“กำแพงสีเหลือง” เพชรล้ำค่าแห่งดอร์ทมุนด์

เชื่อว่าแฟนบอลชาวไทยหลายคนคงเคยมีประสบการณ์ได้ไปชมการแข่งขันฟุตบอลแบบสดๆ ถึงขอบสนามกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในระดับสโมสร เช่น ไทยลีก หรือการแข่งขันในระดับทีมชาติ ต้องยอมรับว่าบรรยากาศจริงในสนามนั้นแตกต่างกับการนั่งลุ้นผ่านหน้าจอโทรทัศน์หรือสมาร์ทโฟนซะเหลือเกิน


พลังเสียงเชียร์จากข้างสนามที่ดังกระหื่มสามารถส่งแรงกระตุ้นนักเตะให้ฮึกเหิมขึ้นได้อย่างเหลือเชื่อ จนนับได้ว่ากองเชียร์คือผู้เล่นคนที่ 12 ของทีมเลยทีเดียว สำหรับทีม “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็มีผู้เล่นคนที่ 12 เช่นกัน พวกเขาถูกขนานนามว่า “กำแพงสีเหลือง” ซี่งหมายถึงเหล่ากองเชียร์บนอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ของสนาม ซักนัล อิดูน่า พาร์ค นั่นเอง


แม้อาจจะมองไม่เห็นได้จากดวงจันทร์ แต่พลังเสียงเชียร์ของพวกเขานั้นกระหึ่มไปถึงดวงดาวเลยทีเดียว ด้วยความยาว 328 ฟุตและสูง 131 ฟุต อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ (Südtribüne) ของทีมดอร์ทมุนด์สามารถจุคนได้ทั้งอำเภอ เสียงร้องคำรามดังสนั่นจากกองเชียร์สโมสรชุดสีดำ-เหลืองแห่งนี้สามารถข่มขวัญคู่แข่งให้เฉาลงได้ง่ายๆ และในขณะเดียวกันก็เพิ่มความฮึกเหิมให้ขุนพลทีมเจ้าบ้านได้อย่างน่ากลัว

“ถ้าคุณคือคู่แข่ง มันจะบดขยี้คุณ และถ้าคุณเป็นโกล์ที่มีพวกเขาอยู่ด้านหลัง มันจะเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์สุดๆ” โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ อดีตนายทวารทีมเสือเหลืองที่เพิ่งแขวนถุงมือไปกล่าวถึงกำแพงสีเหลือง

แฟนบอลกว่า 25,000 คนแห่กันมาจากคนละทิศเพื่อมาเข้าชมการแข่งขันแต่ละนัดที่ดอร์ทมุนด์เป็นเจ้าบ้าน ไม่ว่าพวกเขาจะประกอบอาชีพอะไร คนขายเนื้อ คนอบขนมปัง หรือกรรมกร แต่เมื่อพวกเขาเดินเข้ามานั่งในพื้นที่ 75,347 ตารางฟุตแห่งนี้แล้ว ทุกคนจะรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อส่งพลังให้กับทีมรักยิงประตูคู่แข่ง และป้องกันเกมรุกของคู่ต่อสู้เช่นกัน


“อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้มีพลังอันเหลือเชื่อ นักเตะคู่แข่งมากมายกลัวพวกกองเชียร์และเสียงกระหึ่มอันน่าเกรงขามนั้น” นอร์แบร์ต ‘น๊อบบี้’ ดิกเคล อดีตนักเตะและโฆษกสนามกล่าว “เมื่อเริ่มต้นการแข่งขันและแฟนบอลบนนั้นร้องเพลงเชียร์ มันวิเศษมากๆ นี่คือหัวใจของดอร์ทมุนด์อย่างแท้จริง”

สำหรับแฟนบอลที่ยืนอยู่ในอัฒจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้ ก็ยังสามารถรู้สึกได้ว่ามีการสั่นไหวอยู่ภายใต้โครงสร้างอัฒจันทร์นั้น และสำหรับคนที่มองเข้าไปในสนาม ก็จะมีความรู้สึกเหมือนอยู่บนอีกโลกนึงเลยทีเดียว

“การเดินลอดอุโมงค์มืดออกสู่สนามนั้นเหมือนเกิดใหม่เลย” เยือร์เก้น คล็อปป์ อดีตกุนซือทีมเสือเหลืองกล่าว “คุณเดินออกไปแล้วสนามก็ระเบิดตูมออกมา จากความมืดสู่แสงสว่าง หันไปทางซ้ายก็เหมือนมีคน 150,000 คนยืนอยู่บนนั้น มันบ้าสุดๆ”


คำว่า “กำแพงสีเหลือง” นั้นถูกเริ่มใช้ในปี 2005 ส่วนสนาม ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค หลังจากถูกใช้เป็นสังเวียนแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1974 แล้วก็มีการปรับปรุงขยายความจุหลายครั้ง จนทุกวันนี้สนามแห่งนี้กลายเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนีด้วยความจุ 81,365 ที่นั่ง อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ที่เคยจุคนได้ 12,000 คนก็ถูกขยายจนสามารถจุคนได้เพิ่มเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว

“หากนั่งตรงที่นั่งด้านหน้าสุด คุณก็เกือบจะสามารถเอื้อมมือไปเกาหลังผู้รักษาประตูได้เลย ส่วนบริเวณที่นั่งบนสุดใต้หลังคาจะเห็นเป็นมุมแคบ 37 องศาเหมือนสกีกระโดดเลยทีเดียว” หนังสือพิมพ์ “ชปีเกล” บรรยายเกี่ยวกับอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ของสนามแห่งนี้ไว้

“แน่นอน มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก มันคืออะไรที่แตกต่าง มันมอบพลังในทางบวกให้คุณได้” เพเทอร์ ชเตอเกอร์ อดีตเทรนเนอร์ดอร์ทมุนด์กล่าว

บาสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์ ตำนานแข้งระดับซุปตาร์ของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค เคยถูกถามก่อนการแข่งขันกับดอร์ทมุนด์ว่ากลัวผู้จัดการทีมหรือนักเตะทีมคู่แข่งมากกว่ากัน ซึ่งบาสตี้ตอบไปว่า “ที่น่ากลัวสุดๆ คือกำแพงสีเหลืองต่างหาก!”

ก่อนเริ่มการแข่งขันทุกครั้ง แฟนบอลเสืองเหลืองจะร่วมกันร้องเพลง "You'll Never Walk Alone" และเมื่อทีมยิงประตูได้ เราจะได้เห็นแก้วเบียร์บินว่อน พร้อมกับเหล่าแฟนบอลที่ฉลองดีใจกันอย่างบ้าคลั่ง!


“กำแพงสีเหลือง” ถือว่าเป็นการผสมรวมกันระหว่างความรักและความโกลาหลโดยแท้ งดงาม มหัศจรรย์ เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และไม่มีใครเหมือน มันคือศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของแฟนบอลที่ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วยังน่าขนลุกสำหรับคนภายนอกที่มองเข้าไป น่าอิจฉาแฟนๆ ของดอร์ทมุนด์จริงๆ

credit : www.siamsport.co.th
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่