สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชม "The Favourite: อีเสน่ห์ร้าย"
ขอฝากเพจรีวิวหนังไว้ด้วยนะครับ ทางไปเพจผมครับ -->
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
เรื่องย่อ:
The Favourite ว่าด้วยเรื่องราวสมเด็จพระราชินีแอนน์ ผู้ปกครองประเทศที่มีจิตไม่ค่อยปกตินัก และเลดี้ซาราสหายคนสนิท ด้วยการมาถึงของสาวใช้คนใหม่ที่มีแววว่าจะทำให้ราชินีพึงพอใจเธอเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้มิตรภาพของเลดี้ซารากับราชินีมีอันต้องสั่นคลอน (ที่มา movie.mthai.com)
สำหรับการรีวิว ผมขอเสนอเป็นประเด็นๆไปนะครับ โดยทุกข้อล้วนแล้วมาจากความคิดเห็นส่วนตัวหลังการชมภาพยนตร์นะครับ เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไร แชร์กันได้เลยครับ
🏆 ความโดดเด่นที่สุดของ “The Favourite” คือ งานออกแบบเครื่องแต่งกาย ที่ผมมั่นใจมากๆว่าคงได้ออสการ์ไปกอดในสาขานี้แน่นอน
🏆 ในส่วนของการออกแบบงานสร้างและงานถ่ายภาพนี่ก็ดีไม่แพ้กัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การคว้าออสการ์มากอดสำหรับ 2 สาขานี้ยังคงต้องไปวัดกับหนังเรื่องอื่นก่อน แต่ก็มีโอกาสพอสมควรเลย
🏆 บทภาพยนตร์นี่คือหัวใจหลักของหนังเลย เพราะตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง มันได้ทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึงตลอด การชิงดีชิงเด่นของเลดี้และอดีตเลดี้ที่มีตำแหน่งนางสนองพระโอฐเป็นเดิมพัน คือความสนุกและบันเทิงมาก เพราะท้ายสุดแม้จะมีผู้ชนะ หนังก็ทำให้การชนะนั้นเป็นสิ่งเจ็บปวดที่สุด (มีแววคว้าบทภาพยนตร์ดั่งเดิมไปอีกตัว)
🏆 การแสดงของตัวละครหลักทั้งสาม ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ “โอลิเวีย โคลแมน” กับบทของราชินีแอนน์ ที่อารมณ์โคตรลักปิดลักเปิด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กับสันดานมี่ถูกตามใจเหมือนเด็กมาตลอด เอาจริงๆ คือ ตัวละครนางมีปมที่ชวนให้หดหู่และเห็นใจนางเหมือนกัน ซึ่งคาแร็คเตอร์ที่มีภูมิหลังแบบนี่ โคลแมน แม้งกลับแสดงออกมาได้สมบูรณ์แบบสุดๆ จนกล้าพูดได้เลยว่า การแสดงของเธอเป็นหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของหนังเลย (ไว้ลุ้นกับ “เกลนน์ โคลส” กับตำแหน่งนำหญิงในออสการ์แล้วกัน สูสีมาก)
🏆 นอกจากตัวละครหลักแล้ว ยังมีอีก 2 สีสันที่ทำให้หนังมีความเฟี้ยวฟ้าวมากขึ้น (และก็พากันไปแก่งแย่งกันต่อกับรางวัลสมทบหญิงที่เข้าชิงทั้งคู่) คนหนึ่งคือ “ราเชว ไวซ์” กับบทเลดี้ ซาราห์ ส่วนอีกหนึ่งคือ “เอมม่า สโตน” กับการแสดงเป็น อบิเกล ผู้น่าถีบ (ซึ่งนางถูกถีบจริงๆ เพราะน่าหมันไส้มากๆ) สองคนนี้แม้จะมีออสการ์ไว้บนหัวเตียงกันคนละตัวแล้ว แต่ผมมองว่า อาจจะมีคนใดคนหนึ่งต้องหาตู้เก็บรางวัลตัวที่สองเก็บเพิ่มแล้วแหละ
👯♀️ สำหรับ “ราเชล ไวซ์” อาจมีภาษีดีกว่ที่จะตัดหน้าเอาออสการ์ไปกอด เนื่องด้วยบทที่เอื้อกว่า ทั้งการวางตัวที่ดูมีมาดจนเหล่าขุนนางชายในราชการยังต้องเกรง แถมด้วยการแสดงซีนอารมณ์ที่เปรียบเสมือน ดร.วิการดา ในเมียหลวงมากๆ (พูดง่ายๆ คือ ถ้าไม่สนภาพลักษณ์และงานราชการคงได้มีฉากโดดตบนางอบิเกลไปแล้ว) ตรงก้นข้ามกับสาว “เอมมา สโตน” ที่มีอะไรใส่หมด ไม่ต้องวางมาดอะไรนัก ทั้งล่อผู้ชาย ทั้งยิ้มเบะปาก และฉากตอ... มากมาย (แถมด้วยฉากหวือหวาที่ชวนตะลึงอยู่พักนึง)
🤦♀️ จุดไม่ชอบที่อาจมีแฟนละครหลังข่าวรู้สึกได้ คือ ความที่มันไม่ได้เล่นใหญ่เว้อแบบนางเอก นางร้ายในละคร ที่ประชันอารมณ์กันแบบตรงๆซึ่งๆหน้า แต่ในหนังนี้มันเป็นการประชันกันทางไหวพริบและการวางแผนระยะยาวเป็นหลัก ใครหวังจะให้มีฉากแก่งแย่งตบตีกันบอกได้เลยผิดหวังแน่นอน
🙅♀️ และแม้ The Favourite จะมีประเด็นแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในวังแบบละครไทยที่เราชอบ แต่ผู้กำกับ “ยอร์กอส” ก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง แม้เรื่องราวผิวเผินจะดูเข้าถึงง่าย แต่ท้ายสุดหนังก็ไม่ได้แมสขนาดที่ว่าดูแล้วชอบกันทุกคน (ลายเซ็นเค้ายังชัดอยู่) เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีผู้ชมที่ทั้งชอบและไม่ชอบหนัง แต่เชื่อเถอะ ท่านจะชอบการแสดงของตัวละครทั้ง 3 แน่นอน (ส่วนการอุปมาอุปไมยเชิงเสียดสีทางบทภาพยนตร์ และสัญลักษณ์ที่แฝงมากับหนัง ผมขอไม่พูดถึงนะครับ ยกให้เป็นการตีความของแต่ละท่าน ซึ่งเรื่องแบบนี้นานาจิตตังครับ)
Score: 8.5/10
[SR] “The Favourite: อีเสน่ห์ร้าย” : เหมือนดูละครหลังข่าวที่โคตรมีคลาสและชั้นเชิงเลย [by MoviesFeedback]
ขอฝากเพจรีวิวหนังไว้ด้วยนะครับ ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies
เรื่องย่อ: The Favourite ว่าด้วยเรื่องราวสมเด็จพระราชินีแอนน์ ผู้ปกครองประเทศที่มีจิตไม่ค่อยปกตินัก และเลดี้ซาราสหายคนสนิท ด้วยการมาถึงของสาวใช้คนใหม่ที่มีแววว่าจะทำให้ราชินีพึงพอใจเธอเป็นอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้มิตรภาพของเลดี้ซารากับราชินีมีอันต้องสั่นคลอน (ที่มา movie.mthai.com)
สำหรับการรีวิว ผมขอเสนอเป็นประเด็นๆไปนะครับ โดยทุกข้อล้วนแล้วมาจากความคิดเห็นส่วนตัวหลังการชมภาพยนตร์นะครับ เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไร แชร์กันได้เลยครับ
🏆 ความโดดเด่นที่สุดของ “The Favourite” คือ งานออกแบบเครื่องแต่งกาย ที่ผมมั่นใจมากๆว่าคงได้ออสการ์ไปกอดในสาขานี้แน่นอน
🏆 ในส่วนของการออกแบบงานสร้างและงานถ่ายภาพนี่ก็ดีไม่แพ้กัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การคว้าออสการ์มากอดสำหรับ 2 สาขานี้ยังคงต้องไปวัดกับหนังเรื่องอื่นก่อน แต่ก็มีโอกาสพอสมควรเลย
🏆 บทภาพยนตร์นี่คือหัวใจหลักของหนังเลย เพราะตลอดเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง มันได้ทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึงตลอด การชิงดีชิงเด่นของเลดี้และอดีตเลดี้ที่มีตำแหน่งนางสนองพระโอฐเป็นเดิมพัน คือความสนุกและบันเทิงมาก เพราะท้ายสุดแม้จะมีผู้ชนะ หนังก็ทำให้การชนะนั้นเป็นสิ่งเจ็บปวดที่สุด (มีแววคว้าบทภาพยนตร์ดั่งเดิมไปอีกตัว)
🏆 การแสดงของตัวละครหลักทั้งสาม ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ “โอลิเวีย โคลแมน” กับบทของราชินีแอนน์ ที่อารมณ์โคตรลักปิดลักเปิด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย กับสันดานมี่ถูกตามใจเหมือนเด็กมาตลอด เอาจริงๆ คือ ตัวละครนางมีปมที่ชวนให้หดหู่และเห็นใจนางเหมือนกัน ซึ่งคาแร็คเตอร์ที่มีภูมิหลังแบบนี่ โคลแมน แม้งกลับแสดงออกมาได้สมบูรณ์แบบสุดๆ จนกล้าพูดได้เลยว่า การแสดงของเธอเป็นหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของหนังเลย (ไว้ลุ้นกับ “เกลนน์ โคลส” กับตำแหน่งนำหญิงในออสการ์แล้วกัน สูสีมาก)
🏆 นอกจากตัวละครหลักแล้ว ยังมีอีก 2 สีสันที่ทำให้หนังมีความเฟี้ยวฟ้าวมากขึ้น (และก็พากันไปแก่งแย่งกันต่อกับรางวัลสมทบหญิงที่เข้าชิงทั้งคู่) คนหนึ่งคือ “ราเชว ไวซ์” กับบทเลดี้ ซาราห์ ส่วนอีกหนึ่งคือ “เอมม่า สโตน” กับการแสดงเป็น อบิเกล ผู้น่าถีบ (ซึ่งนางถูกถีบจริงๆ เพราะน่าหมันไส้มากๆ) สองคนนี้แม้จะมีออสการ์ไว้บนหัวเตียงกันคนละตัวแล้ว แต่ผมมองว่า อาจจะมีคนใดคนหนึ่งต้องหาตู้เก็บรางวัลตัวที่สองเก็บเพิ่มแล้วแหละ
👯♀️ สำหรับ “ราเชล ไวซ์” อาจมีภาษีดีกว่ที่จะตัดหน้าเอาออสการ์ไปกอด เนื่องด้วยบทที่เอื้อกว่า ทั้งการวางตัวที่ดูมีมาดจนเหล่าขุนนางชายในราชการยังต้องเกรง แถมด้วยการแสดงซีนอารมณ์ที่เปรียบเสมือน ดร.วิการดา ในเมียหลวงมากๆ (พูดง่ายๆ คือ ถ้าไม่สนภาพลักษณ์และงานราชการคงได้มีฉากโดดตบนางอบิเกลไปแล้ว) ตรงก้นข้ามกับสาว “เอมมา สโตน” ที่มีอะไรใส่หมด ไม่ต้องวางมาดอะไรนัก ทั้งล่อผู้ชาย ทั้งยิ้มเบะปาก และฉากตอ... มากมาย (แถมด้วยฉากหวือหวาที่ชวนตะลึงอยู่พักนึง)
🤦♀️ จุดไม่ชอบที่อาจมีแฟนละครหลังข่าวรู้สึกได้ คือ ความที่มันไม่ได้เล่นใหญ่เว้อแบบนางเอก นางร้ายในละคร ที่ประชันอารมณ์กันแบบตรงๆซึ่งๆหน้า แต่ในหนังนี้มันเป็นการประชันกันทางไหวพริบและการวางแผนระยะยาวเป็นหลัก ใครหวังจะให้มีฉากแก่งแย่งตบตีกันบอกได้เลยผิดหวังแน่นอน
🙅♀️ และแม้ The Favourite จะมีประเด็นแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันในวังแบบละครไทยที่เราชอบ แต่ผู้กำกับ “ยอร์กอส” ก็ยังคงเป็นตัวของตัวเอง แม้เรื่องราวผิวเผินจะดูเข้าถึงง่าย แต่ท้ายสุดหนังก็ไม่ได้แมสขนาดที่ว่าดูแล้วชอบกันทุกคน (ลายเซ็นเค้ายังชัดอยู่) เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีผู้ชมที่ทั้งชอบและไม่ชอบหนัง แต่เชื่อเถอะ ท่านจะชอบการแสดงของตัวละครทั้ง 3 แน่นอน (ส่วนการอุปมาอุปไมยเชิงเสียดสีทางบทภาพยนตร์ และสัญลักษณ์ที่แฝงมากับหนัง ผมขอไม่พูดถึงนะครับ ยกให้เป็นการตีความของแต่ละท่าน ซึ่งเรื่องแบบนี้นานาจิตตังครับ)
Score: 8.5/10
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้