เคยไปพม่ากันรึยังคะ ...
ตอนแรกที่ได้ยินคนชวนว่า ไปพม่ามั้ย? มีคนชวนไปหลายครั้ง หลายหน คำถามก็คือ ไปทำไม ไปทำอะไร เห็นมีแต่เจดีย์ วัด อาหารจะกินได้มั้ย ไม่เห็นมีอะไรให้ซื้อ ไปแล้วจะได้กลับมารึเปล่า คนที่นั่นโหดเหมือนกับที่เราเห็นข่าวในทีวีมั้ยนะ ที่สำคัญ... หาได้มีความรู้เกี่ยวกับพม่าไม่ ... แค่คิดก็หนาวละ 😱
คนอื่นจองตั๋วข้ามปี ได้ในราคา 2000+ เราเพิ่งตัดสินใจ ก็เลยได้ตั๋วราคา 3500 (พอจ่ายไหว) บินแปบเดียว ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว (บินตอน 4 โมงเย็น ถึงประมาณ 6 โมง เวลาพม่าช้ากว่าบ้านเราครึ่งชั่วโมง) ไกด์ท้องถิ่นที่ติดต่อไว้ ส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เครื่องยังไม่ take off ว่า มารอที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว 😊
ไกด์ท้องถิ่นคนนี้ ชื่อ Zin เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ค่อนข้างท้วม ใส่โสร่งมายืนรอ หน้าตาใจดี พูดภาษาอังกฤษได้ดี และสื่อสารภาษาไทยเข้าใจกันได้ประมาณ 80-90% เค้าบอกว่า ตอนนี้เป็น AEC แล้ว คนไทยมาเที่ยวเยอะขึ้น เค้าก็พูดภาษาไทยเก่งขึ้นด้วย รถตู้ที่มารับเป็นแบบหกที่นั่ง ไปกัน 7 คน เราก็เลยนั่งข้างหน้า เป็นผู้ช่วยไกด์ไป รถในย่างกุ้ง ติดพอ ๆ กับกรุงเทพฯ
ไปถึงก็เป็นช่วงเวลาเลิกงานพอ รถก็จะติดมาก ในย่างกุ้งไม่อนุญาตให้รถมอเตอร์ไซค์วิ่ง เพราะเกิดอุบัติเหตุเยอะมาก รถก็ขับชิดขวา รถหลายคันก็พวงมาลัยขวาด้วย ไม่รู้เค้าขับกันยังไง แซงทีลำบากมาก แทบต้องชะโงกตัวออกมาดู ถ้าไม่มีคนนั่งข้าง ๆ
รถเมล์ในย่างกุ้งทุกคันมีป้ายเขียนว่า YBS (Yangon Bus Service) รถเมล์บางคันก็มีประตูลงทางด้านซ้ายแบบบ้านเรา เขาก็ลงกันกลางถนนเลย คนพม่า เข้าแถวยืนรอรถเมล์กันทุกที่ รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ป้ายทะเบียนสีดำ รถ taxi ใช้ป้ายทะเบียนสีแดง รถ taxi ที่นี่ ไม่มีมิเตอร์ ไม่เปิดแอร์ เปิดหน้าต่างแทบทุกคัน ถ้าผู้โดยสารร้อน อยากเปิดแอร์ก็ต้องจ่ายตังเพิ่ม
ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ทุกที่ ๆ เป็นวัด เจดีย์ ต้องถอดรองเท้า ห้ามใส่ถุงเท้า ไปถึงก็ดึกมากแล้ว เลยได้ไปนมัสการเจดีย์เกือบสองทุ่มค่ะ เจดีย์ชเวดากอง (ไปตอนกลางคืนสวยมาก แนะนำให้ไปดูหนังเรื่อง Friend Zone ก่อนไป ) ทางขึ้นเป็นบันไดเลื่อน 2 สเตป มีการสแกนกระเป๋า ความอลังการงานสร้างมากถึงมากที่สุด ทางขึ้นมีสี่ประตู (ขึ้นทางไหน ก็หาทางลงให้ถูกด้วยค่ะ) ค่าเข้า 10000 จ๊าด ประมาณ 200 บาท
มีการสรงน้ำพระประจำวันเกิด
ช่วงที่ไปเที่ยวเจดีย์ชเวดากองกำลังบูรณะค่ะ เวลาเปิด 05.00 น. ปิด 21.00 น.
มีรูปปั้นหมอเทวดา ช่วยเรื่องสุขภาพ
เทพทันใจที่เจดีย์ชเวดากอง อธิษฐานแล้วยกก้อนหินเพื่อทำนายได้
วิวจากโรงแรม Beauty Land Hotel ชั้นดาดฟ้า สามารถมองเห็นเจดีย์ชเวดากอง
ที่พม่าจะใช้พวงดอกไม้แบบนี้ไหว้พระและเจดีย์ พวงละ 1000 จ๊าด (20 บาท) คนพม่าเรียกดอกสุ่ยปะ อีสานเรียกดอกสเลเต ภาษาอังกฤษ golden flower, ส่วนดอกมะลิ เรียก สะเป
สองข้างทางที่จะเดินทางไปหงสาวดี มีแตงโมขายเยอะมาก อดไม่ไหวต้องจอดซื้อค่ะ แตงโมลูกนี้หนักเกินสิบโล ซื้อมาในราคา 2500 จ๊าด (50 บาท) กินทั้งวันยังหมดไปแค่ครึ่งลูก
ปลอมตัวเป็นคนขายผ้าถุงที่หงสาวดี เหมือนจนแยกไม่ออก
วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น หรือ พระเจดีย์ไจปุ่น(Kyaikpun Pagoda) หรือ พระสี่ทิศ
วัดพระนอนชเวตาเลียว (The Shwe Tha Lyaung)
พระมหาเจดีย์สร้างโดยพระเจ้าบุเรงนอง สามารถเดินมาตรงจุดอธิษฐานของพระเจ้าบุเรงนอง เดินวนสามรอบ แล้วหันหน้ามาทางเจดีย์อธิษฐานขอให้ได้ชัยชนะในเรื่องต่าง ๆ
พระราชวังกัมโพชธานี หรือ พระราชวังบุเรงนอง (Kambawzathardi Golden Palace) เป็นพระราชวังจำลององค์ใหม่ ถูกสร้างขึ้นหลังจากรัฐบาลพม่าขุดค้นพบซากของพระราชวังที่ถูกเผา หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง
เจดีย์ชเวมอดอ (Shwe Maw daw Pagoda) เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า สวยงามมากค่ะ
วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น หรือ พระเจดีย์ไจปุ่น(Kyaikpun Pagoda) หรือ พระสี่ทิศ
เช้าวันต่อมา เราเตรียมตัวไปขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน เราจะได้รับเกียรติให้ขึ้นไปยืนรอรถบนบันได เพื่อจะได้สะดวกในการปีนเข้าไปนั่งบนรถ ต้องนั่งรถบรรทุกแบบที่เขาขนหมูไปขาย มี 7 แถว ๆ ละ 6 คน ข้างหน้านั่งได้อีก 5 คน หลังคายกขึ้นลงได้
วิ่งไปสักพัก รถก็จะจอด จะมีคนเดินถือขันใบใหญ่ มาให้ร่วมทำบุญ ทำสิคะ รออะไร... 555 บางช่วงก็จอดเพื่อสลับกันวิ่ง สนุกสนาน ตื่นเต้นราวกับนั่งรถไฟเหาะ คนพม่าเองยังไม่ไหว ถึงกับอาเจียน คนไทยสู้ตายค่ะ นั่งขำไปตลอดทาง บางจุดก็จอดให้เด็ก ๆ มาขายของ ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง น่าจะประมาณว่า ช่วยซื้อหน่อยเถอะค่ะ ค่ารถคนละ 4000 จ๊าด ไปกลับ นั่งประมาณ 50 นาที เดินต่ออีก 20 นาที (1000 จ๊าดประมาณ 20 บาท วิธีคิดเป็นเงินไทยง่าย ๆ ปิดเลข 0 สองตัวหลัง แล้วคูณสอง)
วิ่งไปประมาณ 2 ใน 3 ของระยะทาง ก็จะได้พบกับกระเช้า (Kyaik Hti Yoe) cable car ใครไม่อยากนั่งรถแล้ว ก็ไปขึ้นกระเช้าต่อได้ ไม่แพง one way / 7000 จ๊าด , round trip / 10,000 จ๊าด
พระธาตุอินทร์แขวนกำลังบูรณะอยู่เช่นเดียวกันค่ะ
เด็กปั้นของเราเองค่ะ เด็กพม่า เก่ง ความอดทนสูง ฉลาด รู้จักประจบ ขายของเก่ง รู้งานมาก ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ ทำงานตั้งแต่เด็ก มาคอยถือรองเท้าให้ ชวนพูด ชวนคุยตลอดทาง พูดภาษาไทยแบบนกแก้ว นกขุนทอง ถามได้ แต่ตอบไม่ได้นะ 555 คนเสื้อแดงชื่อ ชอคโกแลต อีกคนชื่อ โกโก้ ชื่ออินเตอร์มาก ดูจากการโพสต์ท่าแล้ว อนาคตอาจได้ไปเป็นนายแบบที่ย่างกุ้ง
ลอดช่องของประเทศเพื่อนบ้านเราค่ะ สีสันสดใส แต่ไม่ได้ลองทาน
เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา (Kyaik Hwaw Wun Pagoda) อยู่ที่เมืองสิเรียม ที่นี่สวยงามมาก อยู่กลางน้ำ นั่งเรือข้ามไปนิดเดียว พอดีไปถึงตอนเย็นมากแล้ว เขาปิดประมาณหกโมงเย็น แต่ก็ใจดีเปิดให้เราเดินรอบ ๆ ได้นมัสการ รูปปั้นพระอุปคุต ทางประตูขึ้นไปจะพบยักษ์สีเขียว 2 ตน ที่ประตูทางเข้า นั่งขนาบอยู่ซ้าย-ขวา คนพม่าเชื่อกันว่าหากนำมือไปลูบตามตัวยักษ์ เช่น ลูบหลังแล้วจึงมาลูบหลังของตัวเอง อาการปวดหลังก็จะหายไป
ภาพด้านบนขาไป ภาพด้านล่างเป็นขากลับค่ะ
มุมนี้สวยมาก ถ่ายตอนกลางคืนยิ่งสวยค่ะ
วันที่สี่ตอนเช้า มานมัสการเจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) เทพทันใจ , เทพกระซิบ สามที่นี้อยู่ในบริเวณเดียวกัน เดินมาสักการะเทพทันใจ ท่านเป็นรูปปั้น ยืนชี้นิ้วขวา ใส่ชุดคล้าย ๆ เทวดา จะมีของสักการะขายเป็นชุด ๆ แล้วแต่ความศรัทธา จะมีเจ้าหน้าที่ทำพิธีสวดมนต์ให้ (ถ้าใครซื้อเครื่องรางที่ขายอยู่ด้านหน้าวัดมา ก็เอามาทำพิธีปลุกเสกพร้อมกันได้เลย) จากนั้นก็ไปเข้าแถว เดินเข้าไป เอาแบงค์พม่า พับเป็นรูปกรวยซ้อนกันสองใบ ใส่ไว้ที่มือของเทพทันใจ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปจรดกับนิ้วของท่าน อธิษฐานได้ 1 ข้อ แล้วก็ดึงแบงค์กลับมา 1 ใบ
ไกด์เอาใบไม้ ที่เขาเรียกกันว่า ใบชนะ มาใส่ไว้ในแบงค์ เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ จะได้มีโชคลาภ
ตอนไปถึงเขากำลังมีงานบุญ แจกข้าวทิพย์ เราก็เนียน ๆ ไปหยิบมาชิม หน้าตาคล้าย ๆ กระยาสารท แต่เปียก ๆ เห็นไกด์บอกว่า ชื่อ Htet Ma Nae รสชาติดี อร่อย กินแล้วมีความมันของถั่ว งา หลายชนิดมาก
เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งก็จะเป็นเจ้าแม่กระซิบ เขาว่าอยากได้อะไร ก็กระซิบบอกเจ้าแม่ แล้วก็ห้ามบอกใคร ที่นี่ถวายนมกล่อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าทำไมต้องเป็นนมกล่อง ถวายแล้ว วางไว้ ใครจะมาหยิบไปดื่มก็ได้ ตำนานเจ้าแม่น่าสนใจมาก ใครอยากรู้ก็ต้องไป
ร้านก๋วยเตี๋ยวพม่า YKKO ในห้างสรรพสินค้า รสชาติดี ให้เยอะมาก มีหลายไซส์ให้เลือก ชามเล็ก ชามใหญ่ ราคาไม่แพง
ขนมเค้กที่พม่า ตัวแป้งเหมือนไม่ใส่เนย เนื้อค่อนข้างหยาบ กระด้าง ๆ เหมือนเค้กกล่อง ที่มีหลาย ๆ ชิ้น เคยกินสมัยเด็ก ๆ ได้ชิมที่ร้านชาบูตรงข้ามทางเข้าเจดีย์กลางน้ำ
ที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือ ไกด์ท้องถิ่นของเรานี่เอง Zin (ชื่อเล่น) เป็นชายหนุ่ม อายุ 37 ปี เป็นคนมีน้ำใจ สุภาพ อัธยาศัยดีมาก ใจเย็น พูดคุยเฮฮา สนุกสนาน มีความรู้ เขียนภาษาไทยไม่ค่อยได้ แต่อาศัยใช้ Google Translate copy ไปมา เพื่อตอบลูกค้า (นับถือในความพยายาม) ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างดีมาก เราว่า ถ้าใครได้ไปกับเค้า ก็น่าจะชอบมาก เหมือนเรา ตอนนี้ภรรยาของ Zin ตั้งท้องลูกแฝดอยู่ใกล้จะคลอดแล้ว ขอให้ลูก ๆ แข็งแรงนะ อ้อ.. เขาชอบฟังเพลงไทยมาก เขาบอกว่า ช่วยหาเพลงไทยให้หน่อย เป็นเพลงที่เค้าชอบมาก แต่จำชื่อเพลงไม่ได้ หามานานแล้ว ว่าแล้วก็ร้องเป็นทำนองออกมาพร้อมด้วยเนื้อร้องที่ฟังไม่ออก 4 วันที่อยู่พม่า พอขึ้นรถ เค้าก็ต้องร้องเพลงนี้ ทางเราก็พยายามขุดคุ้ยกัน แต่จนถึงวันกลับ ก็ยังไม่รู้ว่าเพลงอะไร ใครไปก็ไปช่วยนึกต่อทีนะ ป้าที่ถ่ายรูปด้วย ไม่ใช่ป้าร้านผ้านะคะ .. แม่เราเอง
ไกด์ฝากมา บอกว่า อยากให้เขียนลง Pantip มาก อยากให้มีคนไทยไปเที่ยวเยอะ ๆ เป็นสมาชิก Pantip มาเป็นสิบปี เพิ่งจะได้มีโอกาสเขียนก็วันนี้แหละค่ะ ติดต่อไกด์ได้นะคะที่ Line ID : zinmintun
รีวิว..พม่า 2019 (4 วัน 3 คืน)
ตอนแรกที่ได้ยินคนชวนว่า ไปพม่ามั้ย? มีคนชวนไปหลายครั้ง หลายหน คำถามก็คือ ไปทำไม ไปทำอะไร เห็นมีแต่เจดีย์ วัด อาหารจะกินได้มั้ย ไม่เห็นมีอะไรให้ซื้อ ไปแล้วจะได้กลับมารึเปล่า คนที่นั่นโหดเหมือนกับที่เราเห็นข่าวในทีวีมั้ยนะ ที่สำคัญ... หาได้มีความรู้เกี่ยวกับพม่าไม่ ... แค่คิดก็หนาวละ 😱
คนอื่นจองตั๋วข้ามปี ได้ในราคา 2000+ เราเพิ่งตัดสินใจ ก็เลยได้ตั๋วราคา 3500 (พอจ่ายไหว) บินแปบเดียว ชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงแล้ว (บินตอน 4 โมงเย็น ถึงประมาณ 6 โมง เวลาพม่าช้ากว่าบ้านเราครึ่งชั่วโมง) ไกด์ท้องถิ่นที่ติดต่อไว้ ส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เครื่องยังไม่ take off ว่า มารอที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว 😊
ไกด์ท้องถิ่นคนนี้ ชื่อ Zin เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ค่อนข้างท้วม ใส่โสร่งมายืนรอ หน้าตาใจดี พูดภาษาอังกฤษได้ดี และสื่อสารภาษาไทยเข้าใจกันได้ประมาณ 80-90% เค้าบอกว่า ตอนนี้เป็น AEC แล้ว คนไทยมาเที่ยวเยอะขึ้น เค้าก็พูดภาษาไทยเก่งขึ้นด้วย รถตู้ที่มารับเป็นแบบหกที่นั่ง ไปกัน 7 คน เราก็เลยนั่งข้างหน้า เป็นผู้ช่วยไกด์ไป รถในย่างกุ้ง ติดพอ ๆ กับกรุงเทพฯ
ไปถึงก็เป็นช่วงเวลาเลิกงานพอ รถก็จะติดมาก ในย่างกุ้งไม่อนุญาตให้รถมอเตอร์ไซค์วิ่ง เพราะเกิดอุบัติเหตุเยอะมาก รถก็ขับชิดขวา รถหลายคันก็พวงมาลัยขวาด้วย ไม่รู้เค้าขับกันยังไง แซงทีลำบากมาก แทบต้องชะโงกตัวออกมาดู ถ้าไม่มีคนนั่งข้าง ๆ
รถเมล์ในย่างกุ้งทุกคันมีป้ายเขียนว่า YBS (Yangon Bus Service) รถเมล์บางคันก็มีประตูลงทางด้านซ้ายแบบบ้านเรา เขาก็ลงกันกลางถนนเลย คนพม่า เข้าแถวยืนรอรถเมล์กันทุกที่ รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ป้ายทะเบียนสีดำ รถ taxi ใช้ป้ายทะเบียนสีแดง รถ taxi ที่นี่ ไม่มีมิเตอร์ ไม่เปิดแอร์ เปิดหน้าต่างแทบทุกคัน ถ้าผู้โดยสารร้อน อยากเปิดแอร์ก็ต้องจ่ายตังเพิ่ม
ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ทุกที่ ๆ เป็นวัด เจดีย์ ต้องถอดรองเท้า ห้ามใส่ถุงเท้า ไปถึงก็ดึกมากแล้ว เลยได้ไปนมัสการเจดีย์เกือบสองทุ่มค่ะ เจดีย์ชเวดากอง (ไปตอนกลางคืนสวยมาก แนะนำให้ไปดูหนังเรื่อง Friend Zone ก่อนไป ) ทางขึ้นเป็นบันไดเลื่อน 2 สเตป มีการสแกนกระเป๋า ความอลังการงานสร้างมากถึงมากที่สุด ทางขึ้นมีสี่ประตู (ขึ้นทางไหน ก็หาทางลงให้ถูกด้วยค่ะ) ค่าเข้า 10000 จ๊าด ประมาณ 200 บาท
มีการสรงน้ำพระประจำวันเกิด
ช่วงที่ไปเที่ยวเจดีย์ชเวดากองกำลังบูรณะค่ะ เวลาเปิด 05.00 น. ปิด 21.00 น.
มีรูปปั้นหมอเทวดา ช่วยเรื่องสุขภาพ
เทพทันใจที่เจดีย์ชเวดากอง อธิษฐานแล้วยกก้อนหินเพื่อทำนายได้
วิวจากโรงแรม Beauty Land Hotel ชั้นดาดฟ้า สามารถมองเห็นเจดีย์ชเวดากอง
ที่พม่าจะใช้พวงดอกไม้แบบนี้ไหว้พระและเจดีย์ พวงละ 1000 จ๊าด (20 บาท) คนพม่าเรียกดอกสุ่ยปะ อีสานเรียกดอกสเลเต ภาษาอังกฤษ golden flower, ส่วนดอกมะลิ เรียก สะเป
สองข้างทางที่จะเดินทางไปหงสาวดี มีแตงโมขายเยอะมาก อดไม่ไหวต้องจอดซื้อค่ะ แตงโมลูกนี้หนักเกินสิบโล ซื้อมาในราคา 2500 จ๊าด (50 บาท) กินทั้งวันยังหมดไปแค่ครึ่งลูก
ปลอมตัวเป็นคนขายผ้าถุงที่หงสาวดี เหมือนจนแยกไม่ออก
วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น หรือ พระเจดีย์ไจปุ่น(Kyaikpun Pagoda) หรือ พระสี่ทิศ
วัดพระนอนชเวตาเลียว (The Shwe Tha Lyaung)
พระมหาเจดีย์สร้างโดยพระเจ้าบุเรงนอง สามารถเดินมาตรงจุดอธิษฐานของพระเจ้าบุเรงนอง เดินวนสามรอบ แล้วหันหน้ามาทางเจดีย์อธิษฐานขอให้ได้ชัยชนะในเรื่องต่าง ๆ
พระราชวังกัมโพชธานี หรือ พระราชวังบุเรงนอง (Kambawzathardi Golden Palace) เป็นพระราชวังจำลององค์ใหม่ ถูกสร้างขึ้นหลังจากรัฐบาลพม่าขุดค้นพบซากของพระราชวังที่ถูกเผา หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง
เจดีย์ชเวมอดอ (Shwe Maw daw Pagoda) เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า สวยงามมากค่ะ
วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น หรือ พระเจดีย์ไจปุ่น(Kyaikpun Pagoda) หรือ พระสี่ทิศ
เช้าวันต่อมา เราเตรียมตัวไปขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน เราจะได้รับเกียรติให้ขึ้นไปยืนรอรถบนบันได เพื่อจะได้สะดวกในการปีนเข้าไปนั่งบนรถ ต้องนั่งรถบรรทุกแบบที่เขาขนหมูไปขาย มี 7 แถว ๆ ละ 6 คน ข้างหน้านั่งได้อีก 5 คน หลังคายกขึ้นลงได้
วิ่งไปสักพัก รถก็จะจอด จะมีคนเดินถือขันใบใหญ่ มาให้ร่วมทำบุญ ทำสิคะ รออะไร... 555 บางช่วงก็จอดเพื่อสลับกันวิ่ง สนุกสนาน ตื่นเต้นราวกับนั่งรถไฟเหาะ คนพม่าเองยังไม่ไหว ถึงกับอาเจียน คนไทยสู้ตายค่ะ นั่งขำไปตลอดทาง บางจุดก็จอดให้เด็ก ๆ มาขายของ ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง น่าจะประมาณว่า ช่วยซื้อหน่อยเถอะค่ะ ค่ารถคนละ 4000 จ๊าด ไปกลับ นั่งประมาณ 50 นาที เดินต่ออีก 20 นาที (1000 จ๊าดประมาณ 20 บาท วิธีคิดเป็นเงินไทยง่าย ๆ ปิดเลข 0 สองตัวหลัง แล้วคูณสอง)
วิ่งไปประมาณ 2 ใน 3 ของระยะทาง ก็จะได้พบกับกระเช้า (Kyaik Hti Yoe) cable car ใครไม่อยากนั่งรถแล้ว ก็ไปขึ้นกระเช้าต่อได้ ไม่แพง one way / 7000 จ๊าด , round trip / 10,000 จ๊าด
พระธาตุอินทร์แขวนกำลังบูรณะอยู่เช่นเดียวกันค่ะ
เด็กปั้นของเราเองค่ะ เด็กพม่า เก่ง ความอดทนสูง ฉลาด รู้จักประจบ ขายของเก่ง รู้งานมาก ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือ ทำงานตั้งแต่เด็ก มาคอยถือรองเท้าให้ ชวนพูด ชวนคุยตลอดทาง พูดภาษาไทยแบบนกแก้ว นกขุนทอง ถามได้ แต่ตอบไม่ได้นะ 555 คนเสื้อแดงชื่อ ชอคโกแลต อีกคนชื่อ โกโก้ ชื่ออินเตอร์มาก ดูจากการโพสต์ท่าแล้ว อนาคตอาจได้ไปเป็นนายแบบที่ย่างกุ้ง
ลอดช่องของประเทศเพื่อนบ้านเราค่ะ สีสันสดใส แต่ไม่ได้ลองทาน
เจดีย์กลางน้ำ หรือ พระเจดีย์เยเลพญา (Kyaik Hwaw Wun Pagoda) อยู่ที่เมืองสิเรียม ที่นี่สวยงามมาก อยู่กลางน้ำ นั่งเรือข้ามไปนิดเดียว พอดีไปถึงตอนเย็นมากแล้ว เขาปิดประมาณหกโมงเย็น แต่ก็ใจดีเปิดให้เราเดินรอบ ๆ ได้นมัสการ รูปปั้นพระอุปคุต ทางประตูขึ้นไปจะพบยักษ์สีเขียว 2 ตน ที่ประตูทางเข้า นั่งขนาบอยู่ซ้าย-ขวา คนพม่าเชื่อกันว่าหากนำมือไปลูบตามตัวยักษ์ เช่น ลูบหลังแล้วจึงมาลูบหลังของตัวเอง อาการปวดหลังก็จะหายไป
ภาพด้านบนขาไป ภาพด้านล่างเป็นขากลับค่ะ
มุมนี้สวยมาก ถ่ายตอนกลางคืนยิ่งสวยค่ะ
วันที่สี่ตอนเช้า มานมัสการเจดีย์โบตะตาว (Botahtaung Pagoda) เทพทันใจ , เทพกระซิบ สามที่นี้อยู่ในบริเวณเดียวกัน เดินมาสักการะเทพทันใจ ท่านเป็นรูปปั้น ยืนชี้นิ้วขวา ใส่ชุดคล้าย ๆ เทวดา จะมีของสักการะขายเป็นชุด ๆ แล้วแต่ความศรัทธา จะมีเจ้าหน้าที่ทำพิธีสวดมนต์ให้ (ถ้าใครซื้อเครื่องรางที่ขายอยู่ด้านหน้าวัดมา ก็เอามาทำพิธีปลุกเสกพร้อมกันได้เลย) จากนั้นก็ไปเข้าแถว เดินเข้าไป เอาแบงค์พม่า พับเป็นรูปกรวยซ้อนกันสองใบ ใส่ไว้ที่มือของเทพทันใจ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปจรดกับนิ้วของท่าน อธิษฐานได้ 1 ข้อ แล้วก็ดึงแบงค์กลับมา 1 ใบ
ไกด์เอาใบไม้ ที่เขาเรียกกันว่า ใบชนะ มาใส่ไว้ในแบงค์ เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ไว้ จะได้มีโชคลาภ
ตอนไปถึงเขากำลังมีงานบุญ แจกข้าวทิพย์ เราก็เนียน ๆ ไปหยิบมาชิม หน้าตาคล้าย ๆ กระยาสารท แต่เปียก ๆ เห็นไกด์บอกว่า ชื่อ Htet Ma Nae รสชาติดี อร่อย กินแล้วมีความมันของถั่ว งา หลายชนิดมาก
เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งก็จะเป็นเจ้าแม่กระซิบ เขาว่าอยากได้อะไร ก็กระซิบบอกเจ้าแม่ แล้วก็ห้ามบอกใคร ที่นี่ถวายนมกล่อง ซึ่งไม่แน่ใจว่าทำไมต้องเป็นนมกล่อง ถวายแล้ว วางไว้ ใครจะมาหยิบไปดื่มก็ได้ ตำนานเจ้าแม่น่าสนใจมาก ใครอยากรู้ก็ต้องไป
ร้านก๋วยเตี๋ยวพม่า YKKO ในห้างสรรพสินค้า รสชาติดี ให้เยอะมาก มีหลายไซส์ให้เลือก ชามเล็ก ชามใหญ่ ราคาไม่แพง
ขนมเค้กที่พม่า ตัวแป้งเหมือนไม่ใส่เนย เนื้อค่อนข้างหยาบ กระด้าง ๆ เหมือนเค้กกล่อง ที่มีหลาย ๆ ชิ้น เคยกินสมัยเด็ก ๆ ได้ชิมที่ร้านชาบูตรงข้ามทางเข้าเจดีย์กลางน้ำ
ที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือ ไกด์ท้องถิ่นของเรานี่เอง Zin (ชื่อเล่น) เป็นชายหนุ่ม อายุ 37 ปี เป็นคนมีน้ำใจ สุภาพ อัธยาศัยดีมาก ใจเย็น พูดคุยเฮฮา สนุกสนาน มีความรู้ เขียนภาษาไทยไม่ค่อยได้ แต่อาศัยใช้ Google Translate copy ไปมา เพื่อตอบลูกค้า (นับถือในความพยายาม) ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างดีมาก เราว่า ถ้าใครได้ไปกับเค้า ก็น่าจะชอบมาก เหมือนเรา ตอนนี้ภรรยาของ Zin ตั้งท้องลูกแฝดอยู่ใกล้จะคลอดแล้ว ขอให้ลูก ๆ แข็งแรงนะ อ้อ.. เขาชอบฟังเพลงไทยมาก เขาบอกว่า ช่วยหาเพลงไทยให้หน่อย เป็นเพลงที่เค้าชอบมาก แต่จำชื่อเพลงไม่ได้ หามานานแล้ว ว่าแล้วก็ร้องเป็นทำนองออกมาพร้อมด้วยเนื้อร้องที่ฟังไม่ออก 4 วันที่อยู่พม่า พอขึ้นรถ เค้าก็ต้องร้องเพลงนี้ ทางเราก็พยายามขุดคุ้ยกัน แต่จนถึงวันกลับ ก็ยังไม่รู้ว่าเพลงอะไร ใครไปก็ไปช่วยนึกต่อทีนะ ป้าที่ถ่ายรูปด้วย ไม่ใช่ป้าร้านผ้านะคะ .. แม่เราเอง
ไกด์ฝากมา บอกว่า อยากให้เขียนลง Pantip มาก อยากให้มีคนไทยไปเที่ยวเยอะ ๆ เป็นสมาชิก Pantip มาเป็นสิบปี เพิ่งจะได้มีโอกาสเขียนก็วันนี้แหละค่ะ ติดต่อไกด์ได้นะคะที่ Line ID : zinmintun