1.ถ้ารับสมัครอย่างเดียว ถ้าคนมาสมัครไม่พอ จะทำอย่างไร
นี่คือจำนวนความต้องการทหารเกณฑ์ของกองทัพครับ  และในแต่ละปี
จะมีผู้ "ต้องการสมัคร" แค่ประมาณ 55,000 - 58,000 คน เท่านั้น  นั่นก็คือ
มีคนสมัครใจประมาณครึ่งนึง  และถูกบังคับครึ่งนึง

ตามความเห็นผม  แรงจูงใจที่ดีที่สุดคือ  ให้ "เงิน" ตอบแทนสูง ๆ ครับ  จะเรียกว่าเงินเดือน
หรือ เงินค่าอะไรก็แล้วแต่  อัดเงินเพิ่มเข้าไปเลยอีก 2 เท่า .... แต่ เมื่อคำนวณดูคร่าว ๆ แล้ว
ทหารเกณฑ์จำนวน 110,000 นาย  รับราชการนาน 24 เดือน  หากเพิ่มเงินเข้าไปคนละ 10,000 บาท
จะต้องใช้งบประมาณในส่วนนี้มากถึง 26,000 ล้านบาท เลยทีเดียว  (เอ๊ะ .... เงินจำนวนนี้  มันเท่ากับ
เงินที่บางพรรคมีนโยบายจะลด งป.กองทัพ 10% นี่หว่า .... อิอิ)

  2.จะสร้างแรงจูงใจอย่างไร ให้คนอยากมาสมัครทหาร
ตามข้อ 1. เลยครับ  การเพิ่มเงินคือสิ่งเดียวที่จะสร้างแรงจูงใจให้ทหารได้
เพราะเค้าสามารถนำเงินส่วนนี้ไปจุนเจือครอบครัวได้  หรือเก็บไว้เป็นต้นทุนประกอบอาชีพได้

3.ใช้วิธีลดนายพลอย่างไร
เอิ่ม ..... ข้อนี้  จขกท.อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปครับ  เพราะการลดอัตรานายพลของกองทัพ
จะไม่ได้สีส่วนได้ส่วนเสียกับการการเกณฑ์ทหารเลย  แม้จะคิดไปว่า  หากนายพลลดจำนวนลง
ทหารเกณฑ์ที่จะต้องไป "รับใช้" พวกนายพลก็จะลดลง  อันนี้เป็นส่วนน้อยมาก ๆ ครับ  ไม่มีนัยสำคัญ
( อ้อ ..... ขอเรียนก่อนว่า  ผมเกลียดระบบการนำพลทหารไปรับใช้นายพลมาก )

4.กำลังพลที่จะลดลง(ครึ่งหนึ่ง) เพียงพอต่อป้องกันประเทศไหมครับ
ไม่พอครับ  เพราะพลทหารทั้งหลายที่เกณฑ์เข้ามาปีละเป็นแสน ๆ คน
ล้วนแต่ "บรรจุ" ลงในอัตราหน่วยรบทั้งนั้นเลย  เช่น .....
- อัตราพลยิง พลสื่อสาร  ในกองร้อยทั่วไป
- อัตรากำลังพลประจำสถานีต่าง ๆ ในเรือรบ
- อัตรากองร้อยรักษาความปลอดภัย  ตาม บก.กรม  ,  บก.กองพันต่าง ๆ ทั่วประเทศ

หากตัดทิ้งไปถึง ครึ่งหนึ่ง ..... จะทำให้กำลังพลในหน่วยรบทั่วประเทศ "ขาด" ครับ  ทำให้ไม่สามารถรบจริงได้
(ภารกิจยามสงบก็ไม่ถึงกับคอขาดบาดตายหรอก  แต่หากรบจริง  จะทำไม่ได้ครับ)