใหม่หรือว่ามีมานานแล้ว แต่ก็ดีใจมากค่ะไม่ต้องโดนสัมภาษณ์ กลับออฟฟิศไปทำงานแบบสบายใจ เริ่มกินข้าวได้แล้ว 5555
เรายื่นวันพฤหัสที่ 21 มีนาคม ช่วงเช้า เอกสารถึงสถานทูตช่วงบ่าย วันจันทร์ที่ 25 บ่ายๆเราได้พาสปอร์ตคืนค่ะ ได้มา 20 วันตามประกันการเดินทาง รอบนี้ได้แบบ single ค่ะ คิดไว้ว่าคราวหน้าค่อยยื่นแบบ multi ละกัน
ถ้ารู้ว่า Visitor Visa ง่ายและไวขนาดนี้ตั้งแต่แรกเราคงไม่เครียดและเสียเงินเยอะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะค๊าาาา
อาทิตย์หน้าเจอกันซูริคค่า
edit : ลืมเอกสารสำคัญค่ะ เพิ่มข้อ13
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น