รวมคำถามยอดฮิต โครงการ Work and Holiday Australia (Updated 2019)

Work and Holiday (WAH) คืออะไร?
Work and holiday เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างรัฐบาลไทยและออสเตรเลีย โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดย ณ ตอนนั้นมีโควต้าวีซ่าให้ผู้เข้าร่วมโครงการ 100 คน อีกสองปีต่อมาเพิ่มเป็น 200 คนและล่าสุดในปี2552 ได้เพิ่มเป็น500 คน
และยังคง 500 คน มาถึงปัจจุบัน (ข่าวล่าสุดปลายปี 2018 มีบอกว่าอาจจะมีเพิ่มโควต้าให้เหมือนกัน)
โครงการเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปี (ยังไม่ 31ปี)
ได้ไปลองใช้ชีวิตในออสเตรเลียเป็นเวลาหนึ่งปี โดยเยาวชนเหล่านี้ต้องมีผลภาษาอังกฤษอยู่ในระดับพอใช้และจบการศึกษาขั้นต่ำปริญญาตรี
สำหรับระดับภาษาอังกฤษวัดกันโดยใช้ผลสอบ IELTS = 4.5 หรือเทียบเท่า
โดยมีข้อกำหนดเพิ่มเติมนิดหน่อยว่าของ Australia จะต้องสอบมาไม่เกิน1 ปี (นับวันที่สอบกับวันยื่นเอกสารกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน และ/หรือวันยื่นวีซ่า) โดยจะต้องมีคะแนนแต่ละพาร์ทอย่างน้อย 4.5

โครงการแบบเดียวกันมีของนิวซีแลนด์ด้วยชื่อว่า Working Holiday Scheme เริ่มพร้อมๆกัน มีโควต้า 100คนมาตั้งแต่ตอนนั้น ส่วน IELTS สอบมาไม่เกิน 2 ปี และคะแนนขั้นต่ำ overall 4.5

คำว่าลองใช้ชีวิตเป็นคำศัพท์ที่ผมเขียนขึ้นมาเองเพราะรู้สึกว่าวีซ่านี้เหมาะกับคนที่จะมาเป็นครั้งแรก คือให้เรามาลองดูว่าเราชอบประเทศนี้รึเปล่า ชอบอยู่มั้ย อยากอยู่ต่อมั้ย ทีนี้มาดูรายละเอียดคร่าวๆเกี่ยวกับวีซ่ากันดีกว่าว่าเค้าอนุญาตให้เราทำอะไรได้บ้าง
ระหว่างหนึ่งปีที่ถือวีซ่านี้เราสามารถทำได้ทั้งทำงาน เรียน หรือแค่เที่ยวเล่นเฉยๆ โดยจะมีข้อจำกัดดังต่อไปนี้
• ทำงาน สามารถทำงานกับนายจ้างคนเดียวกันได้ไม่เกิน 6 เดือน
• เรียน สามารถลงเรียนในออสเตรเลียได้ไม่เกิน 17 สัปดาห์
• ท่องเที่ยว ไม่มีข้อกำหนดในการท่องเที่ยวครับ สามารถเที่ยวได้ตลอดเวลา 1 ปีถ้ามีเงินเพียงพอจะมาเที่ยวอย่างเดียวก็ไม่ว่ากัน
วีซ่านี้เริ่มให้กับไทยมาสิบกว่าปีแล้ว (ปี 62 นี่ครบ13 ปี) อาจจะไม่นานมาก และยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายมาก แต่สำหรับประเทศอื่นๆในยุโรปและเอเชีย เช่น อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น เค้ามีวีซ่าคล้ายๆกันที่เรียกว่า Working Holiday Visa
ก็มีวีซ่ามานานแล้วหลายสิบปีครับ
รู้จักกันไปคร่าวๆแล้ว ทีนี้มาดูคำถามที่ถูกถามบ่อยๆหรือข้อเข้าใจผิดที่เกี่ยวข้องกับวีซ่า Work and Holiday กันดีกว่าครับ

1 โครงการ Work and Holiday กับ โครงการ Work and Travel เหมือนกันมั้ยคะ? 
Work and Travel เป็นโครงการที่ไปทำงานในต่างประเทศเป็นเวลาสั้นๆ โดยทั่วไปก็จะได้งาน ได้สัมภาษณ์งานเรียบร้อยก่อนไปซึ่งตรงนี้จะมีเอเจนต์ดำเนินการให้และเราก็เสียค่าดำเนินการให้เค้าไป
ขณะที่ Work and Holiday จะเป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชน โดยผู้ที่ได้รับวีซ่าในปีนั้นๆจะมีสิทธิ์ทำงาน เรียน และท่องเที่ยวเป็นเวลาหนึ่งปีอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว อย่างไรก็ตามโครงการนี้ไม่มีการหางานให้ครับ เรียกว่าไปลุยเอาเองทั้งหมด

2 มีเอเจ้นต์รับทำเรื่องวีซ่านี้มั้ยคะ ทำยากมั้ย เสียเงินเยอะมั้ย?
ถ้าถามว่ามีมั้ยตอบว่ามีครับ แต่จริงๆแล้วมันผิดกติกาและวัตถุประสงค์ของวีซ่านี้ อย่างทางกรมกิจการเด็กและเยาวชนเองก็เขียนย้ำว่าควรให้ทำเอง ดังนั้นแนะนำว่าให้ยื่นด้วยตัวเองจะดีกว่า เพราะไม่ได้ยากอะไรครับ
และ Thaiwahclub ก็มีสรุปเนื้อหา มี event ต่างๆให้ข้อมูลให้ ตลอดจากไลน์กรุ๊ปไว้ส่งข่าวสารกัน
ค่าใช้จ่ายในการสมัครวีซ่านี้รวมถึงค่าตั๋วเครื่องบินและพอกเกตมันนี่ผมเขียนไว้ในบทความนี้ครับ
http://www.thaiwahclub.com/article-wah/australia/27-initial-budget-australia.html

3 เวลาสมัครโครงการต้องใช้ผล IELTS ใช่มั้ยคะ ต้องใช้ General Training หรือ Academic Module คะ?
สามารถใช้ได้ทั้งสองแบ แต่โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่พบว่าแบบ General Training จะง่ายกว่า (คนส่วนมากว่าแบบนั้น)
ดังนั้นถ้าจะสอบมาโครงการนี้เฉยๆ ก็สอบ General Training ก็สามารถใช้ได้ในการสมัคร
อย่างไรก็ตามถ้ามีแผนตั้งใจมาเรียนต่อหลังจากหมดวีซ่านี้สอบแบบ Academic  Module ไว้ก็จะใช้ได้ครอบคลุมกว่าครับ

4 แล้วถ้าไม่มีผลสอบ IELTS ได้มั้ยครับ?
ถ้าไม่มีผลสอบไอเอลท์มาและจบปริญญาตรีในไทย ก็ต้องเรียนจบปริญญาตรีที่สอนเป็นภาษาอังกฤษมาครับ ตรงนี้หมายรวมถึง Post Secondary Qualitifications ที่มีระยะเวลาของคอร์สอย่างน้อยสองปี
แต่จะสามารถใช้ระยะเวลาหนึ่งปีได้ถ้าเป็น Diploma ขึ้นไปในออสเตรเลีย (เรียนภาษา เรียนเอกภาษาอังกฤษแต่ไม่ใช่ English program ก็ไม่ได้)

5 ผมอ่อนภาษาอังกฤษมากๆเลยครับ สอบแล้วได้ไม่ถึง 4.5 แน่นอน ทำยังไงดีครับ ?
ถ้าภาษาอ่อนมากๆแต่ยังไม่เคยสอบเลย ก็แนะนำให้ลองไปสอบดูก่อนครับเพราะเลเวลที่เรากะเองอาจจะไม่เท่ากับที่เค้าวัดแบบมีมาตราฐาน

 
6 สมัครได้เมื่อไหร่คะ โครงการนี้ ติดตามข่าวสารได้ที่ไหน ควรทราบอะไรก่อนบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว โครงการจะเปิดรับในช่วงต้นเดือนมิถุนายน หรือ กรกฏาคม แต่ละปีก็อาจจะต่างกันได้
ดังนั้นให้ติดตามข่าวดีๆครับ โดยติดตามได้ใน กรมกิจการเด็กและเยาวชน
ทาง Thaiwahclub ก็จะมี LINE, Facebook กรุ๊ปและจัด event ให้เรื่อยๆครับ

7 ใช้เวลานานมั้ยครับกว่าจะได้วีซ่า เดินทางได้เมื่อไหร่?
ล่าสุด (Jan 2018)ในเว็บของ Immigration แจ้งไว้ว่า
75% ของ applications จะใช้เวลา24 วัน และ 90% ใช้เวลา32 วัน
เมื่อได้วีซ่าเเล้วจะต้องเข้าประเทศเค้าภายใน 1 ปีพอเข้าไปแล้วนับอายุวีซ่าไปอีก 1 ปี

8 คนสมัครเยอะมั้ยครับปีนึง ต้องสอบแข่งกันมั้ย แล้วเค้าให้เราไปได้ปีละกี่คนครับ?
คนสมัครปีนึงค่อนข้างเยอะ ไม่ต้องสอบแข่งกันครับ เอกสารครบ ยื่นทัน ก็สามารถมาได้เลยโครงการ Work and Holiday Australia เริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 มาถึงตอนนี้ (2562)  ก็เป็นปีที่13 แล้วครับ 2 ปีแรกให้มาปีละ100 คน 2 ปีถัดมาให้มาอีกปีละ200 คน และล่าสุดในปี 2552 ก็ได้โควต้าเพิ่มเป็น500 คนและยังเป็น 500 คนมาจนถึงปีนี้ครับในขณะที่โควต้าของ Working Holiday New Zealand มีโควต้าวีซ่าปีละ 100 ที่ครับ
การสมัครรอบที่ลุ้นเยอะสุดก็จะเป็นรอบขอโควต้าออนไลน์กับทางกรมกิจการเด็กและเยาวชนที่จะเต็มภายในเวลาไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง
9 ได้ยินมาว่าถือวีซ่านี้ต้องไปทำงานฟาร์มอย่างเดียวจริงมั้ยคะ?ไม่จริงอย่างจริงจังครับ เราสามารถทำงานอะไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่เกินหกเดือนต่อหนึ่งนายจ้าง (จริงๆก็มีอาชีพที่เค้าห้ามอยู่เหมือนกัน แต่ว่ามักจะเป็นอาชีพที่เรามักจะไม่ทำกันอยู่แล้ว เช่น ช่างทำตุ๊กตา เป็นต้น)
10 เราถือวีซ่านี้แล้วจะให้แฟนติดตามเราได้มั้ยคะ?ไม่สามารถทำได้ครับ เพราะว่าวีซ่านี้กำหนดให้เราเดินทางคนเดียว ไม่มีผู้ติดตามอนึ่ง คำว่าเดินทางคนเดียวไม่ได้แปลว่ามากับเพื่อนไม่ได้นะครับ จะมากับแฟนก็ได้เหมือนกันเพียงแต่ต้องขอวีซ่าของตัวเองมาแยกกันครับ
สำหรับผู้ที่มากับแฟน ไม่ว่าแฟนจะเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ก่อนแล้ว หรือแฟนจะถือ Work and Holiday Visa มาด้วยกัน และยังไม่แน่ใจว่าจะกลับมาด้วยกันมั้ย ผมแนะนำว่าให้เก็บหลักฐานร่วมกันเอาไว้ก่อนครับ เผื่อวันหน้าเราจะกลับมาออสเตรเลียด้วยกันอีกก็จะได้มีหลักฐานพร้อมครับ

11 เราถือวีซ่านี้แล้วสามารถเรียนภาษาได้มั้ยคะ ?
ตามกำหนดว่าเค้าให้เราเรียนได้ไม่เกิน 17 สัปดาห์ เราสามารถเรียนอะไรก็ได้รวมถึงภาษาด้วยสำหรับคนที่เค้าวางแผนว่าจะเรียนโทกัน อาจจะลงเรียนภาษาแบบที่เรียกว่า EAP หรือ Direct Entry ก่อน ซึ่งทำให้ไม่ต้องสอบ IELTS แล้วเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยได้เลย อย่างไรก็ตามต้องเลือกมหาลัยและสถาบันภาษากันอีกทีนะครับ ไม่ใช่เลือกเรียนภาษาที่ไหนก็เข้ายูไหนก็ได้อ่านเกี่ยวกับระบบการศึกษาและและคอร์สเรียนต่างๆได้ใน เรียนต่อ Australia ครับ

12 คนที่ถือวีซ่านี้ไปเรียนภาษากันเยอะมั้ยครับ?
อยู่ที่คนเลยครับ แต่ถ้าให้แนะนำ ถ้ามีทุนทรัพย์ก็เรียนไปดีกว่าถ้าภาษายังไม่แข็งเเรง เพราะการเรียนนอกจากบทเรียนที่ได้เรียนแล้วก็จะได้รู้จักเพื่อนต่างชาติ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศอื่นๆ และได้คอนเนคชันจากรร. รวมถึงได้สกิลเพิ่มเติม (เช่นเรียนภาษา + ทำกาแฟ เป็นต้น)
สำหรับข้อดีของการเรียนภาษาตั้งแต่ไปถึงใหม่ๆ ก็คือ
- ได้เพื่อน ได้ภาษา ทำให้มีโอกาสในการหางานมากขึ้น มีโอกาสได้งานที่ดีกว่าไปใหม่ๆ
- รร.หลายๆที่มีบริการหางานให้นักเรียนด้วยซึ่งก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมว่ากันไป
ทั้งนี้ถ้าใครไม่สะดวกเรียน ไม่ว่าจะด้วยเวลาหรือทุนทรัพย์ วีซ่านี้ไม่บังคับให้ต้องเรียนครับ

13 ผมอยากไปเก็บเงินเรียนโทครับ จะเก็บเงินได้พอค่าเรียนโททั้งหมดมั้ยครับ?
ถามว่าจะเก็บเงินพอค่าเรียนโททั้งหมดเลยมั้ยผมว่าคงต้องทำงานหนักกันจริงจังเหมือนกันครับคิดกันคร่าวๆว่าค่าเทอมเรียนมหาวิทยาลัยที่นี่เทอมละประมาณ12,000-20000 ดอลต่อเทอม ค่าใช้จ่ายในการเรียนโท 1 ปี ค่าเรียนประมาณ 24,000-40000 เหรียญ และโปรแกรมส่วนมากจะยาว 2 ปี ก็คือ 48000-80000 เหรียญ
ตรงนี้ลองคิดจากค่าเรียนถูกสุดที่ 12000 เหรียญให้ดู
สมมติคิดกันว่ามาเดือนแรกยังไม่ได้งานจริงจัง เราจะคิดเงินเก็บจาก11 เดือน ซึ่งก็คือ 44 สัปดาห์ หารมาเป็นต่อสัปดาห์จะต้องเก็บได้ 545 เหรียญเป็นอย่างน้อย อันนี้ยังไม่รวมค่ากินอยู่ นั่นแปลว่าจะต้องมีรายได้ไม่น่าจะต่ำกว่า 700 เหรียญต่อสัปดาห์ครับ ซึ่งถ้าขยันทำงานก็เป็นไปได้ครับผมถ้าขยัน อย่างไรก็ตามเมือมาถึงจริงๆแล้วความไม่แน่นอนมันจะเยอะครับ ไม่ได้เป็นไปตามแผนทุกอย่าง ดังนั้นส่วนตัวผมแนะนำวิธีที่ไม่กดดันมากจะดีกว่า โดยให้เก็บเงินให้พอเรียนสักอย่างน้อย 50% ของค่าเรียนทั้งหมด กับค่าเรียนภาษาในกรณีที่ไอเอลท์ยังไม่ถึง 6.0-6.5 แล้วก็มาลุยต่อดีกว่าครับ ถ้าทางบ้านช่วยได้บ้างก้ยิ่งดีครับ
ทั้งนี้การเก็บเงินเรียนโทเป็นไปได้แต่ก็ต้องอาศัยการวางแผนที่ดีมากๆด้วย ลองอ่านประสบการณ์และการวางแผนของรุ่นพี่ดูได้ครับ
http://www.thaiwahclub.com/activity/42/Interview-Win/
ปล.สมัยนี้มีวีซ่า 2nd WAH แล้ว ใครจะเก็บเงินหรืออะไรก็วางแผนกันดีๆครับ

14 ไปครั้งแรก ภาษาไม่ดีเท่าไหร่ ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไปเมืองไหนดีคะ?
ไปเมืองไหนอันนี้แล้วแต่ชอบเลยครับ ถ้าชอบเงียบๆ ชอบธรรมชาติก็ไปเมืองเล็กๆหน่อย ชอบแสงสีก็อาจจะเลือก Sydney เป็นต้น
อย่างไรก็ตามที่ว่าภาษาไม่ดีก็อาจจะมี 2 ทางเลือกครับ 14.1) เลือกไปเมืองใหญ่ๆ เพราะคนไทยเยอะมีอะไรก็อาจจะช่วยเหลือกันได้14.2) เลือกเมืองเล็กๆแบบคนไทยน้อยๆไปเลย แล้วไปฝึกตัวเองเอา บังคับให้ได้ภาษาไปในตัวครับข้อดีข้อเสียต่างกันไปครับแต่ละเมือง ไม่มีที่ไหนดีกว่ากันแล้วแต่ชอบมากกว่าครับ อย่างไรก็ตามการรู้จักเพื่อนๆไว้มีข้อดีเสมอ เพราะส่วนมากการที่เราจะได้งานก็มักจะมาจากคอนเนคชันนี่แหละครับ (ที่ออสเตรเลียเรียกว่า networking)

มีต่อด้านล่างครับ (ตัวอักษรจะเกิน limit)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่