ตามรอย เสี่ยเกาะเต่า ดีไหม?

ปัญหาชีวิตคู่ มันมีทุกคู่ ซึ่งถ้ามันสามารถปรับความเข้าใจกันได้ ก็เดินไปต่อได้

แต่ของเราทำไมรู้สึกเหมือน ยิ่งอยู่ ยิ่งแย่

กระทู้นี้ เราอยากจะขอคำแนะนำ ข้อคิดเห็น เพราะเราคิดว่า บางทีเราอาจจะมองหาแต่ข้อดีเพื่อเข้าข้างตัวเองมากเกินไป

เราอยู่กับสามีมาเกือบ 10 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน ยังเล็กทั้งคู่

ปัญหาคือ ทัศนคติการใช้จ่ายของเรา มันแตกต่างกัน สามีเราใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ชอบใช้ของแพง ซื้อเสื้อผ้ารองเท้า บ่อย
เราแยกกันอยู่เพราะเค้าทำงานต่างจังหวัด
1 ปี ที่เค้าใช้ชีวิตเอง มีรองเท้าทั้งหมด 8 คู่
เสื้อ กางเกง นับไม่ถ้วน

ในส่วนของเรา ถามว่าอยากได้ไหม ของพวกนั้น
เราเป็นผู้หญิงนะ ทำไม่จะไม่อยากได้
1 ปีที่ผ่านมา เราได้เงินทุนจากสามีมา 2แสน
ค้าขาย มีกำไร
แต่เงินที่ได้มา เราต้องรับผิดชอบลูกทั้ง 2 คน
( หาหมอเวลาป่วย , วัคซีน ,ของใช้ต่างๆ)
ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่ารถ ค่าแชร์ หนี้บัตรเครดิต ค่าบ้าน รวมถึงค่าโทรศัพท์ของสามี และให้เงินแม่สามีไว้ใช้จ่าย
ถามว่าจ่ายเยอะขนาดนี้ ทันไหม
จริงๆก็ไม่ทันหรอก ค่าบ้านก็ค้างมาหลายงวดละ

เมื่อก่อน ตอนสามีมีรายได้เสริมเข้ามา ก็รับผิดชอบ ค่าบ้าน ค่ารถ
แต่พอเงินขาด ก็ต้องเป็นเราที่รับหน้าที่ต่อ

สามีส่งเงินมาให้เดือนละ หมื่นบ้าง หมื่นกว่าบ้าง
แต่ก็ไม่เคยพอ พอกลางๆเดือน เราก็ต้องโอนให้
หรือเวลาเขาจะกลับบ้านก็ต้องโอนให้ 3-5 พันบาท ทุกครั้ง

ซึ่งมันเป็นเรื่องราวทะเลาะกัน
เพราะเรารู้สึกว่า เราเหนื่อยนะ ที่ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อให้เศรษฐกิจครอบครัวมันไม่ติดขัด
เวลาลูกหลับเราต้องทำงาน ขับมอเตอร์ไซด์
ส่วนสามีขับรถยนต์
เราพยายามประหยัดให้ส่วนของเรา
ซึ่งมีแต่เราคนเดียว ที่พยายามรักษาเงินทุกบาททุกสตางค์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
พอพูด หรือบ่น สามีก็พูดว่าเราไม่ยอมใช้เอง
มีเงินก็ไม่ซื้อเอง ช่วยไม่ได้
ของที่เค้าซื้อ มันคือเงินของเค้า
แล้วเงินทุนที่มีหมุนทุกวันนี้ก็เงินของเค้า

เราเลยถามว่า เวลาช้อปปิ้ง ไม่คิดสงสารเราบ้างหรอ
เราเลี้ยงลูก 2 คน แม่เค้าอีก ทำงานหาเงิน ทำงานบ้านเองทุกอย่าง
ขับรถ ทนร้อน ตากแดด เหนื่อยแค่ไหน?

เค้ากลับอารมณ์เสียใส่ บอกว่าเราอิจฉา พูดจาไร้สาระ มีเงินก็ยิ้มไม่ใช้เอง พอเห็นคนอื่นซื้อก็มาโวยวาย
เราว่า แล้วเราจะเอาจากที่ไหน เพราะต้องเก็บไว้มีค่าใช้จ่ายเยอะแยะ เวลาเค้าเงินหมดก็ต้องโอนให้เค้าอีก

สามีว่า รำคาญ ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่

เราน่ะจะไปเมื่อไหร่ก็ได้นะ แต่สงสารลูกมาก

ทรัพย์สินบ้าน รถ ทุกอย่างเป็นชื่อสามีหมด ซึ่งเราไม่อยากได้หรอก เราหาเองได้....

ที่เล่ามานี้ มีใครรู้สึกว่า ตัวเราเองที่เห็นแก่ตัว และใจแคบบ้าง
และเราควรปรับ ทัศนคติยังไง
คือ เราสงสารลูก แต่ก็สงสารตัวเองด้วย
มันเหมือนทำคุณบูชาโทษ
เพราะเวลา การค้าเจ๊งทีไร ญาติพี่น้องฝ่ายสามี ก็มองว่าเราอยู่ยังไง ทำไมถึงเจ๊ง
แต่ไม่เคยว่า คนของตัวเองเลย

บอกตรงๆนะ เครียดมาก รู้สึกว่า หากสุดๆจริงๆ
อาจจะอยากไปสบายๆแบบเสี่ยเกาะเต่าก็ได้นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่