"เพราะเราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของทางช้างเผือกแห่งนี้"
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคนครับ
วันนี้ Avant-Garde Adventure จะขอพาทุกคนไปตามหาทางช้างเผือกบนดอยม่อนจองกัน พร้อมแนะนำการตั้งค่าและเทคนิคสำหรับการถ่ายภาพทางช้างเผือกที่คนมีกล้องทุกคนสามารถนำไปใช้กันได้ครับ
ดอยม่อนจอง
เป้าหมายการขึ้นดอยของเราในครั้งนี้คือ การไปถ่ายรูปทางช้างเผือก ปัจจุบัน ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 6 ในประเทศไทย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,925 เมตร ม่อนจอง ชื่อนี้เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ และสายถ่ายรูปกันมากขึ้น เพราะว่าเป็นยอดดอยที่มีภูมิทัศน์สวยงามโดยเฉพาะจุดสูงสุดที่เรียกว่า "ยอดหัวสิงห์" ที่หน้าตาคล้ายหัวสิงโต ระหว่างทางเดินมีมุมสวยๆ แปลกตาให้แวะถ่ายภาพ และใช้เวลาเพียง 2 วัน 1 คืนเราก็จะได้อยู่กับธรรมชาตที่ยิ่งใหญ่แล้วครับ
กล้อง Canon EOS M50
สำหรับนักท่องเที่ยวสายแบคแพค “น้ำหนักทุกกรัม” ที่สะพายอยู่บนบ่าของเรานั้นมีความหมาย และกล้องถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินทางของเรา Avant-Garde Adventure
ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ทาง Canon Thailand ได้ให้เราพกกล้อง Canon EOS M50 พร้อม Lens Kit EF-M 15-45mm [ f/3.5-6.3 IS STM ] และ Lens Wide Canon EF-M 11-22mm [ f/4-5.6 IS STM ] ไปขึ้นดอยม่อนจอง ซึ่ง Canon EOS M50 ถือเป็นกล้อง Mirrorless ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมกับรูปลักษณ์ที่ทั้งเล็กและเบา ซึ่งทั้งเซตนี้น้ำหนักรวมกันเพียง 740 กรัมเท่านั้น (รวมแบตเตอรี่และ SD Card แล้ว) ซึ่งตอบโจทย์กับการเดินทางของเราในครั้งนี้สุดๆ ขอขอบคุณทาง Canon Thailand ด้วยครับ และมาติดตามกันครับว่าเราต้องตั้งค่ากล้องเพื่อถ่ายภาพทางช้างเผือกด้วยเจ้า Canon EOS M50 ยังไงกันบ้าง
เพื่อนๆ ที่สนใจกล้องรุ่นนี้ น้าโอ๋ เจ้าสำนักป้ายยา ได้บรรยายสรรพคุณแบบจัดเต็มไว้แล้วครับ สามารถดูรายละเอียดกล้อง Canon EOS M50 ได้ที่กระทู้
ทางช้างเผือก (Milky Way)
เราขออธิบายด้วยภาษาง่ายๆ ว่า ทางช้างเผือก คือกลุ่มของดาวฤกษ์จำนวนมากในอวกาศ (ดาราจักร) ที่เรามองเห็นจากโลกในเวลาค่ำคืน ซึ่งประมาณกันว่ามีจำนวนมากถึง 4 แสนล้านดวง เลยทีเดียว หากมองด้วยตาเปล่าเราจะเห็นทางช้างเผือกเป็นเหมือนริ้วแสงสีขาวๆ บนท้องฟ้า ซึ่งสวยงามมากทีเดียว การที่จะเห็นทางช้างเผือกแบบที่บอกไปนั้นต้องอาศัยองค์ประกอบหลักๆ คือ สถานที่ที่เราอยู่ต้องมืด ปราศจากมลภาวะทางแสงมารบกวน และอยู่ช่วงเวลาที่เหมาะสม หากสองสิ่งที่ว่ามีครบ จะทำให้เรามองเห็น และถ่ายรูปทางช้างเผือกออกมาได้นั่นเองครับ และดอยม่อนจองคือหนึ่งในสถานที่นั้น
การเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง
1. กล้อง และ เลนส์
อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินทางครั้งนี้ เราพกเจ้า Canon EOS M50 พร้อมเลนส์หลัก 2 ตัว EF-M 15-45 mm และ EF-M 11-22 mm ที่ทั้งน้ำหนักเบา และประสิทธิภาพดีไปด้วย นอกจากนี้ที่ห้ามลืมเลยคือ แบตเตอรี่ SD Card และขาตั้งกล้องครับ ถ้าลืมได้มีงานเข้าแน่นอน เขียนเอาไว้ข้างเตียงเลยครับ
2. ทบทวนการถ่ายภาพในโหมด M (Manual) และการตั้งระยะโฟกัสเอง (Manual Focus – MF)
การถ่ายภาพในโหมด M (Manual) – โหมดถ่ายภาพนี้เราสามารถควบคุมทั้ง ค่ารูรับแสง (Aperture) ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed) และค่า ISO ได้เองทั้งหมด ซึ่งเราสามารถนำหลักการของ 3 เรื่องนี้ มาถ่ายภาพในหลากหลายสถานการณ์ และการใช้งานหลักๆ ของเราในครั้งนี้คือ การถ่ายทางช้างเผือกครับ ซึ่งเน้นการตั้งค่า F ให้กว้างที่สุด (ค่า Fน้อยที่สุดของเลนส์) ที่เราจะใช้งานเช่น เลนส์ EF-M 15-45 ตั้งค่า F กว้างสุดที่ 3.5 หรือ เลนส์ EF-M 11-22mm กว้างสุดที่ F4 ครับ ส่วนค่าความเร็วชัตเตอร์ ให้ตั้งที่นานๆ ไว้ก่อนครับครับคือที่ 30 วินาที และค่า ISO 6400 ค่าทั้งสามค่านี้สามารถปรับได้เพื่อให้ได้ภาพที่มีความสว่างเหมาะสมที่สุดครับ ซึ่งค่าที่เราตั้งไว้นี้จะทำให้กล้องเราสามารถเก็บแสงของดวงดาว หรือแม้แต่ทางช้างเผือกได้ครับ
การตั้งระยะโฟกัสเอง (Manual Focus – MF) - ทุกคนคงจะคุ้นชินกับการใช้งานระบบ Auto Focus ที่มากับกล้องกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะ Canon EOS M50 ที่มาพร้อมระบบ Dual Pixel CMOS AF ที่สามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำสูง แต่ก็จะมีบางสถานการณ์ที่เราต้องเลือกการตั้งระยะโฟกัสเอง (Manual Focus – MF) เช่น การถ่ายภาพในสถานที่มืดมากๆ เช่น ถ่ายดาว และทางช้างเผือก เป็นต้น
ถ่ายโดย CANON EOS M50 + EFM 11-22 mm (การตั้งค่า ระยะ 11 mm, F14, Shutter 14 Sec, ISO100)
3. การปรับตั้งค่ากล้องสำหรับถ่ายทางช้างเผือก
การเตรียมตัวก่อนไปถ่ายทางช้างเผือก เรามาลองตั้งค่ากล้องกันก่อนครับ ตอนไปหน้างานแล้วจะได้ตั้งค่าได้อย่างรวดเร็วไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญๆ และเจ้า Canon EOS M50 นั้นมาพร้อมกับจอสัมผัสที่พับหมุนได้ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานในทุกมุมมองเลยครับ
3.1 Image Quality - เราเลือกใช้งานที่ขนาดใหญ่สุด 24 ล้านพิกเซลเต็มประสิทธิภาพกล้องเลยครับคือถ่ายแบบ Raw+JPEG L ยิ่งถ้าใครชอบแต่งรูปอย่าลืมเลือกไฟล์ Raw ไว้ด้วยนะครับสนุกแน่นอน
3.2 Drive Mode - โหมดการถ่ายที่เราใช้บ่อยๆ ก็คือ One Shot แบบกดปุ๊บถ่ายปั๊บ ทันใจเสมอๆ แต่โหมดที่เราจะได้ใช้ในการเดินทางครั้งนี้คือ การเลือกใช้ Self Timer – 10 Sec หรือถ่ายแบบตั้งเวลานับถอยหลัง 10 วินาที สำหรับการถ่ายทางช้างเผือกครับ ช่วยลดการสั่นไหวของกล้องจากการกดปุ่มชัตเตอร์ของเราได้ หรือใครสะดวกใช้งาน App Camera Connect เพื่อกดถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือก็ได้เช่นกันครับ
3.3 ISO Speed Setting - หรือค่าความไวแสงของกล้อง ถ้าตั้งค่า ISO สูงจะทำให้เราได้ภาพที่มีความสว่างมากขึ้น โดยปกติสำหรับผู้ใช้กล้องทั่วไปสามารถเลือกตั้งค่า ISO เป็น Auto ได้ ซึ่งสะดวกดีครับ แต่หากค่า ISO มากไปก็ไม่ดี เพราะจะเกิดสัญญาณรบกวนในภาพหรือที่เรียกว่า น๊อยส์ (Noise) – จุดสีเล็กๆในภาพนั่นเอง สำหรับการถ่ายทางช้างเผือกในครั้งนี้เราจะเริ่มต้นตั้งค่าที่ ISO 6400 เพื่อเก็บแสงดาวให้ได้มากๆ จากนั้นค่อยมาตัดสินใจกันอีกทีว่าจะเพิ่มหรือลดค่า ISO
3.4 White Balance - ปกติเรามักจะเลือกเป็น Auto กัน แต่สำหรับการถ่ายทางช้างเผือกเราจะเลือกแบบ Color Temp ครับ โดยกำหนดค่าเป็น K หรือเคลวินเอง ค่าที่แนะนำในการถ่ายทางช้างเผือกอยู่ที่ 3700-4000 K เบื้องต้นขอตั้งค่าที่ 4000K ครับ (แต่ถ้าเราเลือกถ่ายแบบไฟล์ Raw ไว้เราสามารถปรับค่าในโปรแกรม Lightroom หรือ Photoshop ทีหลังได้ครับ)
3.5 Picture Style - เพื่อให้ได้ภาพหลังกล้องที่สวยงามในระดับหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการไปแต่งภาพเพิ่มเติม เราจะเลือกตั้งค่า Picture Style แบบกำหนดเองโดยเราจะเพิ่มค่า Sharpness (ความคมชัด) ค่า Contrast (ความเปรียบต่างของส่วนมืดและสว่าง) และค่า Saturate (สีสันของภาพ) ให้เพิ่มขึ้น ตั้งค่าเรียบร้อยให้กด Set เก็บไว้ครับ เวลาจะใช้ถ่ายทางช้างเผือกก็เลือก User Def.1 ที่เราตั้งค่าไว้แล้ว
เข้าที่เมนู Picture Style
เลือก User Def.1 กด INFO. Detail Set.
ปรับค่า Sharpness ค่า Contrast และค่า Saturate ให้เพิ่มขึ้น จากนั้นกด Save ที่ปุ่ม Menu เสร็จเรียบร้อยครับ
3.6 Long Exposure Noise Reduction - เราจะเปิดโหมดนี้ไว้เพื่อลดน็อยส์ (Noise) ในภาพเวลาเราใช้ความเร็วชัตเตอร์นานหลายวินาที หรือใช้ค่า ISO สูงๆ ให้เลือก ON ได้เลยครับ
3.7 High ISO Speed NR - เช่นเดียวกันครับเวลาเราใช้ค่า ISO สูงๆ เปิดโหมดนี้ไว้เพื่อลดน็อยส์ (Noise) โดยเลือกระดับStandard หรือ High ได้เลยครับ
3.8 Focus Mode - เนื่องจากเวลาถ่ายทางช้างเผือก รอบตัวเราจะมืดมากๆ ทำให้การใช้งาน Auto Focus ทำได้ไม่สะดวก เราจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ MF (Manual Focus) หรือการหาระยะโฟกัสเองครับ
ส่วนวิธีการหาระยะโฟกัสแบบ Manual มีขั้นตอนไม่ยากดังนี้ครับ
1. เลือกการโฟกัสเป็น MF จากนั้นหันกล้องไปยังวิว หรือวัตถุที่เราต้องการถ่าย ซึ่งภาพที่แสดงอยู่ตอนนี้มักจะเบลอ ไม่คมชัด เพราะกล้องอยู่ในโหมด Manual Focus แล้ว
2. กดปุ่มซูมรูปแว่นขยายบริเวณมุมชวสบนของตัวกล้อง เพื่อขยายภาพ Live view บนหน้าจอตามต้องการเพื่อดูความคมชัดของวัตถุในภาพครับ
3. จากนั้นหมุนวงแหวนปรับระยะโฟกัสบนเลนส์ โดยค่อยๆ หมุนทีละนิด (มักจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา) จนภาพ Live view ที่อยู่บนจอคมชัดขึ้นมา ทั้งนี้เราสามารถใช้ตัวช่วยคือเครื่องมือที่ชื่อ MF Peaking โดยเมื่อเปิดใช้งาน กล้องจะแสดงแถบสีแดงบนขอบวัตถุในภาพ ที่ตอนนี้อยู่ในระยะโฟกัส (คมชัดแล้ว) ให้เราเห็นทันทีเพื่อรู้ว่าตอนนี้กล้องเราโฟกัสที่จุดไหนบ้าง เป็นฟังก์ชั่นที่เหมาะกับคนที่ใช้งานโฟกัสแบบ Manual มากๆ
ก่อนจะไปต่อกันในความเห็นที่ 2 ฝากเพื่อนๆ กด Like
กด Share
กระทู้นี้กันด้วยนะครับ
[SR] Canon EOS M50 ชวนขึ้นดอยม่อนจอง พร้อมเทคนิคถ่ายทางช้างเผือก by Avant-Garde Adventure
1. กล้อง และ เลนส์
อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในการเดินทางครั้งนี้ เราพกเจ้า Canon EOS M50 พร้อมเลนส์หลัก 2 ตัว EF-M 15-45 mm และ EF-M 11-22 mm ที่ทั้งน้ำหนักเบา และประสิทธิภาพดีไปด้วย นอกจากนี้ที่ห้ามลืมเลยคือ แบตเตอรี่ SD Card และขาตั้งกล้องครับ ถ้าลืมได้มีงานเข้าแน่นอน เขียนเอาไว้ข้างเตียงเลยครับ
3.1 Image Quality - เราเลือกใช้งานที่ขนาดใหญ่สุด 24 ล้านพิกเซลเต็มประสิทธิภาพกล้องเลยครับคือถ่ายแบบ Raw+JPEG L ยิ่งถ้าใครชอบแต่งรูปอย่าลืมเลือกไฟล์ Raw ไว้ด้วยนะครับสนุกแน่นอน
3.8 Focus Mode - เนื่องจากเวลาถ่ายทางช้างเผือก รอบตัวเราจะมืดมากๆ ทำให้การใช้งาน Auto Focus ทำได้ไม่สะดวก เราจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ MF (Manual Focus) หรือการหาระยะโฟกัสเองครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น